รองโฆษก ปชป.แฉ “ด.ต.คงเพชร” มือยิงมวลชน กปปส.ผวาถูกฆ่าตัดตอนไม่ยอมไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ขอเข้า รพ.พระมงกุฎ พบประวัติเคยถูกออกจากราชการ แต่ผู้กำกับสืบสวน นครบาล 2 ที่พัวพันคดีอุ้มฆ่า “ทนายสมชาย” นำกลับมารับราชการเพื่อใช้งาน ขณะเดียวกัน ตรวจสอบเสื้อวินมอเตอร์ไซค์พบเป็นของกลางที่เจ้าของหลบหนีคดีฆ่าคนตาย แต่ตำรวจนำมาใช้ก่อเหตุ ปูดระบอบทักษิณตั้ง 3 ทีมก่อเหตุเล่นงาน กปปส. โวย 8 คดีผู้ชุมนุมไม่คืบ
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสโมสรกองทัพบก จนถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์ว่า ในขณะนี้มีความสับสนเพราะมีการชี้นำจากตำรวจนครบาล จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ตำรวจคนดังกล่าวได้ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บาดเจ็บเอง แสดงให้เห็นว่ากลัวการฆ่าตัดตอนจึงไม่ต้องการอยู่ในความดูแลของตำรวจนครบาล ซึ่งในระหว่างนี้ก็ได้ส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า พรรคได้ให้ ส.ส.ในพื้นที่หาข้อมูลเสื้อวินมอเตอร์ไซค์เบอร์ 35 เจ้าของเสื้อที่แท้จริงกำลังหลบหนีคดีฆ่าคนตาย แต่ตำรวจได้นำเอาของกลางดังกล่าวมาใช้ก่อเหตุ
สำหรับประวัติของ ด.ต.คงเพชรนั้น ทหารได้สืบค้นประวัติซึ่งข้อมูลตรงกันว่า ก่อนหน้านี้ชื่ออภิชัย เคยถูกออกราชการไปแล้วเมื่อปี 2552 เป็นลูกน้องของสารวัตรนพดล ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น จรูญเกียรติ ปานแก้ว ดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น.2 มีส่วนพัวพันกับคดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตรด้วย
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า ระบอบทักษิณไม่สามารถระดมเสื้อแดงเข้ามาได้อีกเพราะรากหญ้าได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารของรัฐบาล จึงมีการใช้ 3 ทีมมาทำงาน โดยทีมหนึ่งเป็นการรับงานเมื่อเกษียณแล้วจะได้ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนอีกทีมก็จะได้ไปอยู่ใน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นทหารนอกราชการในสังกัด เสธ.คนหนึ่ง พัวพันคดีการอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร และทีมสุดท้ายคือใช้นักเลง อันธพาล และตำรวจ โดยเฉพาะนักเลงแถวบางบอน จึงเป็น 3 ทีมสายตรงของระบอบทักษิณ มีการแข่งกันทำชั่วตามคำสั่ง ดังนั้น ยุทธศาสตร์จากวอร์รูมต่างประเทศจึงเหี้ยมโหด คิดทำลายล้างอย่างเดียว ทั้งนี้ได้ส่งข้อมูลให้ กปปส.เพื่อระมัดระวังแล้ว
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า คดีต่างๆ ที่เกิดกับผู้ชุมนุม สำนักงานโฆษกพรรคได้ประสานไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทั้ง 8 คดี เพราะไม่มีการสั่งการจาก ผบ.ตร.หรือ รอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบ รวมถึงตำาวจนครบาลด้วย เมื่อประสานไปที่โรงพักก็ไม่มีข้อมูลที่จะมอบให้ในการเปิดเผยความคืบหน้าคดี โดยอ้างว่าไม่มีคำสั่งให้เปิดเผยความคืบหน้า แสดงว่า สตช.กำลังตั้งใจที่จะทำให้คดีเหล่านั้นไม่มีความกระจ่าง ถ้ายังไม่คืบหน้าจะยืนยันเอกสารอย่างเป็นทางการทวงถามอีกครั้ง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคพบหลักฐาน นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ที่ปราศรัยพาดพิงสถาบันจนถูกออกหมายจับโพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อตรวจสอบพิกัดแล้วพบว่าอยู่ที่เชียงใหม่ และข้อความที่โพสต์คือการท้าทายให้มีการจับกุม พร้อมระบุว่าไม่มีทางจับกุมได้เพราะมีการดูแลเป็นอย่างดี จึงขอเรียกร้อง สตช.ให้เร่งรัดดำเนินคดีนี้เพราะเป็นคดีบั่นทอนความมั่นคงสถาบัน ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ร้องเรียน ดังนั้น ตำรวจจะต้องชี้แจงว่ามีความคืบหน้าอย่างไร อีกทั้งเมื่อมีหลักฐานว่ามีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยให้การคุ้มครองดูแลให้สถานที่พักพิงและหลบหนี เพราะบนเฟซบุ๊กของอดีต ส.ส.คนดังกล่าวก็เคยระบุว่าดูแล “ตั้ง อาชีวะ” อยู่ หาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ยังภักดีต่อสถาบัน ขอให้ตั้งทีมไล่ล่าจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้
