พอดีแม่ผม ชอบทำแบบนี้ เวลาตำหนิมักจะไม่พูดแค่เรื่องตรงหน้า
แต่จะพยายามไปคุ้ยเรื่องอื่นๆ มาประกอบการอธิบาย
ซึ่ง
ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันมาก่อน
แม้จะพยายามโยงว่ามันเกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่เพราะทำแบบนี้ทำให้ผมที่ถูกตำหนิ
รู้สึกโมโหมาก
ถ้าโดนตำหนิแค่เรื่องตรงหน้า ผมจะไม่โมโหเลย
แต่ถ้าโดนโยงเรื่องอื่นมาเมื่อไหร่ (ส่วนใหญ่ชอบโยงเรื่องที่เคยกระทบกระทั่งมาก่อน) ผมมักจะทนไม่ได้ เสียใจ คิดมาก
รวมทั้งเอาเรื่องที่มีผลกระทบทางจิตใจ มาพูดเชิงข่มขู่ว่า ถ้าไม่ทำลูกจะต้องเจอกับ....ที่ลูกกลัวไม่ชอบนะ เพราะงั้นอย่าทำ
ขอเดาว่า แม่คงคิดว่าพูดแค่เรื่องตรงหน้าผมคงไม่ฟัง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เลยต้องพูดแบบนี้ เพื่อกระตุ้น
ได้ผลจริงครับผมไม่ลืมเลย แลกกับการโมโหรู้สึกแย่ทำร้ายจิตใจพอสมควร
ถ้าตำหนิแค่เรื่องตรงหน้า = ผมจะไม่รู้สึกทำร้ายจิตใจเลย
พวกท่านมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ
พอจะวิเคราะห์ได้ไหม ว่าคนที่พูดแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร
เวลาคุณตำหนิลูก คุณจะพยายามหาเหตุผลเรื่องอื่นๆ มาโยงเข้ากับเรื่องที่กำลังตำหนิไหมครับ
แต่จะพยายามไปคุ้ยเรื่องอื่นๆ มาประกอบการอธิบาย
ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันมาก่อน
แม้จะพยายามโยงว่ามันเกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่เพราะทำแบบนี้ทำให้ผมที่ถูกตำหนิ รู้สึกโมโหมาก
ถ้าโดนตำหนิแค่เรื่องตรงหน้า ผมจะไม่โมโหเลย
แต่ถ้าโดนโยงเรื่องอื่นมาเมื่อไหร่ (ส่วนใหญ่ชอบโยงเรื่องที่เคยกระทบกระทั่งมาก่อน) ผมมักจะทนไม่ได้ เสียใจ คิดมาก
รวมทั้งเอาเรื่องที่มีผลกระทบทางจิตใจ มาพูดเชิงข่มขู่ว่า ถ้าไม่ทำลูกจะต้องเจอกับ....ที่ลูกกลัวไม่ชอบนะ เพราะงั้นอย่าทำ
ขอเดาว่า แม่คงคิดว่าพูดแค่เรื่องตรงหน้าผมคงไม่ฟัง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เลยต้องพูดแบบนี้ เพื่อกระตุ้น
ได้ผลจริงครับผมไม่ลืมเลย แลกกับการโมโหรู้สึกแย่ทำร้ายจิตใจพอสมควร
ถ้าตำหนิแค่เรื่องตรงหน้า = ผมจะไม่รู้สึกทำร้ายจิตใจเลย
พวกท่านมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ
พอจะวิเคราะห์ได้ไหม ว่าคนที่พูดแบบนี้มีจุดประสงค์อะไร