เรียน พณฯท่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านใครก็ได้ที่สามารถส่งสารนี่ไปถึง)
กระผม รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ที่ท่านอภิสิทธิ์ได้เคยช่วยชีวิตผมและประเทศชาติไว้จากการที่จัดให้มีการทดสอบเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดลวงโลก GT200 จนนำไปสู่การยุติการใช้เครื่อง GT200 ในที่สุด
ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านอภิสิทธิ์ได้ออกเดินสาย พบปะพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ กองทัพ องค์การต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางในการหาทางออกสำหรับวิกฤติทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งได้ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ สังคม และเศรษฐกิจ มีผู้เสียชีวิตแล้วจากความรุนแรงทางการเมืองหลายสิบคน ผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน สูญเสียทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท และทำให้เกิดบาดแผลในใจของคนไทยทั้งชาติที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
อย่างไรก็ตาม กระผมรู้สึกเสียดายที่ พณฯท่าน ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นในการร่วมหาทางออกทางการเมือง ซึ่งตามข่าวล่าสุดเช้านี้ ดูเหมือน พณฯท่าน กำลังจะสรุปผลการหารือทั้งหมดแล้ว
กระผมจึงขอความกรุณา พณฯท่าน อภิสิทธิ์ เป็นอย่างสูง โปรดนำเอกสารแถลงการณ์ "พิมพ์เขียว ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ" (ดังเอกสารด้านล่างนี้) ของกลุ่ม "ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง" ที่กระผมเป็นตัวแทนอยู่และได้นำเสนอผ่านรายการ เจาะข่าวเด่นกับคุณสรยุทธทางโทรทัศน์ช่อง 3 มาร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งเวลาที่ผ่านมา 3 เดือนเต็มแล้วนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเส้นทางนี้เป็นทางออกทางเดียวสำหรับสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้
ท้ายที่สุด กระผมขอใหักำลังใจพณฯ ท่านในการหาทางออกครั้งนี้ เพราะว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่เราจะหยุดยั้งการนองเลือดของคนไทยด้วยกันเอง บนแผ่นดินเกิดนี้
ด้วยความเคารพอย่างสูง
รองศาสตราจารย์ ดร. ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กลุ่ม "ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง"
------------------------
แถลงการณ์กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง”
พิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ”
จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ดำเนินมากว่า 2 เดือนและดำรงอยู่ในขณะนี้ อันเกิดจากความขัดแย้งอย่างยิ่งระหว่างฝ่ายรัฐบาลที่จะยังคงปฏิบัติงานต่อไปตามอำนาจที่ระบุไว้ในข้อกฎหมายโดยยึดมั่นในหลักการนิติรัฐ และฝ่าย กปปส. ที่เรียกร้องให้รัฐบาลออกจากอำนาจและดำเนินการปฏิรูปสังคมให้มีจริยธรรมทางการเมืองมากขึ้นตามแนวทางนิติธรรม ความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่ความบาดหมางเกลียดชังกันของผู้คนในชาติ เกิดความเสียหายตามมาอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความรุนแรง มีการบาดเจ็บล้มตาย เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย จนอาจถึงขั้นเกิดการปะทะกันนองเลือดขึ้นได้จากทั้ง 2 ขั้วฝั่งที่ยังคงไม่ลดราวาศอกกันอยู่เช่นนี้
กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” ซึ่งเป็นกลุ่มของประชาชนคนธรรมดา ที่มีทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้ที่คัดค้านแนวคิดของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่าย กปปส. แต่มุ่งหวังจะเห็นความสงบสันติเกิดขึ้นในประเทศ หวังจะเห็นการต่อสู้กันทางการเมืองด้วยวิธีการที่เป็นประชาธิปไตย หวังที่จะเห็นคนไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ในผืนแผ่นดินเดียวกัน แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงขอเสนอตัวเป็นคนกลางในการที่จะดึงให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาสู่เวทีเจรจากันอีกครั้ง เพื่อหาทางออกให้กับแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน
กลุ่มขั้วที่ 3 ขอเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายกรุณาเปิดใจศึกษาแนวทางในการเจรจาระหว่างกัน ตามร่างพิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ” ดังข้างล่างนี้ และพิจารณาความเป็นไปได้ก่อนที่จะเปิดการเจรจา หาแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป โดยอยู่บนพื้นฐานของการยอม “ลด” ระดับข้อเรียกร้องของฝ่ายตนเองลงและพยายาม “ให้” ในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเรียกร้องบ้าง เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดน้อยลงและนำไปสู่เส้นทางที่จะทำให้เกิด “การปฏิรูป” ทางการเมืองขึ้นได้จริง โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง เกลียดชังกัน หรือบาดเจ็บล้มตายกันอีก
