ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่า เรื่องค่าใช้จ่ายร่วมกันกับแฟน

ผมคบกับแฟนมา 7 เดือน ผมอายุ 50 ปี แฟนอายุ 34 ปี
เรารู้จักกันประมาณ 1 เดือน ก่อนที่ผมจะชวนเธอมาอยู่ด้วย

ผมมีที่ให้แม่ค้าเช่าขายของ และผมขายล๊อตเตอรี่ไปด้วย 
ส่วนแฟนเป็นคนที่มีฝีมือในการขนม เค้าเปิดร้านน้ำปั่นและทำโฮมพิซซ่าขาย
ผมชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน เพราะที่ของผมเป็นทำเลขายของที่ดีกว่า มีแม่ค้ามาเช่าขายข้าวแกงอยู่ 4 ร้าน
และผมมีห้องว่างอีก 2 ห้อง ห้องนึงเป็นห้องเก็บของ อีกห้องนึงให้แม่ค้าพิซซ่าเช่าขาย 
สรุป ผมมีรายได้จากการให้เช่าที่ 5 ร้าน และขายล๊อตเตอรี่ 500 ใบ ก็ถือว่าค่อนข้างสบาย

แฟนผมเป็นคนขยัน เค้ามาเก็บกวาดดัดแปลงห้องเก็บของจนกลายเป็นร้านขายน้ำปั่นได้
ส่วนผมก็ช่วยจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ จ้างช่างมาเดินสายไฟ เดินน้ำประปาใหม่ในร้าน
และยกค่าเช่าที่ 1 ร้านให้เธอไป
สรุป ผมมีรายได้จากการให้เช่าที่ 4 ร้าน เพราะให้เธอไป 1 ร้าน และขายล๊อตเตอรี่ 500 ใบ

หลังจากเธออยู่ได้ 3 เดือน เธอหาข้ออ้างไล่แม่ค้าพิซซ่าคนเก่าออก
เรื่องนี้ทำให้ผมทะเลาะกับเธอ เธอขอเลิกกับผม หาว่าผมแคร์คนอื่นมากกว่า จนสุดท้ายผมก็ต้องยอม
ห้องนั้นเธอเอาไว้ทำครัว ทำแป้งพิซซ่า ทำแป้งขนมปัง สร้างรายได้ให้กับเธอ 
เธอจดบัญชีรายรับ รายจ่ายเอาไว้อย่างละเอียด แต่ผมไม่เคยไปถาม หรือขอดู 
ผมถือว่าผมเองก็มีปัญญาหากิน เพราะฉะนั้นเธอหาได้เท่าไหร่ ก็เป็นเงินของเธอ
ตอนนี้ ผมมีรายได้จากการให้เช่าที่เหลือแค่ 3 ร้าน เพราะให้เธอไป 1 ร้าน และขายล๊อตเตอรี่ 500 ใบ
และผมจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้เธอ (ค่าไฟประมาณ 3500 ค่าน้ำอีกประมาณ 300 )

ต่อมา ปัญหาเรื่องล๊อตเตอรี่ขาดตลาดเริ่มรุนแรงขึ้น ผมไม่มีล๊อตเตอรี่ขาย 2 งวด
ผมจึงคิดขายขนมปังกับเธอ ต้นทุนผมเป็นคนออก และเป็นตัวหลักในการขาย
ส่วนเธอที่เก่งในการทำขนม ก็เป็นคนทำแป้งและใส้ กำไรหักจากทุนแล้วเราจะแบ่งครึ่งกัน
แต่ปัญหามีอยู่ว่า ผมไม่เคยทำอาหาร หรือขายอาหารที่ต้องมีกระบวนการปรุงมาก่อนเลยทั้งชีวิต
ผมอายุ 50 แล้ว ผมขอเธอให้ช่วยสอนและ "ใจเย็น" กับผมหน่อย

นิสัยเธอเป็นคนใจร้อน หงุดหงิดง่าย มองโลกในแง่ลบ หัวรั้น พูดขัดไม่ได้
ช่วงแรกๆผมพยายามช่วยเธอขาย พอทำไม่ถูกใจ เธอก็จะว่าแรงๆ
เธอจะสอนแค่ครั้งแรก แล้วหวังว่าคุณจะจำได้ตลอด 
หลังๆ ผมเลยไม่ได้พยายามจะช่วยอะไรเธออีก
เรื่องขนมปัง เธอบอกว่าจะทำเอง เพราะถ้าผมทำเงอะงะ ลูกค้าจะไม่เชื่อถือ
ตอนนี้ ผมมีรายได้จากการให้เช่าที่เหลือแค่ 3 ร้านจาก 4 เพราะยังให้เธอ 1 ร้าน
ไม่มีล๊อตเตอรี่ขาย แต่จ่ายค่าไฟ ค่าน้ำเหมือนเดิม

