นักล่า (1)

กระทู้สนทนา

เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเอง ชื่อ ยศ ตำแหน่ง เรื่องราว เหตุการณ์ ผู้เขียนสมมุติขึ้นมาทั้งนั้น ตรงไหนไม่ถูกต้องชี้แนะได้นะคะ

————————————————————————

             เปิดแฟ้มคดีที่ 1 ใครฆ่า ส.ส.

             “ไม่ว่ามืงจะกบดานอยู่ที่ไหน ขึ้นเหนือล่องใต้ ออกนอกประเทศ ไปเขมรพม่าหรือยุโรป กูก็จะตามล่ามืงไปทุกที่ มืงไปได้กูก็ไปได้”

              พากษ์เสียงภาษาไทยโดย สืบพงษ์ ฮ่า ให้จินตนาการว่า เสียงของผมหล่อเหมือนเสียงพากษ์ของทีมพันธมิตรนะครับ มันคือสโลแกนการทำงานของผมและทีมงานล่ะ

              เด็กรุ่นลูกไม่ฆ่า ผู้หญิงไม่ฆ่า และใครไม่สู้ไม่วิสามัญ นี่เป็นการทำงานของพวกผม ฆ่าคนมันบาป ไม่อยากฆ่าหรอก ถ้ามันไม่ฆ่าผมก่อน เสียใจทุกครั้งที่ได้ยิงคนตาย ไม่จำเป็นผมจะไม่วิสามัญใครเลย

              …………………………………….

              ก่อนอื่นผมอยากแนะนำตัวว่า ผมชื่อสืบพงษ์ ไม่ต้องรู้นามสกุลหรอก เดี๋ยวก่อนนะ! คำว่า ไม่ต้องรู้นามสกุลหรอก ไม่ใช่นามสกุลของผมนะ ผมหมายถึงพวกคุณไม่ต้องทราบนามสกุลของผมครับ

              ประโยคที่ผมจั่วหัวไว้น่ะ พวกคุณคงเดาไม่ยากว่าผมทำงานอะไร อาชีพอะไร ใครเดาไม่ได้ก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดละ ใช่ครับ… ผมเป็นนายพราน ฮ่า

              ชีวิตของผม จะบอกว่าแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ได้นะ ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ชายแดนใต้หรอก ต่างกันแค่ตรงสถานที่ทำงานเท่านั้นล่ะ ผมทำงานอยู่ภาคกลาง ผมเป็นตำรวจสังกัดกองปราบ ไปทุกที่ที่นายสั่ง มีเวลาอยู่กับครอบครัวไม่เท่าไหร่ อะแฮ่ม! กระซิบ ๆ นะ สาว ๆ ใครอยากเป็นแฟนตำรวจต้องคอยเก่งนะครับ

              ผมเพิ่งกลับจากกาญจนบุรีไม่กี่วันนี่เองครับ ไปล่าเสือเก่า ปัจจุบันหนีคดีไปบวชเป็นพระ ก็ไม่รอดหรอกครับ อย่าคิดว่าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้วจะรอด บุญก็ส่วนบุญอยู่หรอก แต่คดีที่ก่อไว้ก็ต้องรับผิดชอบ เดี๋ยวคดีนี้จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง

              หืมม์ อย่างที่ผมบอกว่าชีวิตผมแขวนอยู่บนเส้นด้าย พอมีชีวิตรอดกลับมา สิ่งที่ผมต้องทำคือเติมเต็มความสุขให้กับตัวเองและครอบครัว รอบนี้เราได้กลับมาพร้อมลมหายใจ แต่ไม่รู้ว่ารอบไหนเราจะได้กลับมาพร้อมผืนธงชาติ พร้อมยศเจ็ดขั้นเก้าขั้นก็ว่ากันไป แต่ลมหายใจไม่มีแล้ว

