พท. ชี้ ยุค 'ประยุทธ์' คนมีสีก่อเหตุรุนแรงอื้อ บี้ ปฏิรูปตร.จริงจัง ก่อนสิ้นอายุรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7306250
เพื่อไทย ชี้ คนมีสี ก่อหลายเหตุการณ์ความรุนแรงในรัฐบาล “ประยุทธ์” ประจานปฏิรูปล้มเหลว บี้ แก้ปัญหายาเสพติด-ปฏิรูปตำรวจจริงจังก่อน รัฐบาลสิ้นอายุขัย
เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2565 น.ส.
ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู โดยเฉพาะผู้ปกครอง บิดา มารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรหลานอันเป็นที่รักยิ่ง และขอประณามการก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรง ไร้จิตสำนึก ไร้มนุษยธรรม ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในสังคมไทย
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวต่อว่า หลายเหตุการณ์ความรุนแรงในลักษณะเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตเจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธปืนทำร้ายประชาชนเช่นนี้ เกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่เคยประกาศไว้หลังรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ว่าจะปฏิรูปตำรวจ พล.อ.
ประยุทธ์ กำกับดูแลทั้งกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่สามารถที่จะหนีความรับผิดชอบไปได้
น.ส.
ตรีชฎา กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.
ประยุทธ์ ปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง จริงใจ และเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ก่อนหมดสิ้นอายุขัยของรัฐบาล และขอเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดหนักในขณะนี้ เพราะปัญหาสังคมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ล้วนมาจากยาเสพติด ต้นเหตุบ่อนทำลายสังคมไทยทั้งสิ้น ยาบ้าแม้เพียงเม็ดเดียวก็สร้างปัญหา
“ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศดี มีประสิทธิภาพ เอาใจใส่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเรื่องคนถืออาวุธ ซึ่งเป็นคนมีสี ได้แก่ ทหาร ตำรวจ คอยสั่งการให้มีการสอดส่องดูแล กวดขันตั้งแต่ระดับบนลงมาถึงระดับล่างอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยปละละเลย โอกาสที่จะเกิดตำรวจ ทหารนอกแถว หรืออดีตข้าราชการฝ่ายความมั่นคงไปก่อเรื่องวุ่นวายจะน้อยลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินกว่าจะยอมรับหรือให้อภัยได้ ท่านเป็นนายกฯ ต้องใช้อำนาจที่มีเร่งแก้ปัญหา” น.ส.
ตรีชฎา กล่าว
‘ชัชชาติ’ ลุ้นกรมชลฯปล่อยน้ำ ‘เขื่อนป่าสัก’ จัดบิ๊กแบ๊กรับทุกคลอง กันไหลเข้าหนองจอก-ลาดกระบัง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3606839
‘ชัชชาติ’ ลุ้นกรมชลฯปล่อยน้ำ ‘เขื่อนป่าสัก’ เฝ้าจนสิ้นตุลาฯ จัดบิ๊กแบ๊กรอรับทุกคลอง กันไหลเข้าหนองจอก-ลาดกระบัง
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 8 ตุลาคม ที่สำนักงานเขตดินแดง นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย รศ.ดร.วิ
ศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม., นาย
อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ในกิจกรรม “
ผู้ว่าฯกทม. สัญจร เขตดินแดง” โดยก่อนเข้าประชุมเรื่องการบริหารจัดการ ปัญหา และอุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต ได้มีการกล่าวถึงสถาณการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ
นาย
ชัชชาติกล่าวว่า เมื่อวานน้ำทะเลหนุน +2.20 เมตร ประกอบกับมีฝนตกลงมาในช่วงเย็น ทำให้มีน้ำท่วมขังที่ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพระราม 4 แต่ 1 ชั่วโมงน้ำก็แห้งเป็นปกติ การระบายน้ำเป็นที่น่าพอใจ ควบคุมได้ แต่มีจุดรอยรั่วใกล้สะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้) หากประคองไปอีก 2 วัน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
นาย
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ส่วนสถานีบางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งไม่น่าห่วง แต่ประมาทไม่ได้ มีความกังวลเรื่องน้ำฝนมากกว่า และน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องดูว่ากรมชลประทานจะปล่อยน้ำไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองหกวาสายล่าง เท่าใด เบื้องต้นได้เสริมกระสอบทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ๊ก) ในคลองสายหลักเรียบร้อยแล้ว
ด้าน รศ.ดร.