ผมให้ห้องเธอทำอะไรก็ได้ตามใจ ซึ่งเธอก็ทำได้ดีมาก
เธอขายของได้มากขึ้น มีรายได้ซึ่งเกิดจากความสามารถของเธอเอง
เธอทำกับข้าวที่เธออยากกิน ซึ่งบางมื้อผมก็กินด้วยแต่ไม่ทุกมื้อ
เธอดูแลเรื่องการซักเสื้อผ้าให้ผม รวมทั้งซื้อน้ำยาซักมาให้ ซื้อแชมพูสระผม แชมพูอาบน้ำมาใช้
พูดกันแฟร์ๆ ช่วงนี้เธอก็มีรายจ่ายส่วนตัวหลายอย่างที่ผมไม่ได้ช่วย
เธอเอารถลุยน้ำท่วมเพื่อไปซื้อของที่แมคโคร (ซึ่งผมก็ห้ามแล้วว่ามันไม่คุ้ม) จนกลับบ้านไม่ได้
ผมจ่ายค่าโรงแรมให้เธอนอน1 คืน
เธอเสียค่าซ่อมรถไป 6500 ซื้อเตาไมโครเวฟอันใหม่อีก 5000

ทุกวันนี้ผมจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ เดือนที่ผ่านมาประมาณ 4000 บาท ค่าอินเตอร์เน็ต Netflex
... ซึ่งเดือนนี้อาจจะเพิ่มขี้นเพราะเธอซื้อเตาไมโครเวฟอันใหม่มาลองอบหาสูตรอบขนมปัง
ยกค่าเช่าที่จำนวน 3000 บาทให้เธอ ในขณะที่รายได้ของผมตก ค่าเช่าที่เหลือแค่ 3 ร้าน
ไม่มีล๊อตเตอรี่ขาย (แต่งวดหน้าจะมีแล้วเพราะกดมาขายได้)

เมื่อวานบิลค่าประปามาเก็บ 240 บาท ตอนนั้นผมออกไปซื้อไฟ LED มาติดที่ร้านให้เธอ
กลับมาเธอเอาบิลค่าประปามายื่นให้ผม ผมก็เลยบอกไปว่าก็จ่ายไปสิ 
เธอพูดมาว่า " เดี้ยวนี้ต้องจ่ายทุกอย่างเลยนะ ยกเว้นค่าไฟ อีกหน่อยคงต้องจ่ายค่าที่แล้วมั้ง" 
ผมอี้ง เลยตอบกลับว่า "อย่ามาประชดแบบนี้นะ พี่ว่าพี่แฟร์แล้ว"
แล้วเธอก็ไม่พอใจ จากนั้นก็ไม่พูดกันอีกจนกระทั่งวันนี้

เธอเป็นคนเก่ง ขยัน รักความสะอาด เรียกว่าแม่ศรีเรือนก็ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เอาแต่ใจ ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกของผม
ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆน้อยๆมา 3 ครั้งเธอก็จะหนีกลับบ้าน ผมต้องง้อ
ต้องคอยมองสีหน้าว่าอยู่ในอารมณ์ไหนก่อนคุย

ค่าเช่าที่แค่ 3 ร้านหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วก็พออยู่ได้ครับ แต่ไม่มีเหลือให้เก็บเหมือนก่อน
ส่วนล๊อตเตอรี่งวดหน้ามีให้ขาย แต่งวดต่อไปก็ต้องแย่งกันอีก ไม่มีอะไรการันตีว่าจะได้ขาย
ผมอายุ 50 แล้ว หวังเก็บเงินไว้ดูแลตัวเองตอนแก่ โดยไม่ต้องสร้างภาระให้ใคร
จะทุ่มทั้งหมดให้แฟนคนนี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจในตัวเธอ เพราะผมมักรู้สึกว่าเธอใช้ความเก่งทั้งหมดเพื่อตัวเอง
แต่เธอก็ไม่เคยขอเงินผม หรือขออะไรแพงๆ

ผมไม่แฟร์หรือเปล่า หรือว่าผมคิดจุกจิกเรื่องเงินทองกับเค้าเกินไป
รบกวนช่วยวิเคราะห์หน่อยนะครับ ขอบคุณมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่