              ชีวิตตำรวจหน่วยปราบปราม ไม่ค่อยมีตัวตนในโลกออนไลน์สักเท่าไหร่ แทบจะไม่มีเลย พวกเราต้องไม่เป็นที่รู้จักกับใครให้มากที่สุด จะได้ง่ายต่อการทำงาน เราจะไม่มีตัวตนในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะกับใครหรือแม้แต่ครอบครัว ถ้าไม่จำเป็น

              ถ้าอยากจะมีตัวตนก็ได้ ผมว่าไม่จำเป็น ไม่ควร พวกผมก็ไม่มีใครทำสักคน ต้องไม่เป็นที่รู้จักกับใครให้มากที่สุด จะเป็นที่รู้จักกับทุกคนอย่างโจ่งแจ้งได้ ก็ต่อเมื่อเกษียณราชการนู่นล่ะ เหมือนตำรวจกองปราบหลาย ๆ ท่านที่เกษียณไปแล้ว พวกท่านเหล่านี้ค่อยออกสื่อครับ

              เอาล่ะเกริ่นมามากพอสมควรแล้ว กลับจากทำงานรอบนี้ผมเหนื่อยสุด ๆ จะนอนกอดแฟนให้หายเหนื่อยเลย ทุกครั้งที่ผมปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ ผมมักจะชดเชยให้ตัวเองโดยการกิน กินทุกอย่างที่ผมอยากกิน ให้แฟนเตรียมไว้รอ

              ในบางครั้งผมก็ไปพักผ่อนกันเองกับพี่ ๆ ในทีมที่ร้านประจำ ทีมงานหนุ่มหล่อขาวตี๋ของพวกผมล่ะครับ อืมม์! เป็นทีมงานของพวกผมที่ตั้งขึ้นมาเอง ฮ่า พวกเราก็ไปนั่งร้านเหล้ากัน ยกเว้นรอบนี้

              วันนี้ผมอยากฉลองกับเมีย เอ้ย! ไม่สุภาพ ๆ กับภรรยาเรียกแฟนก็ได้ ผมอยากจะฉลองกับเธอกันสองคน จึงขอแยกตัวออกจากเฮียมา ก็สั่งให้เธอเตรียมของไว้รอ พร้อมเหล้ากลมนึง เหล้าต้องเป็นบรั่นดีด้วยนะ อุตส่าห์รอดตายมาได้ ขอเหล้าดี ๆ หน่อย

              พวกเรากำลังปาร์ตี้เล็ก ๆ ภายในห้องพักกันสองคน อาหารก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกครับ ผมอยากกินหมูกระทะ เธอก็จัดให้ผมชุดใหญ่ไฟกระตุกเลย พร้อมบรั่นดีกลมนึง กลิ่นหมูติดมันย่างหอมกรุ่นเย้ายวนใจ สไบนางกรุบกรอบ ตับหวาน ๆ นุ่ม ๆ กิมจิเปรี้ยวนิด ๆ กินเข้ากันอย่างลงตัว ผมกำลังเพลิดเพลินดื่มด่ำไปกับความสุขเล็ก ๆ นี้ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้าล่ะครับ

              “อาตี๋” เสียงปลายสายเอ่ยเรียกผมทันทีที่รับสาย เป็นเสียงของสารวัตรกองปราบแห่งลุ่มน้ำภาคกลางครับ สารวัตรปิติหรือเฮียเปิ้ลเอง อ่อ ผมไม่ได้ชื่อตี๋นะ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นเจ๊กด้วย พอดีสารวัตรท่านเป็นคนจีนครับ พ่อท่านเป็นคนจีน ท่านชอบเรียกลูกน้องว่าอาตี๋ คนที่อายุน้อยกว่าท่านนะ ท่านจะเรียกแบบนี้ แล้วให้พวกผมเรียกท่านว่าเฮีย ไม่มียศ ไม่มีนาย ไม่มีหัวหน้าครับสำหรับท่าน

