สวัสดีครับสมาชิกพันทิพและห้องชายคาทุกๆท่าน วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี จะมารีวิว บอกเล่าประสบการณ์การซื้อบ้านหลังแรก จริงๆก็ตั้งใจจะทำกระทู้ไว้เป็นไดอารี่ของเค้า(น้องบ้าน)อยู่แล้ว ก็เป็นบ้านหลังแรกอ่ะเนอะ แต่ไหนๆห้องชายคาก็มีกิจกรรมประดับดาวในช่วงนี้พอดี เผื่อจะได้สติ๊กเกอร์มาสะสมกับเค้าบ้าง ^^
จุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้เลยก็คือ อยากมีเซฟโซนที่กว้างขึ้นจากตอนแรกเป็นแค่ห้องเล็กๆในหอพัก แล้วก็ความอยากแต่งบ้าน อยากเลี้ยงแมว อยากทำอาหารเอง(ปกติไม่เคยทำ เพราะหอพักไม่สะดวกที่จะทำอาหาร T_T) ประกอบกับอายุที่มากขึ้น(30+) แล้วก็อยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าจะสามารถมีเครดิตที่จะซื้อบ้านได้ซักหลังนึงไหมในชีวิตนี้
จุดเริ่มต้น
...ในคืนนึงนอนไม่หลับก็ไถหน้าฟีดFB ไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ปรากฏโพสโปรโมทโครงการหมู่บ้านนี้ขึ้นมา ทาวโฮมส์ลายอิฐสีน้ำตาล ในแบบที่ชอบเลย ก็เข้าไปดูข้อมูลก็พบว่าโครงการยังไม่เปิดพรีเซลล์เลย แต่ก็มีบ้านตัวอย่างให้ดูแล้ว ที่ตั้งโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากหอพักและที่ทำงานเราซักเท่าไหร่ ก็เลยลองชวนเพื่อนเข้าไปดูบ้านตัวอย่างของโครงการ
วันที่ 23 เมษายน 65 : เข้าไปดูบ้านตัวอย่างที่โครงการที่ตั้งอยู่ในซอยลาดกระบัง54 ก็มีคุณเซลล์พาไปชมบ้านที่มีอยู่2ไทป์ (1ที่จอดรถกับแบบ2ที่จอดรถ) เราสนใจแค่แบบ1ที่จอดรถ เพราะเห็นว่ามันเหมาะกับการอยู่คนเดียวดีอ่ะ ซึ่งบ้านไทป์1ที่จอดรถนี้ มีขนาด 16.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 99.00 ตารางเมตร เป็นลักษณะทาวน์โฮม2ชั้น 2ห้องนอน 1ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ ในสไตล์New York (ตามคำโปรยในโฆษณาของโครงการอ่ะนะ) บรรยากาศ สภาพแวดล้อมในหมู่บ้านตอนที่ไปดูคือ สวยมาก คลับเฮ้าท์ที่ดูเป็นเอกลักษณ์สไตล์New York สวนเล็กๆ ปลูกดอกไม้สวยงาม ส่วนตัวบ้านที่เราเห็นเป็นลายอิฐที่เราชอบนั้นจะมีแค่โซนด้านหน้า ซึ่งราคาก็จะสูงหน่อย ส่วนโซนอื่นๆจะไม่ใช่ลายอิฐแต่มีความโดดเด่นตรงที่หน้าบ้านในแต่ละหลังในแถวเดียวกันจะไม่เหมือนกัน ทั้งสีและตำแหน่งของบ้านประตู หน้าต่าง รูปแบบของหน้าต่างหน้าบ้านก็ไม่เหมือนกัน ความเก๋นี้เป็นอีกจุดนึงที่เราชอบ
รูปบางส่วนของวันที่เข้าไปดูโครงการ
วันที่ 28 เมษายน 65 : หลังจากกลับมานอนคิดอยู่3วัน เราก็ตัดสินใจไปวางเงินจอง5000บาท โดยเลือกบ้านหลังโซนที่อยู่ด้านหลังคลับเฮาส์ของหมู่บ้านพอดี เพราะจะได้ไม่มีบ้านตรงข้ามให้จ๊ะเอ๋กัน ^^ แล้วก็ใกล้ส่วนกลางของหมู่บ้านด้วย แต่โครงการนี้เป็นแบบสร้างไปขายไป ไม่ใช่บ้านที่เสร็จพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งบ้านโซนที่เราจองไปนั้น ก็ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอยู่เลย ในกำหนดสัญญาบอกว่าจะโอนได้ภายในเดือนตุลาคม ซึ่งนับจากนี้ก็เหลืออีกตั้ง6-7เดือน ก็น่าจะเสร็จทันแน่นอน
