พระไตรปิฎก...ของเถรวาท หรือ ของสาธารณะ

พระธรรมของพระพุทธศาสดา เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประทานมาแล้วให้ชาวโลก นี้เป็นสิ่งที่ปฏิเสธมิได้
แต่ต่อมาเมื่อมีการสังคยนาพระธรรมวินัยหลายครั้ง จนเกิดการแยกนิกายทางพุทธศาสนาเกิดขึ้น
ซึ่งต่อมามีการจารึกพระธรรมวินัยในรูปแบบของพระไตรปิฏกเกิดขึ้น ชาวพุทธ "เถรวาท" จึงยึดถือ
เอาพระไตรปิฏกเป็นหลักใหญ่ในการดำรงพระศาสนา
ดังนั้น การรักษา การสืบทอด พระธรรมทั้ง ๓ ปิฏก จึงเป็นหน้าที่ของชาวเถรวาทที่ดี

อ้างจาก http://oldweb.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/menu2_2.htm
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระไตรปิฎก
ดร.ประมูล สารพันธ์
สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์

👆 เนื่องจากได้ตรวจสอบแล้วว่า ข้อมูลจากเวป เขาระบุว่า สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงขอลบข้อความในส่วนของเวปนี้ออกไปก่อน และ หากมีใครสนใจอ่าน กรุณากดลิงค์เข้าไปอ่านได้ครับ.....

อ้างจาก https://www.matichonweekly.com/column/article_242821
ที่มา  มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ตุลาคม 2562
คอลัมน์  เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผู้เขียน  เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เผยแพร่  วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2562

พระไตรปิฎกเกิดขึ้นครั้งแรก
ตั้งหัวเรื่องอย่างนี้ คล้ายจะบอกว่า พระไตรปิฎกเกิดขึ้นหลายครั้ง มีครั้งแรก ครั้งที่สองด้วย อะไรประมาณนั้น ความจริงก็เกิดขึ้นครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น
เดิมทีเดียวพระไตรปิฎกปรากฏอยู่ในรูปเป็น “พระธรรม-วินัย” (ธมมฺวินย) หรือ “พรหมจรรย์” (พรหฺมจริย) สองคำนี้ใช้เรียกสั่งเดียวกัน คือพระพุทธศาสนาทั้งหมด

พระพุทธเจ้าหลังตรัสรู้แล้ว ก็เสด็จไปประกาศเผยแผ่ให้ประชาชนได้รับทราบ สำนวนภาษาบาลีจึงกล่าวว่า “ทรงประกาศพระธรรมวินัย” บ้าง “ทรงประกาศพรหมจรรย์” บ้าง (ทานโทษเพื่อให้ชัด เดี๋ยวท่านผู้รู้จะทักท้วง ท่านใช้ “ศาสนา” เฉยๆ ต่อมาได้เติมคำว่า “พุทธ” นำหน้าเพื่อให้ชัดเจนว่า ศาสนาในที่นี้คือพระพุทธศาสนา)

ธรรมวินัย อันเป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ในชั้นต้นๆ ก็มิได้รวบรวมเป็นหมวดเป็นหมู่แน่นอน จะมีบ้างที่ถูกเอ่ยถึงบ่อยๆ ก็คือ แบ่งเป็น 9 หมวด เรียก “นวังคสัตุสาสน์” คือ
     (1) คำสอนประเภทร้อยแก้วล้วน
     (2) ประเภทร้อยกรองล้วน
     (3) ประเภทร้อยแก้วผสมร้อยกรอง
     (4) ประเภทอรรธาธิบาย
     (5) ประเภทคำอุทาน
     (6) ประเภทคำอ้างอิง
     (7) ประเภทเรื่องคุณวิเศษเฉพาะตนของพระพุทธเจ้าและพระสาวก
     (8) ประเภทนิทานชาดก เล่าถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้าขณะบำเพ็ญบารมีต่างๆ
     (9) ประเภทคำสนทนาถาม-ตอบเพื่อความรู้ยิ่งๆขึ้น