วิศณุ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลลงมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องเฝ้าระวังน้ำเข้าใต้เขื่อน และจุดที่ฟันหลอ ส่วน น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ไหลออกทางด้านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ผ่านคลองระพีพัฒน์ ทางนาย
อรรถเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ได้เตรียมบิ๊กแบ๊ก ตั้งแต่คลอง 8 ถึงคลอง 13 ไว้แล้ว เพื่อชะลอน้ำไม่ให้ไหลมาทางเขตหนองจอกและลาดกระบัง
รศ.ดร.
วิศณุกล่าวอีกว่า ส่วนน้ำทะเลหนุน ตามที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์ไว้จะสูงสุดในวันที่ 9 ตุลาคม แต่หลังจากนั้นระดับน้ำทะเลหนุนจะทยอยลดลง
“แต่ห่วงน้ำทางเหนือมากกว่า เพราะมีน้ำ side flow ที่เกิดจากฝนตกเข้ามาเพิ่มด้วย ทาง กทม.มีการเฝ้าระวังการระบายน้ำคลองสายหลักอยู่ตลอด ถ้าจุดไหนมีปัญหา ประชาชนสามารถแจ้งกับสำนักงานเขตได้ทันที” รศ.ดร.
วิศณุชี้
รศ.ดร.
วิศณุกล่าวต่อว่า ได้มีการประสานกับกรมทางหลวง ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างช่วยเปิดทางน้ำ ระหว่างการสร้างคูน้ำ ให้หยุดการเทคอนกรีตชั่วคราวก่อน
ขณะที่ นาย
อรรถเศรษฐ์เผยว่า มีการเตรียมบิ๊กแบ๊ก 1,000 ใบ ที่ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน ซึ่งได้เตรียมวางไว้ตามจุดต่างๆ เช่น ฝายเก่า ซึ่งเตรียมไว้ที่หัวงานก่อน หากเกิดเหตุฉุกเฉินการขนส่งจะได้ไม่มีปัญหา โดยภาพรวมต้องมีการเฝ้าระวังน้ำจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้
"กอบศักดิ์" เผย 5 คำเตือนภัยครั้งใหญ่จาก IMF "วิกฤตอยู่ข้างหน้าเรียบร้อย" แนะไทยเตรียมรับมือ ศก.โลกถดถอย ผ่อนหนักเป็นเบา
https://siamrath.co.th/n/389255
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
5 คำเตือนจาก IMF !!!!!
เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว กรรมการผู้จัดการของ IMF ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการประชุมใหญ่ประจำปีของ ผู้ว่าแบงก์ชาติและรัฐมนตรีคลังประเทศต่างๆ ที่ DC
มีคำเตือนที่น่าสนใจอยู่ 5 เรื่อง
คำเตือนที่ 1 - เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดตัวอย่างน่ากังวลใจ
โอกาสของ Global Recessions กำลังเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้า IMF จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเป็นครั้งที่ 4 สำหรับปี 2023
ที่สำคัญ 1/3 ของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่การหดตัวของเศรษฐกิจ 2 ไตรมาสต่อกัน ภายในปีนี้และปีหน้า
ความเสียหายจาก Output Loss หรือเศรษฐกิจที่ควรโตแต่ไม่โต อยู่ที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณเท่ากับเศรษฐกิจเยอรมันทั้งประเทศ !!!!