รูปแปลงและแบบบ้านที่จองไว้
สนุกสนานกับการเตรียมเอกสาร
หลังจากนั้นเซลล์ก็บอกว่าจะส่งข้อมูลของเราให้กับตัวแทนธนาคารต่างๆเพื่อทำการประเมินเบื้องต้น ก็มีติดต่อเรามา3ธนาคาร โดยที่เราไม่ต้องไปติดต่อทำเรื่องที่ธนาคารเองเลย ธนาคารแรกที่ติดต่อเข้ามาคือ ธนาคารสีม่วง ตามด้วยสีฟ้า และสีส้ม ด้วยความที่เราไม่เคยติดต่อธุรกรรมกับธนาคารแบบนี้มาก่อน พอมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาก็ดูจะ งงๆ ลนๆ นิดนึงในการเตรียมเอกสาร อันนี้เราจะเล่าหลักๆแค่ธนาคารที่เราเลือกนะครับ ซึ่งก็คือธนาคารสีม่วง นั่นเอง
ซึ่งธนาคารสีม่วงเนี่ย เป็นธนาคารที่ติดต่อเข้ามาเป็นธนาคารแรก เร็วมากกกกกก เอกสารที่เจ้าหน้าที่ให้เตรียมก็เยอะมากกกกกก
-บัตรประชาชน,ทะเบียนบ้าน เซ็นต์สดอย่างละ1ชุด
-สลิปเงินเดือนย้อนหลัง6เดือน
-สเตทเม้นย้อนหลัง6เดือนล่าสุด
-ทวิ50หรือภงด.91ปี63หรือ64
-เงินออมเงินเก็บ ทรัพย์สินปลอดภาระ(แคปหน้าจอในแอพฯยอดเงินคงเหลือ+หน้าBook Bank)
**เอกสารทั้งหมดสแกนเป็น PDF.หรือถ่ายรูปส่งในไลน์ได้หมดเลย
ด้วยความที่แบบรู้สึกว่าธนาคารขอเยอะมาก ทำไมต้องขอดูเงินออม หรือทรัพย์อื่นๆด้วยอ่ะ(ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ) ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไปว่าถ้าไม่มีเงินออมแต่มีเป็นทองคำรูปพรรณหรือโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของเราแทนจะได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าได้ ให้ถ่ายรูปทองคำที่มีคู่กับบัตรประชาชนแล้วระบุว่าเส้นไหนกี่บาทมูลค่ารวมเท่าไหร่ ในตอนนั้นเราเองมีอยู่3บาท เป็นทองคำเส้นละ1บาท 3เส้น บวกกับโฉนดที่ดินที่ต่างจังหวัด2ใบ ที่เป็นชื่อของเรา ใบแรกเป็นที่ดิน1งาน80ตารางวา ส่วนใบที่2เป็นที่ดิน10ไร่ ก็ให้ญาติที่ต่างจังหวัดถ่ายรูปโฉนดแล้วส่งมาให้เรา เราก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร
ส่วนสเตทเม้น เราไปขอที่ธนาคาร ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าสามารถขอแบบออนไลน์ได้ในแอพฯของธนาคารเลย(ธนาคารสีเขียว) ฟรีด้วย ซึ่งจะส่งมาให้เราทางอีเมลล์ แต่ตอนไปขอที่ธนาคารเสียตังค์จำไม่ได้ว่า100หรือ200บาทนี่แหล่ะครับ เราก็จะได้สเตทเม้นย้อนหลังฉบับจริงมา1ชุด