มีบ้างที่เอ่ยถึงการแบ่งเป็น “วรรค” เช่น ตอนเล่าเรื่องพระโสภณกุฏิกัณณะ สวดธรรมที่อยู่ใน “อัฏฐกวรรค” และ “ปรายนวรรค” ให้พระพุทธเจ้าทรงสดับ 
มีบ้างที่เล่าถึงพระสารีบุตรอัครสวาสวก ได้รจนาพุทธวจนะเป็นหมวดหมู่เรียกว่า “สังคีติสูตร” และ “ทสุตตรสูตร” และเล่าไปถึงว่าเมื่อท่านพระสารีบุตรรจนาเสร็จแล้ว มีโอกาส Present ให้ที่ประชุมสงฆ์ฟังโดยพระพุทธานุญาต ณ สัณฐาคาร (รัฐสภา) ที่สร้างขึ้นใหม่ของเหล่ามัลลกษัตริย์

ทั้งหมดนี้ยังไม่พบการเรียกคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า “พระไตรปิฎก” ในสมัยพุทธกาลแม้หลังพุทธปรินิพพานได้ 3 เดือน เมื่อพระมหากัสสปะเรียก เมื่อพระมหากัสสปะเรียกประชุมพระสงฆ์ 500 รูปร้อยกรอง (สังคายนา) พระพุทธวจนะเป็นหมวดหมู่ ก็ไม่เอยคำว่า “พระไตรปิฎก” ยังคงใช้คำว่า “สังคายนาพระธรรมวินัย” อยู่

แม้พระพุทธศาสนาล่วงเลยมา 100 ปี หลังพุทธปรินิพพาน มีการสังคายนาครั้งที่สอง เพื่อวินิจฉัย “วัตถุ 10 ประการ” ที่กลุ่มภิกษุวัชชีบุตรนำเสนอ ก็ยังเรียกว่า “ธมฺมวินย วิสชฺชนา” (การวิสัชนาพระธรรมวินัย)

พระธรรมวินัยได้กลายมาเป็นพระไตรปิฎกเมื่อใด ไม่มีหลักฐานที่ไหนชัดแจ๋วแหววพอที่จะชี้ลงไปได้แน่นอน คงต้องสันนิษฐานเอาตามหลักฐานเท่าที่มีนำมาปะติดปะต่อกัน

เข้าใจกันว่า ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 2-3 คือหลังสังคายนาครั้งที่ 2 ถึงสังคายนาครั้งที่ 3 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั้นเอง ได้เกิดคำว่า “ปิฎก” ขึ้นสำหรับเรียกพระธรรมวินัย โดย “ธรรม” ได้แตกออกเป็นพระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ส่วน “วินัย” เป็นพระวินัยปิฎก
หลักฐานที่สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ก็คือ ใน “จารึกสาญจิสถูป” มีกล่าวถึงพระเถระพระเถรี ว่ามีความเชี่ยวชาญปิฎกต่างๆ หรือบางส่วนของปิฎก เช่น
  เปฎกินฺ     = พระเถระผู้ทรงจำปิฎกทั้งหลาย
  สุตฺนฺตินี     = พระเถรีผู้ทรงจำพระสูตร
  ทีฆภาณิกา   = พระเถระ/พระเถรีผู้สวดทีฆนิกาย
  ปญฺจเนกายิกา  = พระเถระ/พระเถรี ผู้ทรงจำนิกายทั้ง 5

นอกจากนี้ เล่าถึงพระเจ้าอโศก ทรงแนะให้พระสงฆ์ศึกษาเนื้อหาของพระไตรปิฎกให้เข้าใจแจ่มแจ้งเพื่อนำไปสอนประชาชน มีระบุถึงอริยวสานิ (ตรวจสอบแล้ว ปรากฏอยู่ใน ทีฆนิกาย สังคีติสูตร) อนาตคภยานิ (ปรากฏอยู่ในอังคุตตนิกายและขุททกนิกาย อิติวุตตกะ) เป็นต้น

มีหลักฐานชิ้นหนึ่งว่า คัมภีร์ กลาวัตถุ ได้แต่งขึ้นในสมัยสังคายนาครั้งที่ 3 โดยพระโมคคัลลีบุตร ติสสเถระ และคัมภีร์นี้ได้ถูกผนวกเข้าเป็น 1 ในพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ทำให้เนื้อหาพระอภิธรรมปิฎกสมบูรณ์

จากหลักฐานเหล่านี้ ชี้ว่า พระธรรมวิสัยได้แตกออกเป็นพระไตรปิฎกแล้วในช่วงนี้ จึงพอจะกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า พระไตรปิฎกเกิดขึ้นครั้งแรก หลังพุทธปรินิพพาน ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 2 ถึงที่ 3 และไม่หลังสมัยพระเจ้าอโศกแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่