คำเตือนที่ 2 - ประเทศต่างๆ ต้องระวังการ "เดินนโยบายผิดพลาด"
เงินเฟ้อยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมลง
นโยบายการเงินยังต้องเดินหน้าต่อไป
ต้องไม่ใจอ่อน ต้องไม่หยุด ก่อนเวลาอันควร
การตัดสินใจต้องเด็ดเดี่ยว แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอลง
ไม่เช่นนั้น การใจอ่อน จะนำมาซึ่งความเสียหายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ในอนาคต
คำเตือนที่ 3 - ประเทศต่างๆ ระวังการออกนโยบายการคลังที่ "ไม่เหมาะสม"
นโนบายการเงินและการคลังต้องไปด้วยกัน
อย่าไปคนละทาง อย่างอังกฤษเสนอ
ต้องไม่ควรช่วยเป็นการทั่วไป
เพราะถ้าช่วยทุกคน
จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
บ่อนทำลายการสู้ศึกเงินเฟ้อของแบงก์ชาติ
สิ่งที่ควรทำ คือ ช่วยเป็นจุดจุด
เน้นกลุ่มเปราะบาง เป็นสำคัญ
เป็นการชั่วคราว
คำเตือนที่ 4 - มรสุม Emerging Markets Debt Crisis กำลังก่อตัว
ดอลลาร์แข็ง ดอกเบี้ยกู้ที่เพิ่ม เงินที่กำลังไหลออกจาก Emerging Markets กำลังทำให้ประเทศเกิดใหม่เริ่มเซ
โอกาสที่เงินจะไหลออกจากกลุ่ม Emerging Markets ในช่วง 3 ข้างหน้า ได้เพิ่มขึ้นเป็น 40%
โดยมากกว่า 25% ของประเทศ Emerging Markets ได้ผิดนัดชำระหนี้หรือราคาพันธบัตรรัฐบาลตกแรงมาอยู่ระดับ "Distressed Level" ที่จะทำให้กู้ยากต่อไป
และถ้าเจาะลึกลงไปที่ประเทศในกลุ่ม Low-income Countries พบว่า เกินครึ่ง หรือ 60% กำลังมีหรือจะมีปัญหา Debt Distress ที่ราคาพันธบัตรตก ดอกเบี้ยพุ่งสูง มีปัญหาในการกู้ยืมจากตลาด !!!
คำเตือนที่ 5 - ต้อง Work together
จะรอดจากปัญหานี้ได้
จะลดความเสียหายให้น้อยได้
ทุกประเทศต้องทำงานร่วมกัน
ไม่ไปคนละทิศคนละทาง
เหมือนช่วงที่สู้ศึกโควิด
ทั้งหมดนี้ เป็นคำเตือนก่อนประชุมใหญ่ ให้การบ้านทุกคนทำ ทุกคนคิด
ก่อนที่จะมาเจอกันสัปดาห์หน้า 10-16 ตุลาคม
ซึ่งปกติแล้ว IMF ก็จะระมัดระวังเรื่องการพูด พยายามที่จะปลอบตลาดให้สบายใจ ไม่ตกใจ
การที่ออกมาเช่นนี้ ชี้ว่า สถานการณ์คงมีปัญหา
จนต้องยอมพูด
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์จริงในปีหน้า 2023
คงแย่กว่าที่ท่าน MD ออกมาเตือน !!!
เพราะปกติแล้ว การประมาณการเศรษฐกิจจะวิ่งตามสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยช่วงวิกฤต ตัวเลขจะออกมาพลาด สูงกว่าจริงอยู่ระยะหนึ่ง
และในส่วนของวิกฤต Emerging Markets นั้น
IMF จะเห็นมากที่สุด
เพราะเป็นห้องฉุกเฉินที่คอยดูแลประเทศที่เกิดปัญหา
แต่คุณหมอก็คงไม่บอกทั้งหมด ที่คุณหมอรู้
การที่ยอมบอกว่า 1/4 ของ Emerging Markets เริ่มมีปัญหา
และมากกว่าครึ่งของ Low-income Countries กำลังมีปัญหา
เป็นระฆังเตือนภัย ครั้งใหญ่
ที่มีนัยยะต่อไปว่า "วิกฤตได้อยู่ข้างหน้าเรียบร้อย"
ประเทศไทยและเราทุกคนต้องเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น
ซึ่งหากเราใช้เวลาที่เหลือ เตรียมให้ดี
ก็จะสามารถ "ผ่อนหนักเป็นเบา พอผ่านไปได้"
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #วิกฤตอยู่ข้างหน้า
https://www.facebook.com/drkobsakpootrakool/posts/pfbid06H2z27ih2jN4se7BWCjZ5vkbfp1owG2tXr3nKbkWW9tshFLwGpG8xg7mMsibw1rkl
JJNY : พท.ชี้ยุค'ประยุทธ์'คนมีสีก่อเหตุอื้อ│‘ชัชชาติ’ลุ้นกรมชลฯ│กอบศักดิ์เผยคำเตือนภัยจากIMF│บาทอ่อนต้นทุนส่งทางเรือพุ่ง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7306250