              “เฮ้ยอาตี๋… หิต” ท่านเรียกผม ห้ามผวน! ใครบังอาจกล้าผวนล่ะก้อ ผมยิงทิ้งแบบไม่มีปรานี ไม่มีข้อยกเว้นแน่ หึหึ ท่านสารวัตรมักจะล้อผมแบบนี้ประจำ ลูกน้องทุกคนล่ะครับ ท่านมักจะล้อขำ ๆ กันตลอด จะได้ไม่เครียด

              “ครับเฮีย” ผมตอบ “เฮียก็ติด เอ้ย! ก็ตี๋เหมือนผมล่ะคร้าบ” ผมตอบไป พวกเราหัวเราะให้กันผ่านทางโทรศัพท์ ทีมงานของผม การเป็นอยู่ของพวกผมคุยกันแบบนี้ล่ะครับ รู้ยศ รู้ตำแหน่ง แต่พวกเราคุยกันแบบนี้ ลูกน้องทุกคนรักท่านมาก รวมตัวผมเองด้วย ท่านบอกออกสื่อค่อยคุยกันอีกภาษา

              “เดี๋ยววันนี้คืนนี้มืงมีความสุขกับเมียมืงให้เต็มที่นะ ให้มาก ๆ ให้พอนะ อยากกินไรกิน กินให้อิ่ม อยากทำไรทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามืงไปเพชรบุรีกับกูหน่อย” สารวัตรปิติกล่าว อีกแล้วครับ! เหมือนงานจะเข้าอีกแล้ว แต่ก็ต้องทำ

              “วันถัดไปไม่ได้เหรอครับ” ผมต่อรอง

              “เฮ้ยไม่ได้! นายสั่งกูมาเนี่ย มืงไปที่เพชรบุรีซิ มันจับคนยิงไม่ได้สักที เขาเห็นว่ากูรู้จักนักเลงแถวนั้นไง เลยให้กูไปเนี่ย ทรหดอดทนจริง ๆ ชีวิตกู พึ่งกลับจากกาญจนบุรียังไม่ทันเข้าบ้านเลย” สารวัตรบ่น เพราะพึ่งกลับมาจากกาญจนบุรีล่ะครับ ทว่าท่านบ่นปนขำนะครับ ผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว มันคืองาน ก่อนเข้ามาทำงานตรงนี้ก็ทราบดีและเข้าใจ สารวัตรท่านขึ้นชื่อลือนามคนหนึ่งนะครับ

              “ครับเฮีย” ผมตกลง จากนั้นก็บอกให้แฟนทราบ ตัวแฟนผมก็เข้าใจนะครับ ผมบอกแล้ว เป็นแฟนตำรวจต้องเข้าใจและยอมรับ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะชินแล้ว จากนั้นเราก็ปาร์ตี้กันอย่างสบายใจสบายอารมณ์กันต่อ

              เช้านี้ผมกับสารวัตรปิติพร้อมทีมงานอีกสองคน เดินทางไปยังจังหวัดเพชรบุรีตามคำสั่งกันแต่เช้า อ่า ผมขอเรียกว่าสารวัตรเปิ้ลก็แล้วกัน หรือเฮียเปิ้ลนะจะได้ง่ายต่อการเล่า

              เฮียเปิ้ลท่านกว้างขวางจริงครับ รู้จักนักเลงในพื้นที่ทุกคน ท่านเป็นคนจริงนะ คำไหนคำนั้น ทำคือทำ ไม่ทำคือไม่ทำ ปล่อยคือปล่อย ฆ่าคือฆ่า บอกว่ารอดก็คือรอด นักเลงแถวนั้นรู้จักท่านดี ต่างก็นับถือท่าน กระซิบนิดนึงว่าท่านก็นักเลงคนหนึ่งล่ะครับ เคยปฏิบัติงานอยู่แถวเพชรบุรีก็หลายปีเลยทีเดียว

              เหตุคือมีนักการเมืองถูกลอบยิงเสียชีวิตด้วยปืน M16 คาดว่าเกิดจากการขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องตลาดสด คดียิงนักการเมืองนี่ถือเป็นคดีใหญ่พอสมควร เฮียก็พาพวกผมไปที่นั่น เฮียตระเวนถามกลุ่มนักเลงชื่อดังในจังหวัดหลายคน ทุกคนต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ

              “ไอ้หมูมืงเป็นคนยิงเปล่า” เฮียถามนักเลงพื้นที่คนหนึ่ง “ถ้ามืงยิงมืงบอกกู กูจะช่วยมืง อย่างมากติดคุกสิบปี ถ้ามืงปฏิเสธแล้วกูสืบได้เองว่าเป็นมืง กูจะไม่ช่วยมืง คดีนี้มืงโดนประหารแน่” เฮียพูด

              “นาย! ผมไม่ได้ทำ วันที่ท่าน ส.ส. โดนยิงน่ะ ผมไปหาหมอที่โรงพยาบาล เป็นเบาหวาน รักษาเบาหวานอยู่ ช่วงนี้ผมไม่รับงาน นายไม่เชื่อตามไปเช็กประวัติผมที่โรงพยาบาลนี้ได้เลย” นายหมูปฏิเสธ ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเฮียไปเช็กที่โรงพยาบาล พบว่าวันนั้นนายหมูไปหาหมอจริง ๆ

              เมื่อนายหมูไม่ใช่ผู้ต้องหาตามที่สงสัย เฮียก็ไปเจอมือปืนอีกคน คือ นายบรรจบ “อาตี๋ มืงเปล่าที่ยิง ส.ส.” เฮียถามตรง ๆ แบบนี้เลยล่ะครับ คนพวกนั้นรู้จักเฮียดี และไม่กล้าโกหกแน่นอน “ถ้ามืงทำบอกเฮียมา มืงจะได้ไม่ต้องโดนประหารชีวิต คดียิงนักการเมืองมืงก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ จับได้ตายสถานเดียว” เฮียออกลูกขู่ไปด้วย

              นายบรรจบเองก็ปฏิเสธ “โถ่เฮีย ผมไม่ได้ทำ วันนั้นน่ะ ผมกับไอ้ต้อยไปเที่ยวกันที่ประจวบ ร้านอาหารร้านนี้ เฮียพาลูกน้องไปเช็กได้เลย อีกอย่างก็อย่างที่เฮียพูด ยิงนักการเมืองเรื่องดังจะตาย ไม่มีมือปืนคนไหนเขากล้ารับงานกันหรอก ถ้าไม่ร้อนเงินจริง เสี่ยงจะตาย เฮียก็ยังรู้” นายบรรจบปฏิเสธ จากนั้นเฮียก็พาพวกผมไปสืบหาข้อมูลของนายบรรจบกับพวกว่ามาเที่ยวที่นี่จริงไหม ปรากฏว่ามาจริง! นายบรรจบตกไป

              “หืมม์ สงสัยวันนี้คงไม่ใช่ฤกษ์จับโจรของพวกเราว่ะ รอก่อน รอฤกษ์ก่อน พรุ่งนี้รู้แน่ว่าใครทำ” เฮียเปิ้ลหรือสารวัตรปิติพูด พร้อมเหยียดยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า ผมลอบมองท่านบางครั้งท่านก็ดูเหี้ยมมากจริง ๆ

              รุ่งเช้ามาสารวัตรพาพวกผมออกไปสืบเสาะหาคนร้ายแต่เช้า เป้าหมายใหญ่รายต่อไป คือ นายสมหมาย นักเลงคนนี้เป็นลูกน้องของเจ้าของตลาดในอำเภอนั้น เป็นตลาดเก่าแก่ที่อยู่คู่อำเภอมานาน เจ้าของตลาดรายนี้แหละเป้าหมายที่พวกผมสงสัย ทำไมน่ะหรือ ก็นักการเมืองที่โดนลอบยิงท่านจะเปิดตลาดแข่งกับคนนี้ไง แต่ต้องมาโดนลอบยิงเสียชีวิตไปก่อน

              “ไอ้หมายมืงเป็นคนยิงท่าน ส.ส. ใช่มั้ย หรือลูกน้องมืง” มาถึงเฮียก็ถามแบบตรง ๆ แบบนี้แหละครับ