เราสนุกมากกับการเตรียมเอกสารต่างๆ เพราะไฟแห่งความอยากมีบ้านนั้นร้อนแรงเต็มที่ เราจึงส่งเอกสารทั้งหมดให้กับธนาคารสีม่วงได้เรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว แต่....ยังไม่จบ เจ้าหน้าที่ทักมาถามสลิปโบนัส ถ้ามีก็ให้ส่งไปให้ ซึ่งเราโชคดีมากที่โบนัสปีที่ผ่านมา ได้เยอะแบบจุกๆ ก็น่าจะเป็นผลดีช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหน้าที่ได้ ^^ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทางธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโรของเรา
และแล้ววันที่ 9 พฤษภาคม 65 เจ้าหน้าที่ก็ทักมาบอกผลรอบแรกว่าอนุมัติ100% พร้อมแจ้งวงเงินอนุมัติ และค่าใช้จ่ายต่างๆในวันโอนของธนาคารสีม่วงที่เจ้าหน้าที่บอกเรามา ก็จะมีดังนี้
1.ค่าประกันอัคคีภัยประมาณ7000-8000บาท
2.ค่าอากรสแตมป์ประมาณ 1200 บาท
รวมประมาณ9200บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลอนุมัติจะอยู่ได้ประมาณ3เดือน แต่ถ้าเกิน3เดือนต้องส่งเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่ง ณ ตอนนั้นบ้านเราอ่ะยังไม่เสร็จ เราก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าบ้านจะโอนได้ประมาณเดือนตุลาคมเลย จะทำยังไงดีไม่อยากส่งเอกสารใหม่ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า งั้นจะขอขยายผลไปให้จาก3เดือนเป็น6เดือน ถึงตอนนั้นก็แค่ตรวจบูโรอย่างเดียวไม่ต้องส่งเอกสารใหม่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ย้ำหนักๆเลยว่า ช่วงนี้อย่าเพิ่งสร้างภาระหนี้ในบูโร เพราะผลอาจจะไม่อนุมัติเหมือนวันนี้
"พยายามอย่าไปซื้ออะไร ไปกู้อะไรเพิ่มเด็ดขาดนะคะ ขอให้โอนบ้านก่อนนะคะ อันนี้สำคัญจริงๆ" นี่เป็นประโยคที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ย้ำเตือนในไลน์ ซึ่งจุดนี้เราคิดว่าเจ้าหน้าที่มีความใส่ใจและเคี่ยวเข็นเราดีจริงๆ ฮ่าๆ ซึ่งเราก็ทำตามนะ เพราะกลัวจะไม่อนุมัติ
อ่ะ..ในระหว่างที่รอบ้านเสร็จ เราก็ยังมีการคุยกับเจ้าหน้าธนาคารที่ในเรื่องที่สงสัยอยู่บ้าง(ถามเยอะหน่อยก็เป็นบ้านหลังแรกอ่ะเนอะ^^) หนึ่งในนั้นก็คือการขอวงเงินอนุมัติเพิ่มเป็น110% เพราะกะว่าจะเอามาเผื่อเป็นค่าตกแต่งบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ลองคำนวณมาให้แล้วก็แจ้งว่าสามารถทำได้
หลังจากทราบผลจากธนาคารทั้ง3 ว่าอนุมัติรอบแรกให้เราแล้ว
วันที่27 พฤษภาคม 65 : เราก็ไปจ่ายเงินทำสัญญาจะซื้อจะขาย 10,000 บาท ที่โครงการ
โดยคุณเซลล์ก็แจ้งว่าเราจะต้องจ่ายเงินดาวน์2งวด งวดละ 7,500 บาท ในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม รวมเป็นเงิน 15,000 บาท
(ซึ่งเงินที่เราจ่ายๆไปก่อนนี้จะได้คืนทั้งหมดเป็นจำนวน30,000บาท แบ่งเป็นเงินจอง5,000บาท เงินทำสัญญาจะซื้อจะขาย10,000บาทและเงินดาวน์2เดือนอีก15,000บาท)
ในระหว่างนี้คุณเซลล์ของโครงการก็มีการส่งรูปความคืบหน้าของการก่อสร้างบ้านของเรามาอัพเดตให้เราเป็นระยะๆ