ร่างพิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ” มีเป้าหมายโดยสรุปคือ “ดำเนินการให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ให้สำเร็จ แล้วจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชั่วคราวร่วมกันจากคนนอก เพื่อดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมในเวลาอันสั้นเพียงประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2558” โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ขอให้ทางกลุ่ม กปปส. ลดระดับการปิดกรุงเทพฯ และระงับการปิดหน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งการขัดขวางกระบวนการรับสมัครและการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ยังสามารถใช้สิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่ในการแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบปราศจากอาวุธ โดยเสนอให้ใช้พื้นที่สาธารณะ ดังเช่น ท้องสนามหลวง เป็นเวทีใหญ่ในการชุมนุมต่อไป
2. ขอให้รัฐบาลลดระดับการควบคุมรักษาความสงบ จากที่ประกาศใช้ พรก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ลดลงมาเป็นการใช้ พรบ. ความมั่นคง เช่นเดิมในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความปลอดภัยเพียงพอ เหลือการใช้ พรก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ไว้เพียงแค่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการปฏิบัติการของมือที่ 3 เพื่อแสดงความจริงใจของรัฐบาลในการร่วมแก้ปัญหาครั้งนี้
3. ขอให้การเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ได้เกิดขึ้นโดยสงบสันติปราศจากการคุกคามใดๆ ตามพระราชโองการโปรดเกล้าให้พลเมืองทุกคนไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญ โดยให้ถือการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงสัญลักษณ์ ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลสามารถไปโหวตเลือกพรรคร่วมรัฐบาล ผู้ที่คัดค้านรัฐบาลก็สามารถโหวตเลือกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผู้ที่สนับสนุน กปปส. หรือพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งไม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนั้น ก็สามารถรณรงค์กันไปโหวต “No” แทน เพื่อเป็นภาพสะท้อนว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลในนโยบายต่างๆ ที่เคยทำมา
4. เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ขอให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. ได้มาทำสัตยาบัญร่วมกัน ในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการปฏิรูปการเมืองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2558
5. ขอให้สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมาใหม่นี้ ดำเนินการเลือก ส.ส. ที่มาจากพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงโหวตสูงสุด เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราว ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและตามจารีตทางการเมืองที่เคยกระทำมา โดย ส.ส. ผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้ไม่ใช่เครือญาติของ ฯพณฯท่าน อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพื่อลดข้อครหาและความรุนแรงทางการเมืองลง
6. ขอให้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ร่วมกับตัวแทนของพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาฯ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. ดำเนินการสรรหาคณะรัฐมนตรีร่วมกัน โดยรัฐมนตรีใหม่ทุกท่านจะต้องมาจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประวัติและความชำนาญในการทำงานเป็นที่ยอมรับว่าเหมาะสมกับตำแหน่งในกระทรวงนั้นๆ และให้มีหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของกระทรวงตามแผนและนโยบายระยะยาวของกระทรวง ไม่ใช่การมาเสนอหรือผลักดันนโยบายใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ของตนเอง
7. ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันออก พรบ. นิรโทษกรรม (3 วาระรวด) ให้กับผู้ที่มาชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีของการกระทำผิดกฏหมายอาญาที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้อื่น เพื่อให้เกิดบรรยากาศการปรองดองร่วมกันในการหาทางออกของประเทศครั้งนี้
8. ขอให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ร่วมกันตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองโดยเฉพาะ โดยให้มีทั้งตัวแทน ส.ส. และ ส.ว. รวมทั้งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ซึ่งการปฏิรูปทางการเมืองนี้สามารถนำเอกสารที่ได้เคยมีการจัดทำไว้แล้วในอดีต มาพิจารณาได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณในการจัดทำใหม่อีกครั้ง