              “เฮียผมไม่ได้ทำ” นายสมหมายปฏิเสธอีกคน ผมมีเซ้นส์ว่าสารวัตรน่าจะทราบแล้วว่าใครเป็นคนทำตัวจริง “เฮียจะมองว่าผมเป็นลูกน้องนายประเสริฐแล้วคิดว่าผมทำไม่ได้นะ” นายหมายกล่าว

              “มืงไม่ได้ทำ แต่ลูกน้องมืงทำใช่มั้ย” สารวัตรถามอีก

              “อันนี้ผมก็ไม่รู้ เฮียลองไปถามไอ้เบิ่มดูสิ เผื่อมันรู้ วันนี้ผมคงไม่ว่างคุยกับเฮียนะ ผมมีธุระ” นายสมหมายกล่าวพร้อมขอตัว แต่โดนสารวัตรห้ามรั้งไว้ก่อน

              “เดี๋ยวมืงยังไปไหนไม่ได้ไอ้หมาย มืงรอกูก่อน ถ้ามืงไม่ได้ทำมืงไม่ต้องกลัว มืงไม่ยอมบอกกูไม่เป็นไร แต่ถ้ากูสืบเองได้กูเล่นมืงแน่” สารวัตรกล่าว ยึดตัวนายสมหมายเอาไว้ จากนั้นสารวัตรก็ไปเค้นนายเบิ่มลูกน้องของนายสมหมายต่อ

              สารวัตรพาผมและทีมงานไปสอบสวนนายเบิ่ม นายเบิ่มก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่าไม่ได้ทำ ทว่ามีบางคนผิดสังเกต ผมสังเกตเห็นลูกน้องของนายเบิ่มคนหนึ่งมันมีพิรุธครับ มันหลบสายตาแปลก ๆ มันลนลานแปลก ๆ คนไม่สังเกตจะดูไม่ออก พวกผมถูกฝึกมาเป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่ามีคนผิดปกติอยู่คนหนึ่ง คนนั้นคือไอ้เอ็มเด็กร้านโต๊ะสนุกของนายเบิ่มเอง

              ไม่ใช่เพียงผมที่สัมผัสได้ สารวัตรและคนอื่น ๆ ก็ดูออก “มืงรอกูเดี๋ยวนะไอ้เบิ่ม” สารวัตรกล่าวกับนายเบิ่ม จากนั้นก็สั่งให้พวกผมประสานงานกับหน่วยงานอื่น ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการออกหมายจับ เพราะจะต้องใช้กับนายเบิ่มและนายสมหมาย ออกด่วน! ต้องได้ภายในวันนี้ แม้จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม ไม่นานหมายจับก็ส่งตรงมาถึงพวกผม

              สารวัตรโชว์หมายจับแก่นายสมหมายและนายเบิ่ม จากนั้นก็เชิญตัวไอ้เอ็มไปสอบปากคำ

              “เฮียจะอุ้มไอ้เอ็มลูกน้องผมไม่ได้นะครับ เด็กร้านผม” นายเบิ่มคัดค้าน

              “กูไม่ได้อุ้มมืงพูดดี ๆ นะไอ้เบิ่ม กูเชิญตัว! ถ้าไอ้ตี๋คนนี้มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เดี๋ยวกูก็ปล่อยมัน กูเป็นตำรวจมีศักดิ์ศรีพอ มืงไม่ต้องห่วง ส่วนมืงกับไอ้หมาย มืงอยากหนีก็หนีไป หนีให้พ้นสายตากูนะ แต่กูสัญญาเลยนะจะตามจับมืงให้ได้ แล้วกูก็ไม่รับประกันว่ากูจะจับพวกมืงเป็นหรือตาย” สารวัตรพูด ผมรู้และพวกนั้นก็รู้ว่าท่านพูดจริงทำจริง จากนั้นก็พาไอ้เอ็มไปสอบสวนหาความจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่