รูปที่คุณเซลล์ของทางโครงการส่งอัพเดตมาให้ดู
สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด
มาถึงตอนไฟนอลของการทำสัญญาเงินกู้กับธนาคาร
วันที่23 สิงหาคม ธนาคารทั้ง3 ก็เริ่มติดต่อกลับมาเพื่อขอให้ส่งเอกสาร เพื่อทำการประเมินรอบสุดท้ายเพื่ออนุมัติจริง
1.ธนาคารสีม่วง เราแจ้งไปว่าจะขอกู้แค่100% เหมือนเดิม ไม่เอาค่าตกแต่ง10% เพิ่มแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า งั้นก็ไม่ต้องส่งเอกสารอะไรเพิ่มเติม ธนาคารจะแค่ทำการตรวจบูโรของเราเท่านั้น แล้วก็รอฟังผลไฟนอลเกร๋ๆได้เลย
2.ธนาคารสีฟ้า เจ้าหน้าที่แจ้งให้ส่งเอกสารใหม่เป็นสลิปเงินเดือนเม.ย.-ส.ค. 65กับเสตทเมน เดือน เม.ย.-ส.ค. 65
3.ธนาคารสีส้ม เจ้าหน้าที่แจ้งให้ส่งเอกสารใหม่เป็นหนังสือรับรองเงินจากบริษัท/สลิปเงินเดือน มิ.ย.-ส.ค. 65/สเตทเม้น เดือน มี.ค.-ส.ค. 65
วันที่ 7 กันยายน 65 : ธนาคารสีม่วงแจ้งอนุมัติจริง
วันที่ 8 กันยายน 65 : ธนาคารสีส้มแจ้งว่าอนุมัติจริง
วันที่ 21 กันยายน 65 : ธนาคารสีฟ้า แจ้งอนุมัติจริง
*ธนาคารสีฟ้าเป็นธนาคารเดียวที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินบ้านก่อนอนุมัติจริง...
สุดท้ายเราเลือกธนาคารสีม่วง ^^
หลังจากที่เราตัดสินใจเลือกธนาคาร บอกเลยว่าตอนที่ต้องเป็นฝ่ายเลือกเนี่ย ลำบากใจมาก อาจจะเพราะส่วนตัวเราเป็นคนขี้เกรงใจด้วยอ่ะ พอต้องเลือกจาก3ให้เหลือ1 มันเลยสร้างความลำบากใจให้เราขั้นสุด สุดท้ายเราก็เลือกความสบายใจ ว่าที่ผ่านมาคุยกับธนาคารไหนมากสุด สบายใจสุด ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆธนาคารที่ได้ติดต่อกัน เพราะเราได้ข้อมูลได้ความรู้ต่างๆในเรื่องการทำธุรกรรมเงินกู้จากพวกเขาเยอะมากๆ พอเลือกธนาคารได้ เราก็จัดการหาทีมมาตรวจบ้านก็ติดต่อไปบริษัทนึง กำหนดตรวจรอบแรกคือวันเสาร์ที่24 กันยายน ทางเซลล์ก็โทรมานัดวันโอนบ้านกับเรา เป็นวันที่29 กันยายน 65 เราก็แย้งไปว่า ทำไมรีบโอนจัง ไม่ใช่เดือนตุลาคมหรอ เซลล์ก็บอกว่าถ้าโอนเดือนตุลาคม มันจะเปลี่ยนไตรมาสใหม่ เราต้องส่งเอกสารทำเรื่องกู้ใหม่หมด
แต่ ณ ตอนนั้น ด้วยความที่เป็นช่วงพายุเข้าติดต่อกันเป็นสัปดาห์(พายุโนรู) ทั้งฝนตก ลาดกระบังเองก็น้ำท่วม ทำให้เรารู้เลยว่าเป็นอุปสรรคกับการก่อสร้างบ้านแน่ๆ ซึ่งทางคุณเซลล์ก็โทรมาคุยกับเราแล้วบอกตรงๆว่า บ้านเสร็จไม่ทัน ขอให้เราเลื่อนการตรวจบ้านออกไป อ่ะเราก็เลื่อนนัดตรวจบ้านออกไปเป็นวันที่28 กันยายน แต่ดูแล้วบ้านคือยังไงก็ไม่เสร็จพร้อมตรวจแน่ๆ แล้วช่วงนั้นฝนก็คือตกทู้กวัน เราปวดหัวมากกับปัญหานี้ เพราะความกลัวว่าถ้าต้องโอนบ้านในวันที่29 กันยายน แต่บ้านยังไม่ได้ตรวจเลยนะ บ้านยังไม่เสร็จอ่ะ ก็เข้ามาหาข้อมูลในพันทิพ 100% คือบอกว่าอย่าโอนบ้านก่อนบ้านเสร็จ คือแบบปัญหานี้คือกวนใจเรามาก แต่ด้วยความที่เข้าใจโครงการด้วยส่วนนึงว่าอาจล่าช้าเพราะประจวบเหมาะกับเป็นช่วงพายุหนักมากเข้าพอดี ฝนตกเป็นอุปสรรค งานก็ไม่เดิน เราเข้าใจในจุดนี้ โดยไม่ได้คิดว่ามีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้การก่อสร้างล่าช้า