9. ขอให้การทำงานของคณะกรรมาธิการร่วมปฏิรูปการเมืองนี้ดำเนินการโดยเร็ว และมีแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมออกมาภายใน 2-3 เดือน ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญข้อใดบ้าง ก่อนที่นำมาลงมติในทั้งสองสภาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพียงแต่ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำเป็นจะต้องมีการทำประชามติตามมาด้วยเพื่อให้เป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยให้แนวทางไว้
10. ขอให้นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลแห่งชาติ ดำเนินการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกตั้งใหม่ หลังจากนั้นแล้ว ให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นโดยดุษฎี ไม่มีการออกมาเรียกร้องให้ล้มผลการเลือกตั้งอีก เพื่อให้รัฐบาลใหม่ได้ทำงานตามนโยบายที่ตนได้หาเสียงไว้อย่างเหมาะสม ตามระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
เวทีที่เป็นกลางในการเจรจากันระหว่างแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ทางตัวแทนของกลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” คือ รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยินดีที่จะประสานงานให้ใช้สถานที่ในสถาบันการศึกษาที่เหมาะสม โดยหวังที่จะทำให้เกิดการจัดทำ “ปฏิญญา” ร่วมกันในสถาบันการศึกษาที่เปรียบเหมือนเสาหลักหนึ่งของประเทศ ในที่สุด
ร่างพิมพ์เขียวดังกล่าวข้างต้นนี้ กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” ยอมรับว่าอาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับจากทั้ง 2 ขั้วฝ่าย แต่หวังว่าจะเป็นร่างตุ๊กตาที่เป็นรูปธรรมเพียงพอที่จะให้สามารถนำมาพิจารณาและเป็นแนวทางเริ่มต้นในการเจรจากันได้ เพื่อที่ประเทศชาติของเราจะยังดำคงอยู่อย่างสงบสันติ และเพื่อไม่ให้ลูกหลานไทยของเราจะต้องเกิดและมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เกลียดชังกันและนองเลือดกันเช่นนี้อีกต่อไป
กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง
>>>
อย่าหลงไหลได้ปลื้มกับแนวคิดปฏิรูปของสุเทพเลยครับ สมัยเขามีอำนาจ จ้าง อานันท์ ประเวศ วางแผนปฏิรูป - ดร.โสภณ พรโชคชัย
http://ppantip.com/topic/31971418
เรียน พณฯท่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระผม รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
เรียน พณฯท่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านใครก็ได้ที่สามารถส่งสารนี่ไปถึง)
กระผม รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ที่ท่านอภิสิทธิ์ได้เคยช่วยชีวิตผมและประเทศชาติไว้จากการที่จัดให้มีการทดสอบเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดลวงโลก GT200 จนนำไปสู่การยุติการใช้เครื่อง GT200 ในที่สุด
ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านอภิสิทธิ์ได้ออกเดินสาย พบปะพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ กองทัพ องค์การต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางในการหาทางออกสำหรับวิกฤติทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งได้ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ สังคม และเศรษฐกิจ มีผู้เสียชีวิตแล้วจากความรุนแรงทางการเมืองหลายสิบคน ผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน สูญเสียทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท และทำให้เกิดบาดแผลในใจของคนไทยทั้งชาติที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
อย่างไรก็ตาม กระผมรู้สึกเสียดายที่ พณฯท่าน ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็นในการร่วมหาทางออกทางการเมือง ซึ่งตามข่าวล่าสุดเช้านี้ ดูเหมือน พณฯท่าน กำลังจะสรุปผลการหารือทั้งหมดแล้ว
กระผมจึงขอความกรุณา พณฯท่าน อภิสิทธิ์ เป็นอย่างสูง โปรดนำเอกสารแถลงการณ์ "พิมพ์เขียว ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ" (ดังเอกสารด้านล่างนี้) ของกลุ่ม "ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง" ที่กระผมเป็นตัวแทนอยู่และได้นำเสนอผ่านรายการ เจาะข่าวเด่นกับคุณสรยุทธทางโทรทัศน์ช่อง 3 มาร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งเวลาที่ผ่านมา 3 เดือนเต็มแล้วนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเส้นทางนี้เป็นทางออกทางเดียวสำหรับสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้
ท้ายที่สุด กระผมขอใหักำลังใจพณฯ ท่านในการหาทางออกครั้งนี้ เพราะว่า นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่เราจะหยุดยั้งการนองเลือดของคนไทยด้วยกันเอง บนแผ่นดินเกิดนี้
ด้วยความเคารพอย่างสูง
รองศาสตราจารย์ ดร. ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กลุ่ม "ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง"