เพื่อไทย ชี้ คนมีสี ก่อหลายเหตุการณ์ความรุนแรงในรัฐบาล “ประยุทธ์” ประจานปฏิรูปล้มเหลว บี้ แก้ปัญหายาเสพติด-ปฏิรูปตำรวจจริงจังก่อน รัฐบาลสิ้นอายุขัย
เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2565 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู โดยเฉพาะผู้ปกครอง บิดา มารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรหลานอันเป็นที่รักยิ่ง และขอประณามการก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรง ไร้จิตสำนึก ไร้มนุษยธรรม ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในสังคมไทย
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า หลายเหตุการณ์ความรุนแรงในลักษณะเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตเจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธปืนทำร้ายประชาชนเช่นนี้ เกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่เคยประกาศไว้หลังรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ว่าจะปฏิรูปตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ กำกับดูแลทั้งกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่สามารถที่จะหนีความรับผิดชอบไปได้
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง จริงใจ และเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ก่อนหมดสิ้นอายุขัยของรัฐบาล และขอเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดหนักในขณะนี้ เพราะปัญหาสังคมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ล้วนมาจากยาเสพติด ต้นเหตุบ่อนทำลายสังคมไทยทั้งสิ้น ยาบ้าแม้เพียงเม็ดเดียวก็สร้างปัญหา
“ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศดี มีประสิทธิภาพ เอาใจใส่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเรื่องคนถืออาวุธ ซึ่งเป็นคนมีสี ได้แก่ ทหาร ตำรวจ คอยสั่งการให้มีการสอดส่องดูแล กวดขันตั้งแต่ระดับบนลงมาถึงระดับล่างอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยปละละเลย โอกาสที่จะเกิดตำรวจ ทหารนอกแถว หรืออดีตข้าราชการฝ่ายความมั่นคงไปก่อเรื่องวุ่นวายจะน้อยลง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงเกินกว่าจะยอมรับหรือให้อภัยได้ ท่านเป็นนายกฯ ต้องใช้อำนาจที่มีเร่งแก้ปัญหา” น.ส.ตรีชฎา กล่าว
‘ชัชชาติ’ ลุ้นกรมชลฯปล่อยน้ำ ‘เขื่อนป่าสัก’ จัดบิ๊กแบ๊กรับทุกคลอง กันไหลเข้าหนองจอก-ลาดกระบัง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3606839
‘ชัชชาติ’ ลุ้นกรมชลฯปล่อยน้ำ ‘เขื่อนป่าสัก’ เฝ้าจนสิ้นตุลาฯ จัดบิ๊กแบ๊กรอรับทุกคลอง กันไหลเข้าหนองจอก-ลาดกระบัง
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 8 ตุลาคม ที่สำนักงานเขตดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม., นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ในกิจกรรม “ผู้ว่าฯกทม. สัญจร เขตดินแดง” โดยก่อนเข้าประชุมเรื่องการบริหารจัดการ ปัญหา และอุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต ได้มีการกล่าวถึงสถาณการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ
นายชัชชาติกล่าวว่า เมื่อวานน้ำทะเลหนุน +2.20 เมตร ประกอบกับมีฝนตกลงมาในช่วงเย็น ทำให้มีน้ำท่วมขังที่ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพระราม 4 แต่ 1 ชั่วโมงน้ำก็แห้งเป็นปกติ การระบายน้ำเป็นที่น่าพอใจ ควบคุมได้ แต่มีจุดรอยรั่วใกล้สะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้) หากประคองไปอีก 2 วัน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ส่วนสถานีบางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,100 ลบ.ม./วินาที ซึ่งไม่น่าห่วง แต่ประมาทไม่ได้ มีความกังวลเรื่องน้ำฝนมากกว่า และน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องดูว่ากรมชลประทานจะปล่อยน้ำไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองหกวาสายล่าง เท่าใด เบื้องต้นได้เสริมกระสอบทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ๊ก) ในคลองสายหลักเรียบร้อยแล้ว
ด้าน รศ.ดร.วิศณุ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า สถานการณ์น้ำเหนือที่ไหลลงมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องเฝ้าระวังน้ำเข้าใต้เขื่อน และจุดที่ฟันหลอ ส่วน น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ไหลออกทางด้านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ผ่านคลองระพีพัฒน์ ทางนายอรรถเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ได้เตรียมบิ๊กแบ๊ก ตั้งแต่คลอง 8 ถึงคลอง 13 ไว้แล้ว เพื่อชะลอน้ำไม่ให้ไหลมาทางเขตหนองจอกและลาดกระบัง
รศ.ดร.วิศณุกล่าวอีกว่า ส่วนน้ำทะเลหนุน ตามที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์ไว้จะสูงสุดในวันที่ 9 ตุลาคม แต่หลังจากนั้นระดับน้ำทะเลหนุนจะทยอยลดลง
“แต่ห่วงน้ำทางเหนือมากกว่า เพราะมีน้ำ side flow ที่เกิดจากฝนตกเข้ามาเพิ่มด้วย ทาง กทม.มีการเฝ้าระวังการระบายน้ำคลองสายหลักอยู่ตลอด ถ้าจุดไหนมีปัญหา ประชาชนสามารถแจ้งกับสำนักงานเขตได้ทันที” รศ.ดร.วิศณุชี้
รศ.ดร.วิศณุกล่าวต่อว่า ได้มีการประสานกับกรมทางหลวง ให้ผู้รับเหมาก่อสร้างช่วยเปิดทางน้ำ ระหว่างการสร้างคูน้ำ ให้หยุดการเทคอนกรีตชั่วคราวก่อน
ขณะที่ นายอรรถเศรษฐ์เผยว่า มีการเตรียมบิ๊กแบ๊ก 1,000 ใบ ที่ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน ซึ่งได้เตรียมวางไว้ตามจุดต่างๆ เช่น ฝายเก่า ซึ่งเตรียมไว้ที่หัวงานก่อน หากเกิดเหตุฉุกเฉินการขนส่งจะได้ไม่มีปัญหา โดยภาพรวมต้องมีการเฝ้าระวังน้ำจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้
"กอบศักดิ์" เผย 5 คำเตือนภัยครั้งใหญ่จาก IMF "วิกฤตอยู่ข้างหน้าเรียบร้อย" แนะไทยเตรียมรับมือ ศก.โลกถดถอย ผ่อนหนักเป็นเบา
https://siamrath.co.th/n/389255
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
5 คำเตือนจาก IMF !!!!!
เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว กรรมการผู้จัดการของ IMF ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการประชุมใหญ่ประจำปีของ ผู้ว่าแบงก์ชาติและรัฐมนตรีคลังประเทศต่างๆ ที่ DC
มีคำเตือนที่น่าสนใจอยู่ 5 เรื่อง
คำเตือนที่ 1 - เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดตัวอย่างน่ากังวลใจ
โอกาสของ Global Recessions กำลังเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้า IMF จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเป็นครั้งที่ 4 สำหรับปี 2023
ที่สำคัญ 1/3 ของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่การหดตัวของเศรษฐกิจ 2 ไตรมาสต่อกัน ภายในปีนี้และปีหน้า
ความเสียหายจาก Output Loss หรือเศรษฐกิจที่ควรโตแต่ไม่โต อยู่ที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณเท่ากับเศรษฐกิจเยอรมันทั้งประเทศ !!!!