วันที่26 กันยายน 65 : เซลล์โทรมาขอให้เลื่อนการตรวจบ้านเป็นครั้งที่2 ครั้งนี้เซลล์บอกว่าบ้านจะเสร็จพร้อมตรวจประมาณกลางๆเดือนตุลาคมแน่นอน เราก็แบบ หนักใจมาก นั่นหมายถึงเราต้องโอนบ้านก่อนบ้านเสร็จหรอเนี่ย
**ต่อในคอมเม้นต์ครับ
@@ [My Home Diary] : รีวิวการซื้อบ้านหลังแรกในชีวิต#1 @@
จุดเริ่มต้นของบ้านหลังนี้เลยก็คือ อยากมีเซฟโซนที่กว้างขึ้นจากตอนแรกเป็นแค่ห้องเล็กๆในหอพัก แล้วก็ความอยากแต่งบ้าน อยากเลี้ยงแมว อยากทำอาหารเอง(ปกติไม่เคยทำ เพราะหอพักไม่สะดวกที่จะทำอาหาร T_T) ประกอบกับอายุที่มากขึ้น(30+) แล้วก็อยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าจะสามารถมีเครดิตที่จะซื้อบ้านได้ซักหลังนึงไหมในชีวิตนี้
จุดเริ่มต้น
...ในคืนนึงนอนไม่หลับก็ไถหน้าฟีดFB ไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ปรากฏโพสโปรโมทโครงการหมู่บ้านนี้ขึ้นมา ทาวโฮมส์ลายอิฐสีน้ำตาล ในแบบที่ชอบเลย ก็เข้าไปดูข้อมูลก็พบว่าโครงการยังไม่เปิดพรีเซลล์เลย แต่ก็มีบ้านตัวอย่างให้ดูแล้ว ที่ตั้งโครงการก็อยู่ไม่ไกลจากหอพักและที่ทำงานเราซักเท่าไหร่ ก็เลยลองชวนเพื่อนเข้าไปดูบ้านตัวอย่างของโครงการ
วันที่ 23 เมษายน 65 : เข้าไปดูบ้านตัวอย่างที่โครงการที่ตั้งอยู่ในซอยลาดกระบัง54 ก็มีคุณเซลล์พาไปชมบ้านที่มีอยู่2ไทป์ (1ที่จอดรถกับแบบ2ที่จอดรถ) เราสนใจแค่แบบ1ที่จอดรถ เพราะเห็นว่ามันเหมาะกับการอยู่คนเดียวดีอ่ะ ซึ่งบ้านไทป์1ที่จอดรถนี้ มีขนาด 16.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 99.00 ตารางเมตร เป็นลักษณะทาวน์โฮม2ชั้น 2ห้องนอน 1ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ ในสไตล์New York (ตามคำโปรยในโฆษณาของโครงการอ่ะนะ) บรรยากาศ สภาพแวดล้อมในหมู่บ้านตอนที่ไปดูคือ สวยมาก คลับเฮ้าท์ที่ดูเป็นเอกลักษณ์สไตล์New York สวนเล็กๆ ปลูกดอกไม้สวยงาม ส่วนตัวบ้านที่เราเห็นเป็นลายอิฐที่เราชอบนั้นจะมีแค่โซนด้านหน้า ซึ่งราคาก็จะสูงหน่อย ส่วนโซนอื่นๆจะไม่ใช่ลายอิฐแต่มีความโดดเด่นตรงที่หน้าบ้านในแต่ละหลังในแถวเดียวกันจะไม่เหมือนกัน ทั้งสีและตำแหน่งของบ้านประตู หน้าต่าง รูปแบบของหน้าต่างหน้าบ้านก็ไม่เหมือนกัน ความเก๋นี้เป็นอีกจุดนึงที่เราชอบ