------------------------
แถลงการณ์กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง”
พิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ”
จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่ดำเนินมากว่า 2 เดือนและดำรงอยู่ในขณะนี้ อันเกิดจากความขัดแย้งอย่างยิ่งระหว่างฝ่ายรัฐบาลที่จะยังคงปฏิบัติงานต่อไปตามอำนาจที่ระบุไว้ในข้อกฎหมายโดยยึดมั่นในหลักการนิติรัฐ และฝ่าย กปปส. ที่เรียกร้องให้รัฐบาลออกจากอำนาจและดำเนินการปฏิรูปสังคมให้มีจริยธรรมทางการเมืองมากขึ้นตามแนวทางนิติธรรม ความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่ความบาดหมางเกลียดชังกันของผู้คนในชาติ เกิดความเสียหายตามมาอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความรุนแรง มีการบาดเจ็บล้มตาย เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย จนอาจถึงขั้นเกิดการปะทะกันนองเลือดขึ้นได้จากทั้ง 2 ขั้วฝั่งที่ยังคงไม่ลดราวาศอกกันอยู่เช่นนี้
กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” ซึ่งเป็นกลุ่มของประชาชนคนธรรมดา ที่มีทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้ที่คัดค้านแนวคิดของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่าย กปปส. แต่มุ่งหวังจะเห็นความสงบสันติเกิดขึ้นในประเทศ หวังจะเห็นการต่อสู้กันทางการเมืองด้วยวิธีการที่เป็นประชาธิปไตย หวังที่จะเห็นคนไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้ในผืนแผ่นดินเดียวกัน แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงขอเสนอตัวเป็นคนกลางในการที่จะดึงให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาสู่เวทีเจรจากันอีกครั้ง เพื่อหาทางออกให้กับแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน
กลุ่มขั้วที่ 3 ขอเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายกรุณาเปิดใจศึกษาแนวทางในการเจรจาระหว่างกัน ตามร่างพิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ” ดังข้างล่างนี้ และพิจารณาความเป็นไปได้ก่อนที่จะเปิดการเจรจา หาแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป โดยอยู่บนพื้นฐานของการยอม “ลด” ระดับข้อเรียกร้องของฝ่ายตนเองลงและพยายาม “ให้” ในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเรียกร้องบ้าง เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดน้อยลงและนำไปสู่เส้นทางที่จะทำให้เกิด “การปฏิรูป” ทางการเมืองขึ้นได้จริง โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง เกลียดชังกัน หรือบาดเจ็บล้มตายกันอีก
ร่างพิมพ์เขียว “ถอยคนละก้าว ปฏิรูปอย่างสันติ” มีเป้าหมายโดยสรุปคือ “ดำเนินการให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ให้สำเร็จ แล้วจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชั่วคราวร่วมกันจากคนนอก เพื่อดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมในเวลาอันสั้นเพียงประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2558” โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ขอให้ทางกลุ่ม กปปส. ลดระดับการปิดกรุงเทพฯ และระงับการปิดหน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งการขัดขวางกระบวนการรับสมัครและการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ยังสามารถใช้สิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่ในการแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบปราศจากอาวุธ โดยเสนอให้ใช้พื้นที่สาธารณะ ดังเช่น ท้องสนามหลวง เป็นเวทีใหญ่ในการชุมนุมต่อไป
2. ขอให้รัฐบาลลดระดับการควบคุมรักษาความสงบ จากที่ประกาศใช้ พรก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ลดลงมาเป็นการใช้ พรบ. ความมั่นคง เช่นเดิมในพื้นที่ต่างๆ ที่มีความปลอดภัยเพียงพอ เหลือการใช้ พรก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ไว้เพียงแค่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการปฏิบัติการของมือที่ 3 เพื่อแสดงความจริงใจของรัฐบาลในการร่วมแก้ปัญหาครั้งนี้
3. ขอให้การเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ได้เกิดขึ้นโดยสงบสันติปราศจากการคุกคามใดๆ ตามพระราชโองการโปรดเกล้าให้พลเมืองทุกคนไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญ โดยให้ถือการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเชิงสัญลักษณ์ ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลสามารถไปโหวตเลือกพรรคร่วมรัฐบาล ผู้ที่คัดค้านรัฐบาลก็สามารถโหวตเลือกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผู้ที่สนับสนุน กปปส. หรือพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งไม่ได้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนั้น ก็สามารถรณรงค์กันไปโหวต “No” แทน เพื่อเป็นภาพสะท้อนว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาลในนโยบายต่างๆ ที่เคยทำมา
4. เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ขอให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ได้รับการเลือกตั้ง รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. ได้มาทำสัตยาบัญร่วมกัน ในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการปฏิรูปการเมืองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2558
5. ขอให้สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งมาใหม่นี้ ดำเนินการเลือก ส.ส. ที่มาจากพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงโหวตสูงสุด เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราว ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและตามจารีตทางการเมืองที่เคยกระทำมา โดย ส.ส. ผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ขอให้ไม่ใช่เครือญาติของ ฯพณฯท่าน อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพื่อลดข้อครหาและความรุนแรงทางการเมืองลง
6. ขอให้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ร่วมกับตัวแทนของพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาฯ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์และ กปปส. ดำเนินการสรรหาคณะรัฐมนตรีร่วมกัน โดยรัฐมนตรีใหม่ทุกท่านจะต้องมาจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดๆ มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประวัติและความชำนาญในการทำงานเป็นที่ยอมรับว่าเหมาะสมกับตำแหน่งในกระทรวงนั้นๆ และให้มีหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของกระทรวงตามแผนและนโยบายระยะยาวของกระทรวง ไม่ใช่การมาเสนอหรือผลักดันนโยบายใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ของตนเอง
7. ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันออก พรบ. นิรโทษกรรม (3 วาระรวด) ให้กับผู้ที่มาชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีของการกระทำผิดกฏหมายอาญาที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้อื่น เพื่อให้เกิดบรรยากาศการปรองดองร่วมกันในการหาทางออกของประเทศครั้งนี้
8. ขอให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ร่วมกันตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองโดยเฉพาะ โดยให้มีทั้งตัวแทน ส.ส. และ ส.ว. รวมทั้งตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ซึ่งการปฏิรูปทางการเมืองนี้สามารถนำเอกสารที่ได้เคยมีการจัดทำไว้แล้วในอดีต มาพิจารณาได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณในการจัดทำใหม่อีกครั้ง
9. ขอให้การทำงานของคณะกรรมาธิการร่วมปฏิรูปการเมืองนี้ดำเนินการโดยเร็ว และมีแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมออกมาภายใน 2-3 เดือน ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญข้อใดบ้าง ก่อนที่นำมาลงมติในทั้งสองสภาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพียงแต่ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำเป็นจะต้องมีการทำประชามติตามมาด้วยเพื่อให้เป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยให้แนวทางไว้
10. ขอให้นายกรัฐมนตรีในรัฐบาลแห่งชาติ ดำเนินการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกตั้งใหม่ หลังจากนั้นแล้ว ให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นโดยดุษฎี ไม่มีการออกมาเรียกร้องให้ล้มผลการเลือกตั้งอีก เพื่อให้รัฐบาลใหม่ได้ทำงานตามนโยบายที่ตนได้หาเสียงไว้อย่างเหมาะสม ตามระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
เวทีที่เป็นกลางในการเจรจากันระหว่างแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ทางตัวแทนของกลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” คือ รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยินดีที่จะประสานงานให้ใช้สถานที่ในสถาบันการศึกษาที่เหมาะสม โดยหวังที่จะทำให้เกิดการจัดทำ “ปฏิญญา” ร่วมกันในสถาบันการศึกษาที่เปรียบเหมือนเสาหลักหนึ่งของประเทศ ในที่สุด
ร่างพิมพ์เขียวดังกล่าวข้างต้นนี้ กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง” ยอมรับว่าอาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดและเป็นที่ยอมรับจากทั้ง 2 ขั้วฝ่าย แต่หวังว่าจะเป็นร่างตุ๊กตาที่เป็นรูปธรรมเพียงพอที่จะให้สามารถนำมาพิจารณาและเป็นแนวทางเริ่มต้นในการเจรจากันได้ เพื่อที่ประเทศชาติของเราจะยังดำคงอยู่อย่างสงบสันติ และเพื่อไม่ให้ลูกหลานไทยของเราจะต้องเกิดและมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เกลียดชังกันและนองเลือดกันเช่นนี้อีกต่อไป
กลุ่ม “ขั้วที่ 3 คัดค้านความรุนแรง
>>>
อย่าหลงไหลได้ปลื้มกับแนวคิดปฏิรูปของสุเทพเลยครับ สมัยเขามีอำนาจ จ้าง อานันท์ ประเวศ วางแผนปฏิรูป - ดร.โสภณ พรโชคชัย
http://ppantip.com/topic/31971418