source:
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000011617
แฉ “ด.ต.คงเพชร” มือยิง กปปส.ผวาถูกฆ่าตัดตอนไม่ยอมไปรักษา รพ.ตำรวจ
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสโมสรกองทัพบก จนถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์ว่า ในขณะนี้มีความสับสนเพราะมีการชี้นำจากตำรวจนครบาล จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ตำรวจคนดังกล่าวได้ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บาดเจ็บเอง แสดงให้เห็นว่ากลัวการฆ่าตัดตอนจึงไม่ต้องการอยู่ในความดูแลของตำรวจนครบาล ซึ่งในระหว่างนี้ก็ได้ส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า พรรคได้ให้ ส.ส.ในพื้นที่หาข้อมูลเสื้อวินมอเตอร์ไซค์เบอร์ 35 เจ้าของเสื้อที่แท้จริงกำลังหลบหนีคดีฆ่าคนตาย แต่ตำรวจได้นำเอาของกลางดังกล่าวมาใช้ก่อเหตุ
สำหรับประวัติของ ด.ต.คงเพชรนั้น ทหารได้สืบค้นประวัติซึ่งข้อมูลตรงกันว่า ก่อนหน้านี้ชื่ออภิชัย เคยถูกออกราชการไปแล้วเมื่อปี 2552 เป็นลูกน้องของสารวัตรนพดล ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น จรูญเกียรติ ปานแก้ว ดำรงตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น.2 มีส่วนพัวพันกับคดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตรด้วย
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า ระบอบทักษิณไม่สามารถระดมเสื้อแดงเข้ามาได้อีกเพราะรากหญ้าได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารของรัฐบาล จึงมีการใช้ 3 ทีมมาทำงาน โดยทีมหนึ่งเป็นการรับงานเมื่อเกษียณแล้วจะได้ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนอีกทีมก็จะได้ไปอยู่ใน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นทหารนอกราชการในสังกัด เสธ.คนหนึ่ง พัวพันคดีการอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร และทีมสุดท้ายคือใช้นักเลง อันธพาล และตำรวจ โดยเฉพาะนักเลงแถวบางบอน จึงเป็น 3 ทีมสายตรงของระบอบทักษิณ มีการแข่งกันทำชั่วตามคำสั่ง ดังนั้น ยุทธศาสตร์จากวอร์รูมต่างประเทศจึงเหี้ยมโหด คิดทำลายล้างอย่างเดียว ทั้งนี้ได้ส่งข้อมูลให้ กปปส.เพื่อระมัดระวังแล้ว
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า คดีต่างๆ ที่เกิดกับผู้ชุมนุม สำนักงานโฆษกพรรคได้ประสานไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทั้ง 8 คดี เพราะไม่มีการสั่งการจาก ผบ.ตร.หรือ รอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบ รวมถึงตำาวจนครบาลด้วย เมื่อประสานไปที่โรงพักก็ไม่มีข้อมูลที่จะมอบให้ในการเปิดเผยความคืบหน้าคดี โดยอ้างว่าไม่มีคำสั่งให้เปิดเผยความคืบหน้า แสดงว่า สตช.กำลังตั้งใจที่จะทำให้คดีเหล่านั้นไม่มีความกระจ่าง ถ้ายังไม่คืบหน้าจะยืนยันเอกสารอย่างเป็นทางการทวงถามอีกครั้ง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคพบหลักฐาน นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ที่ปราศรัยพาดพิงสถาบันจนถูกออกหมายจับโพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อตรวจสอบพิกัดแล้วพบว่าอยู่ที่เชียงใหม่ และข้อความที่โพสต์คือการท้าทายให้มีการจับกุม พร้อมระบุว่าไม่มีทางจับกุมได้เพราะมีการดูแลเป็นอย่างดี จึงขอเรียกร้อง สตช.ให้เร่งรัดดำเนินคดีนี้เพราะเป็นคดีบั่นทอนความมั่นคงสถาบัน ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ร้องเรียน ดังนั้น ตำรวจจะต้องชี้แจงว่ามีความคืบหน้าอย่างไร อีกทั้งเมื่อมีหลักฐานว่ามีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยให้การคุ้มครองดูแลให้สถานที่พักพิงและหลบหนี เพราะบนเฟซบุ๊กของอดีต ส.ส.คนดังกล่าวก็เคยระบุว่าดูแล “ตั้ง อาชีวะ” อยู่ หาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ยังภักดีต่อสถาบัน ขอให้ตั้งทีมไล่ล่าจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้
source: http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000011617