หลังจากนั้นเซลล์ก็บอกว่าจะส่งข้อมูลของเราให้กับตัวแทนธนาคารต่างๆเพื่อทำการประเมินเบื้องต้น ก็มีติดต่อเรามา3ธนาคาร โดยที่เราไม่ต้องไปติดต่อทำเรื่องที่ธนาคารเองเลย ธนาคารแรกที่ติดต่อเข้ามาคือ ธนาคารสีม่วง ตามด้วยสีฟ้า และสีส้ม ด้วยความที่เราไม่เคยติดต่อธุรกรรมกับธนาคารแบบนี้มาก่อน พอมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาก็ดูจะ งงๆ ลนๆ นิดนึงในการเตรียมเอกสาร อันนี้เราจะเล่าหลักๆแค่ธนาคารที่เราเลือกนะครับ ซึ่งก็คือธนาคารสีม่วง นั่นเอง
ซึ่งธนาคารสีม่วงเนี่ย เป็นธนาคารที่ติดต่อเข้ามาเป็นธนาคารแรก เร็วมากกกกกก เอกสารที่เจ้าหน้าที่ให้เตรียมก็เยอะมากกกกกก
-บัตรประชาชน,ทะเบียนบ้าน เซ็นต์สดอย่างละ1ชุด
-สลิปเงินเดือนย้อนหลัง6เดือน
-สเตทเม้นย้อนหลัง6เดือนล่าสุด
-ทวิ50หรือภงด.91ปี63หรือ64
-เงินออมเงินเก็บ ทรัพย์สินปลอดภาระ(แคปหน้าจอในแอพฯยอดเงินคงเหลือ+หน้าBook Bank)
**เอกสารทั้งหมดสแกนเป็น PDF.หรือถ่ายรูปส่งในไลน์ได้หมดเลย
ด้วยความที่แบบรู้สึกว่าธนาคารขอเยอะมาก ทำไมต้องขอดูเงินออม หรือทรัพย์อื่นๆด้วยอ่ะ(ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ) ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไปว่าถ้าไม่มีเงินออมแต่มีเป็นทองคำรูปพรรณหรือโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของเราแทนจะได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าได้ ให้ถ่ายรูปทองคำที่มีคู่กับบัตรประชาชนแล้วระบุว่าเส้นไหนกี่บาทมูลค่ารวมเท่าไหร่ ในตอนนั้นเราเองมีอยู่3บาท เป็นทองคำเส้นละ1บาท 3เส้น บวกกับโฉนดที่ดินที่ต่างจังหวัด2ใบ ที่เป็นชื่อของเรา ใบแรกเป็นที่ดิน1งาน80ตารางวา ส่วนใบที่2เป็นที่ดิน10ไร่ ก็ให้ญาติที่ต่างจังหวัดถ่ายรูปโฉนดแล้วส่งมาให้เรา เราก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร
ส่วนสเตทเม้น เราไปขอที่ธนาคาร ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าสามารถขอแบบออนไลน์ได้ในแอพฯของธนาคารเลย(ธนาคารสีเขียว) ฟรีด้วย ซึ่งจะส่งมาให้เราทางอีเมลล์ แต่ตอนไปขอที่ธนาคารเสียตังค์จำไม่ได้ว่า100หรือ200บาทนี่แหล่ะครับ เราก็จะได้สเตทเม้นย้อนหลังฉบับจริงมา1ชุด
เราสนุกมากกับการเตรียมเอกสารต่างๆ เพราะไฟแห่งความอยากมีบ้านนั้นร้อนแรงเต็มที่ เราจึงส่งเอกสารทั้งหมดให้กับธนาคารสีม่วงได้เรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว แต่....ยังไม่จบ เจ้าหน้าที่ทักมาถามสลิปโบนัส ถ้ามีก็ให้ส่งไปให้ ซึ่งเราโชคดีมากที่โบนัสปีที่ผ่านมา ได้เยอะแบบจุกๆ ก็น่าจะเป็นผลดีช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหน้าที่ได้ ^^ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทางธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโรของเรา
และแล้ววันที่ 9 พฤษภาคม 65 เจ้าหน้าที่ก็ทักมาบอกผลรอบแรกว่าอนุมัติ100% พร้อมแจ้งวงเงินอนุมัติ และค่าใช้จ่ายต่างๆในวันโอนของธนาคารสีม่วงที่เจ้าหน้าที่บอกเรามา ก็จะมีดังนี้
