JJNY : 5in1 แฟลชม็อบพรึบBTSสยาม│“สุทิน”โชว์นโยบายใหม่│'ธนาธร'เปิดสนามวิ่งเทรล│พืชผักปลาราคาพุ่ง│‘หมอหม่อง’เสียความรู้สึก

แฟลชม็อบ พรึบ บีทีเอสสยาม บก.ลายจุด นำแต่งชุดดำ ไล่ 'ประยุทธ์'
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7307614

แฟลชม็อบ พรึบ บีทีเอสสยาม บก.ลายจุด นำแต่งชุดดำ ไล่ ‘ประยุทธ์’ ชี้เป็นความสิ้นหวังของคนทั้งประเทศ ยันจัดจนกว่าจะไป
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ต.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดประชาชนร่วมกิจกรรมทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กว่า 
 
“#วันอาทิตย์สีดำ #2 Flash Mob บนรถไฟฟ้า เมื่อครึ่งขบวนเป็นเสื้อดำ แว่นตาดำ เดินเข้าออกทุกสถานี และวนกลับมาที่เดิม พบกัน Siam One ทางขึ้น BTS สยาม
 
อาทิตย์ที่ 9 ตค 65 เวลา 13.00 น รับสมัคร 500 คน ใครไม่มีค่าตั๋วมาเอากับผม ส่วนคนที่ซื้อตั๋วเองให้ซื้อสถานีเดียว 15 บาท เพราะเรากลับที่เดิม ปล. สำหรับคนที่ขึ้นขบวนระหว่างทาง สันงานจะแชร์ Realtime GPS เพื่อติดตามตำแหน่งขบวนรถ” 
 
เมื่อถึงเวลานัดหมาย บก. ลายจุดเดินทางมาถึงทางขึ้นสถานี BTS สยาม จุดนัดหมายจัดกิจกรรม และมีประชาชนจำนวนหนึ่งทยอยเดินทางสมทบ โดยสวมเสื้อสีดำและแว่นตากันแดดสีดำ บางรายถือป้ายที่มีข้อความว่า “กว้างxยาว คือสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนหาพื้นที่ ส่วนสูตรนายกรัฐมนตรี นั้นคือ ด้านxด้าน” และ “ประยุทธ์อาจเป็นความหวังของใครบางคน แต่เป็นความสิ้นหวังของคนทั้งประเทศ” 
 
จากนั้น บก.ลายจุดจึงเริ่มกิจกรรม โดยการขึ้นไปซื้อตั๋วให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม ก่อนทยอยกันเดินเข้าไปยังชานชาลา บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบไม่มีเหตุการรุนแรงแต่อย่างใด

นายสมบัติ กล่าวว่า กิจกรรมแฟลชม็อบจะนัดกันสวมใส่เสื้อผ้าสีดำจนกว่าประยุทธ์และคณะจะไม่มีอำนาจ เราจะทำกิจกรรมให้จบเร็ว และจากนั้นเราจะลองดูปฏิกิริยาว่า มันจะสร้างผลกระทบขนาดไหน พวกเราจะขึ้นรถไฟฟ้าที่แรกที่สถานีสยาม และไปลงที่ราชเทวี แล้วออกให้หมด จากนั้นรอรถไฟฟ้าสายต่อไปเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีห้าแยกลาดพร้าว พอถึงเราจะวนกลับไปขึ้นฝั่งตรงข้าม แล้วทำอย่างแบบแรกอีกครั้ง โดยระหว่างที่ทำกิจกรรมอยู่บนรถไฟฟ้าพวกเราจะไม่ตะโกนหรือส่งเสียงรบกวนผู้โดยสารคนอื่น


 
“สุทิน คลังแสง”โชว์เด็ด นโยบายใหม่ “เงินโอน คนสร้างตัว” ให้ผู้มีรายได้น้อยอยู่อย่างมั่นคง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3609090
  
สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทยนำเสนอนโยบาย “เงินโอน คนสร้างตัว” จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ จะได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย   ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


'ธนาธร' ควง นายก อบต.เข็กน้อย เปิดสนามวิ่งเทรล ในชุมชนม้ง หวังสร้าง “ชาโมนีส์เมืองไทย”
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7307592
 