คำเตือนที่ 2 - ประเทศต่างๆ ต้องระวังการ "เดินนโยบายผิดพลาด"
เงินเฟ้อยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมลง
นโยบายการเงินยังต้องเดินหน้าต่อไป
ต้องไม่ใจอ่อน ต้องไม่หยุด ก่อนเวลาอันควร
การตัดสินใจต้องเด็ดเดี่ยว แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอลง
ไม่เช่นนั้น การใจอ่อน จะนำมาซึ่งความเสียหายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ในอนาคต
คำเตือนที่ 3 - ประเทศต่างๆ ระวังการออกนโยบายการคลังที่ "ไม่เหมาะสม"
นโนบายการเงินและการคลังต้องไปด้วยกัน
อย่าไปคนละทาง อย่างอังกฤษเสนอ
ต้องไม่ควรช่วยเป็นการทั่วไป
เพราะถ้าช่วยทุกคน
จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
บ่อนทำลายการสู้ศึกเงินเฟ้อของแบงก์ชาติ
สิ่งที่ควรทำ คือ ช่วยเป็นจุดจุด
เน้นกลุ่มเปราะบาง เป็นสำคัญ
เป็นการชั่วคราว
คำเตือนที่ 4 - มรสุม Emerging Markets Debt Crisis กำลังก่อตัว
ดอลลาร์แข็ง ดอกเบี้ยกู้ที่เพิ่ม เงินที่กำลังไหลออกจาก Emerging Markets กำลังทำให้ประเทศเกิดใหม่เริ่มเซ
โอกาสที่เงินจะไหลออกจากกลุ่ม Emerging Markets ในช่วง 3 ข้างหน้า ได้เพิ่มขึ้นเป็น 40%
โดยมากกว่า 25% ของประเทศ Emerging Markets ได้ผิดนัดชำระหนี้หรือราคาพันธบัตรรัฐบาลตกแรงมาอยู่ระดับ "Distressed Level" ที่จะทำให้กู้ยากต่อไป
และถ้าเจาะลึกลงไปที่ประเทศในกลุ่ม Low-income Countries พบว่า เกินครึ่ง หรือ 60% กำลังมีหรือจะมีปัญหา Debt Distress ที่ราคาพันธบัตรตก ดอกเบี้ยพุ่งสูง มีปัญหาในการกู้ยืมจากตลาด !!!
คำเตือนที่ 5 - ต้อง Work together
จะรอดจากปัญหานี้ได้
จะลดความเสียหายให้น้อยได้
ทุกประเทศต้องทำงานร่วมกัน
ไม่ไปคนละทิศคนละทาง
เหมือนช่วงที่สู้ศึกโควิด
ทั้งหมดนี้ เป็นคำเตือนก่อนประชุมใหญ่ ให้การบ้านทุกคนทำ ทุกคนคิด
ก่อนที่จะมาเจอกันสัปดาห์หน้า 10-16 ตุลาคม
ซึ่งปกติแล้ว IMF ก็จะระมัดระวังเรื่องการพูด พยายามที่จะปลอบตลาดให้สบายใจ ไม่ตกใจ
การที่ออกมาเช่นนี้ ชี้ว่า สถานการณ์คงมีปัญหา
จนต้องยอมพูด
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์จริงในปีหน้า 2023
คงแย่กว่าที่ท่าน MD ออกมาเตือน !!!
เพราะปกติแล้ว การประมาณการเศรษฐกิจจะวิ่งตามสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยช่วงวิกฤต ตัวเลขจะออกมาพลาด สูงกว่าจริงอยู่ระยะหนึ่ง
และในส่วนของวิกฤต Emerging Markets นั้น
IMF จะเห็นมากที่สุด
เพราะเป็นห้องฉุกเฉินที่คอยดูแลประเทศที่เกิดปัญหา
แต่คุณหมอก็คงไม่บอกทั้งหมด ที่คุณหมอรู้
การที่ยอมบอกว่า 1/4 ของ Emerging Markets เริ่มมีปัญหา
และมากกว่าครึ่งของ Low-income Countries กำลังมีปัญหา
เป็นระฆังเตือนภัย ครั้งใหญ่
ที่มีนัยยะต่อไปว่า "วิกฤตได้อยู่ข้างหน้าเรียบร้อย"
ประเทศไทยและเราทุกคนต้องเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น
ซึ่งหากเราใช้เวลาที่เหลือ เตรียมให้ดี
ก็จะสามารถ "ผ่อนหนักเป็นเบา พอผ่านไปได้"
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #วิกฤตอยู่ข้างหน้า
https://www.facebook.com/drkobsakpootrakool/posts/pfbid06H2z27ih2jN4se7BWCjZ5vkbfp1owG2tXr3nKbkWW9tshFLwGpG8xg7mMsibw1rkl