1.ค่าประกันอัคคีภัยประมาณ7000-8000บาท
2.ค่าอากรสแตมป์ประมาณ 1200 บาท
รวมประมาณ9200บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลอนุมัติจะอยู่ได้ประมาณ3เดือน แต่ถ้าเกิน3เดือนต้องส่งเอกสารใหม่ทั้งหมด ซึ่ง ณ ตอนนั้นบ้านเราอ่ะยังไม่เสร็จ เราก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าบ้านจะโอนได้ประมาณเดือนตุลาคมเลย จะทำยังไงดีไม่อยากส่งเอกสารใหม่ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า งั้นจะขอขยายผลไปให้จาก3เดือนเป็น6เดือน ถึงตอนนั้นก็แค่ตรวจบูโรอย่างเดียวไม่ต้องส่งเอกสารใหม่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ย้ำหนักๆเลยว่า ช่วงนี้อย่าเพิ่งสร้างภาระหนี้ในบูโร เพราะผลอาจจะไม่อนุมัติเหมือนวันนี้ "พยายามอย่าไปซื้ออะไร ไปกู้อะไรเพิ่มเด็ดขาดนะคะ ขอให้โอนบ้านก่อนนะคะ อันนี้สำคัญจริงๆ" นี่เป็นประโยคที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ย้ำเตือนในไลน์ ซึ่งจุดนี้เราคิดว่าเจ้าหน้าที่มีความใส่ใจและเคี่ยวเข็นเราดีจริงๆ ฮ่าๆ ซึ่งเราก็ทำตามนะ เพราะกลัวจะไม่อนุมัติ
อ่ะ..ในระหว่างที่รอบ้านเสร็จ เราก็ยังมีการคุยกับเจ้าหน้าธนาคารที่ในเรื่องที่สงสัยอยู่บ้าง(ถามเยอะหน่อยก็เป็นบ้านหลังแรกอ่ะเนอะ^^) หนึ่งในนั้นก็คือการขอวงเงินอนุมัติเพิ่มเป็น110% เพราะกะว่าจะเอามาเผื่อเป็นค่าตกแต่งบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ลองคำนวณมาให้แล้วก็แจ้งว่าสามารถทำได้
หลังจากทราบผลจากธนาคารทั้ง3 ว่าอนุมัติรอบแรกให้เราแล้ว
วันที่27 พฤษภาคม 65 : เราก็ไปจ่ายเงินทำสัญญาจะซื้อจะขาย 10,000 บาท ที่โครงการ
โดยคุณเซลล์ก็แจ้งว่าเราจะต้องจ่ายเงินดาวน์2งวด งวดละ 7,500 บาท ในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม รวมเป็นเงิน 15,000 บาท
(ซึ่งเงินที่เราจ่ายๆไปก่อนนี้จะได้คืนทั้งหมดเป็นจำนวน30,000บาท แบ่งเป็นเงินจอง5,000บาท เงินทำสัญญาจะซื้อจะขาย10,000บาทและเงินดาวน์2เดือนอีก15,000บาท)
ในระหว่างนี้คุณเซลล์ของโครงการก็มีการส่งรูปความคืบหน้าของการก่อสร้างบ้านของเรามาอัพเดตให้เราเป็นระยะๆ
สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุด
มาถึงตอนไฟนอลของการทำสัญญาเงินกู้กับธนาคาร
วันที่23 สิงหาคม ธนาคารทั้ง3 ก็เริ่มติดต่อกลับมาเพื่อขอให้ส่งเอกสาร เพื่อทำการประเมินรอบสุดท้ายเพื่ออนุมัติจริง
1.ธนาคารสีม่วง เราแจ้งไปว่าจะขอกู้แค่100% เหมือนเดิม ไม่เอาค่าตกแต่ง10% เพิ่มแล้ว เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า งั้นก็ไม่ต้องส่งเอกสารอะไรเพิ่มเติม ธนาคารจะแค่ทำการตรวจบูโรของเราเท่านั้น แล้วก็รอฟังผลไฟนอลเกร๋ๆได้เลย