‘ธนาธร’ ควง นายก อบต.เข็กน้อย เปิดสนามวิ่งเทรล ในพื้นที่ชุมชนม้งที่ใหญ่ที่สุดในไทย หวังสร้าง “ชาโมนีส์เมืองไทย” ดึงรายได้เข้าชุมชน
 
วันที่ 9 ต.ค.65 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายนราพงษ์ ทรงสวัสดิ์วงศ์ นายก อบต. เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์  ร่วมกิจกรรมพูดคุยและเปิดตัวสนามแข่งวิ่งเทรล La Sportiva Kheknoi Ultra Trail ซึ่งจัดโดย ลา สปอร์ติวา แบรนด์อุปกรณ์กีฬา และการผจญภัยสัญชาติอิตาลี ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสนามแข่งนี้
 
นายธนาธร พูดถึงความสำคัญของรัฐ ในการสนับสนุนให้ประชาชนได้เล่นกีฬา และออกกำลังกาย ในฐานะหนึ่งในการรับมือสังคมสูงวัย เพราะประชากรที่ออกกำลังสม่ำเสมอ จะแก่ตัวอย่างมีคุณภาพ แข็งแรง ไม่เป็นโรคภัยร้ายแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี
 
นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมกีฬายังสามารถสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น ทำให้คณะก้าวหน้า สนับสนุนให้ท้องถิ่นหลายแห่งที่ทำงานร่วมกัน และพื้นที่มีศักยภาพ  คิดจัดอีเวนท์แข่งขัน หนึ่งในนั้นก็คือ อบต.เข็กน้อย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขาค้อ มีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สวยงาม และเส้นทางขึ้นลงเขาท้าทายนักแข่งอย่างมาก
 
โดยศักยภาพพื้นที่สามารถเป็น “ชาโมนีส์เมืองไทย” หรือเป็นเมืองหลวงแห่งกิจกรรมท่องเที่ยวกีฬาเชิงผจญภัย เหมือนกับที่เมืองชาโมนีส์ของฝรั่งเศส  เป็นเมืองหลวงของกิจกรรมผจญภัยแห่งยุโรปและของโลก
 
ด้าน นายนราพงษ์ กล่าวว่า โจทย์หลักที่เป็นความเจ็บปวดของคนในพื้นที่มาตลอด คือเข็กน้อยอยู่ติดกับเขาค้อ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมามากตลอดปี แต่พื้นที่เข็กน้อยกลับไม่มีใครมาเที่ยว ไม่เป็นที่รู้จัก ประชาชนยากจนขาดอาชีพ
 
เมื่อได้เป็นนายก อบต. จึงตั้งใจว่าจะพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงให้ได้ โดยจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าชุมชนอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมในชุมชน ซึ่งเข็กน้อยเป็นชุมชนม้งที่ใหญ่ที่สุดในไทย
  
ด้าน ชุมพล ครุฑแก้ว นายกสมาคมวิ่งเทรลแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาการจัดงาน La Sportiva Kheknoi Ultra Trail ระบุว่า สนามแข่งเข็กน้อยมีลักษณะพิเศษมาก คือสามารถจัดเรซระดับ 100 กิโลเมตรได้โดยอยู่ในตำบลเดียว ในขณะที่สนามอื่นต้องจัดเส้นทางข้ามอำเภอ ข้ามจังหวัดให้ครบ 100 กม. แสดงให้เห็นว่าพื้นที่มีสภาพหุบเขาสลับซับซ้อนเหมาะกับการวิ่งเทรลมาก แต่ไม่ได้เดินทางมายากเกินไป บวกกับมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ แวดล้อมด้วยอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ทุ่งแสลงหลวง มีทัศนียภาพสวยงามมาก จึงถือว่าไม่เกินจริงถ้าจะบอกว่าที่นี่สามารถเป็นชาโมนีส์เมืองไทยได้
  
ทั้งนี้ La Sportiva Kheknoi Ultra Trail จะจัดการแข่งขันในวันที่ 14-15 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นกลางฤดูหนาว มีสภาพอากาศแห้งและหนาวเย็น เหมาะกับการวิ่ง การแข่งจะมี 5 ระยะ ตั้งแต่ 10,30,50,70 และ 100 กิโลเมตร โดยรายได้จากการแข่งจะถูกกระจายให้กับชุมชนในตำบลเข็กน้อย



พิษ "น้ำท่วม" พืชผักสวนครัว-ปลาราคาพุ่งสองเท่าตัว
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1031435

ผลกระทบจาก "น้ำท่วม" หนัก ส่งผลให้พืชผักสวนครัวตายจำนวนมาก ขาดแคลน จึงมีราคาพุ่งสูงกว่าช่วงปกติ 2-3 เท่าตัว

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 65 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเลย ถนนเจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเลย ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 2-6 ต.ค. 65 โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองเลย และตลาดทั้งสองแห่งทั้งตลาดเช้าแห่งนี้ และตลาดเย็น ถนนเจริญรัฐ ชุมชนบ้านติ้ว ต่างถูกน้ำท่วมด้วยกันต้องปิดบริการจากภัยธรรมชาติทำให้พื้นที่ อ.เมืองเลย อันเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวจำนวนมากที่สุดของจังหวัดเลยถูกน้ำท่วมขังหลายวัน ผักชนิดต่างๆ ตายจำนวนมากหลายแห่ง ไม่มีเกษตรกรนำผักมาส่งที่ตลาดสด ตลอดจนปลาดุก ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน ก็ขาดตลาดเนื่องจากภัยดังกล่าว พ่อค้าแม่ขายในตลาดต้องขอรับซื้อผักรับซื้อปลามาจากต่างจังหวัดแทนที่จำต้องจ่ายเงินในราคาแพง และหลายจังหวัดใกล้เคียงก็ถูกกับภาวะน้ำท่วมเช่นกัน 

นางบุญปัน คำสุข แม่ค้าขายผักที่ตลาดแลง (บ้านติ้ว) เทศบาลเมืองเลย กล่าวว่า ปกติแม่ค้าจังหวัดเลยจะรับผักมาจาก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพราะมีชาวม้งปลูกกันจำนวนมาก ส่วนที่จังหวัดเลยก็ปลุกกันส่วนใหญ่คือหน้าหนาว เกี่ยวกับผลกระทบน้ำท่วมหนักและช่วงน้ำลดลง นั้น ราคาผักสูงขึ้นจากเข่งละ 13 บาท ขึ้นเป็น 200  บาท/เข่ง ส่วนผักที่รับซื้อเป็นกิดลกรัม จากเคยราคา 40 บาทต่อกิโลกรัม ก็ขึ้นเป็น 70 บาทต่อกิโลกรัม ยอดขายตกฮวบ เพราะคนไม่ออกจากบ้านน้ำท่วม หลังน้ำท่วมก็ต้องล้างทำความสะอาดบ้านเรือน เก็บสิ่งของ ส่วนหน้าหนาวจะมาถึงราคาน่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเลยจะปลูกกันหลายพื้นที่เพื่อขายส่งตลาด และเพื่อบริโภคเอแงในครอบครัว จะลดราคาลง แต่จะขายผักยากขึ้นเนื่องจากปริมาณมาก เป็นกลไกทางการตลาด ช่วงนี้สูงขึ้นเฉลี่ยแล้ว 50% จากช่วงปกติซึ่งได้มีราคาสูงมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลกินเจมาถึงขณะนี้ที่น้ำท่วมหนักพึ่งจะเริ่มแห้งลง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ปลาชนิดต่าง เดิมเฉลี่ย 50-55 บาท  มาช่วงหลังน้ำท่วมเฉลี่ย 60-70 บาท จำเป็นต้องรับซื้อเพราะค้าขายมานานไม่มีอาชีพอื่นทำ ประชาชน-ลูกค้าก็เข้าใจปัญหานี้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่บ่นอันเป็นเรื่องธรรมดา ตามภาวะตลาดตามปริมาณจำนวนพืชผักและปลาที่เข้าตลาด คิดว่าคงใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะปกติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่