2.ธนาคารสีฟ้า เจ้าหน้าที่แจ้งให้ส่งเอกสารใหม่เป็นสลิปเงินเดือนเม.ย.-ส.ค. 65กับเสตทเมน เดือน เม.ย.-ส.ค. 65
3.ธนาคารสีส้ม เจ้าหน้าที่แจ้งให้ส่งเอกสารใหม่เป็นหนังสือรับรองเงินจากบริษัท/สลิปเงินเดือน มิ.ย.-ส.ค. 65/สเตทเม้น เดือน มี.ค.-ส.ค. 65
วันที่ 7 กันยายน 65 : ธนาคารสีม่วงแจ้งอนุมัติจริง
วันที่ 8 กันยายน 65 : ธนาคารสีส้มแจ้งว่าอนุมัติจริง
วันที่ 21 กันยายน 65 : ธนาคารสีฟ้า แจ้งอนุมัติจริง
*ธนาคารสีฟ้าเป็นธนาคารเดียวที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปประเมินบ้านก่อนอนุมัติจริง...สุดท้ายเราเลือกธนาคารสีม่วง ^^
หลังจากที่เราตัดสินใจเลือกธนาคาร บอกเลยว่าตอนที่ต้องเป็นฝ่ายเลือกเนี่ย ลำบากใจมาก อาจจะเพราะส่วนตัวเราเป็นคนขี้เกรงใจด้วยอ่ะ พอต้องเลือกจาก3ให้เหลือ1 มันเลยสร้างความลำบากใจให้เราขั้นสุด สุดท้ายเราก็เลือกความสบายใจ ว่าที่ผ่านมาคุยกับธนาคารไหนมากสุด สบายใจสุด ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆธนาคารที่ได้ติดต่อกัน เพราะเราได้ข้อมูลได้ความรู้ต่างๆในเรื่องการทำธุรกรรมเงินกู้จากพวกเขาเยอะมากๆ พอเลือกธนาคารได้ เราก็จัดการหาทีมมาตรวจบ้านก็ติดต่อไปบริษัทนึง กำหนดตรวจรอบแรกคือวันเสาร์ที่24 กันยายน ทางเซลล์ก็โทรมานัดวันโอนบ้านกับเรา เป็นวันที่29 กันยายน 65 เราก็แย้งไปว่า ทำไมรีบโอนจัง ไม่ใช่เดือนตุลาคมหรอ เซลล์ก็บอกว่าถ้าโอนเดือนตุลาคม มันจะเปลี่ยนไตรมาสใหม่ เราต้องส่งเอกสารทำเรื่องกู้ใหม่หมด
แต่ ณ ตอนนั้น ด้วยความที่เป็นช่วงพายุเข้าติดต่อกันเป็นสัปดาห์(พายุโนรู) ทั้งฝนตก ลาดกระบังเองก็น้ำท่วม ทำให้เรารู้เลยว่าเป็นอุปสรรคกับการก่อสร้างบ้านแน่ๆ ซึ่งทางคุณเซลล์ก็โทรมาคุยกับเราแล้วบอกตรงๆว่า บ้านเสร็จไม่ทัน ขอให้เราเลื่อนการตรวจบ้านออกไป อ่ะเราก็เลื่อนนัดตรวจบ้านออกไปเป็นวันที่28 กันยายน แต่ดูแล้วบ้านคือยังไงก็ไม่เสร็จพร้อมตรวจแน่ๆ แล้วช่วงนั้นฝนก็คือตกทู้กวัน เราปวดหัวมากกับปัญหานี้ เพราะความกลัวว่าถ้าต้องโอนบ้านในวันที่29 กันยายน แต่บ้านยังไม่ได้ตรวจเลยนะ บ้านยังไม่เสร็จอ่ะ ก็เข้ามาหาข้อมูลในพันทิพ 100% คือบอกว่าอย่าโอนบ้านก่อนบ้านเสร็จ คือแบบปัญหานี้คือกวนใจเรามาก แต่ด้วยความที่เข้าใจโครงการด้วยส่วนนึงว่าอาจล่าช้าเพราะประจวบเหมาะกับเป็นช่วงพายุหนักมากเข้าพอดี ฝนตกเป็นอุปสรรค งานก็ไม่เดิน เราเข้าใจในจุดนี้ โดยไม่ได้คิดว่ามีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้การก่อสร้างล่าช้า
วันที่26 กันยายน 65 : เซลล์โทรมาขอให้เลื่อนการตรวจบ้านเป็นครั้งที่2 ครั้งนี้เซลล์บอกว่าบ้านจะเสร็จพร้อมตรวจประมาณกลางๆเดือนตุลาคมแน่นอน เราก็แบบ หนักใจมาก นั่นหมายถึงเราต้องโอนบ้านก่อนบ้านเสร็จหรอเนี่ย
**ต่อในคอมเม้นต์ครับ