[CR] รีวิวการทำ SBK Lasik ครบ 6 เดือน สำหรับคนสายตาสองข้างไม่เท่ากันแถมทั้งสั้นทั้งเอียง!!

สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนกระทู้ขึ้นมารีวิวเลยหลังจากรอดูผลจากการทำเลสิคมาซักพัก (อาจจะยาวหน่อยแต่มีประโยชน์แน่นอน)
ส่วนตัวเราเองนั้น สายตาไม่ได้สั้นมาแต่เกิด แต่มันสั้นจากพฤติกรรมของเราเองล้วนๆ 
เด็กๆชอบแอบเอาแว่นพ่อมาใส่เห็นว่าเท่ห์ดี ดูฉลาดดดดด เลยพยายามทำไงก็ได้ให้สายตาสั้น
ทั้งปิดไฟดูทีวี อ่านหนังสือในที่มืดๆ อ่านในรถ นอนอ่านหนังสืออีก
ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ และผลที่ออกมาคือ สายตาสั้นขึ้นจริงๆค่ะ!
ตั้งแต่มัธยม เริ่มจากทีละ -0.5 ค่อยๆเพิ่มไปยัง -1.50
เท่านั้นยังไม่พอ เข้ามหาลัยก็ยังเลือกเรียนเป็นโปรแกรมเมอร์อีกกกก
เพี้ยนหัวเราะเพี้ยนหัวเราะเพี้ยนหัวเราะ
นับจากตอนนั้นที่เริ่มใส่แว่นจนมาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 15 ปีได้แล้ว
และปัจจุบันก็ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์นั่งจ้องคอมทั้งวันอยู่เสมอ จนค่าสายตาก่อนที่จะทำเลสิคอยู่ที่
L : สั้น -2.25 | เอียง -1.25
R : สั้น -5.00 | เอียง -0.75
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คงกลับไปบอกตัวเองว่า "อย่าสรรหาเรื่องทำตัวเองลำบากเถอะ อิหนู!!"
ใช้ชีวิตลำบากมากจริงๆ ถอดแว่นทีทุกอย่างคือเบลอ
และด้วยความทำงานนั่งหน้าคอมนานๆ เราต้องไม่พลาดโรคยอดฮิตค่ะ..
...ไมเกรน และ ออฟฟิศซินโดรม ...
ใครที่เป็นจะเข้าใจว่ามันทรมานมากแค่ไหน แค่ใส่แว่นมันก็ปวดร้าวไปทั้งหัวและดวงตา
ลำบากชีวิตขึ้นมาอีก ต้องหันไปใช้คอนแทคเลนส์ สลับกับแว่นแทน
ซึ่งค่าคอนแทคเลนส์ ของสำหรับสายตาที่สั้งทั้งทั้งเอียงแถมทั้งสองข้างยังไม่เท่ากันแบบนี้
ต้องสั่งเอาค่ะ หายากมาก แถมราคานั้นทำงานหาเงินจ่ายไปค่ะ เดือนละ 1000++
(เดชะบุญเพื่อนพ่อเปิดร้านแว่นตาเลยไปฝากฝังไว้ทุกเดือน)
 
เอาหล่ะ มาถึงจุดๆนี้ นั้นคือสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ตัดสินใจทำเลสิค
ซึ่งใช้เวลาเตรียมตัวหาข้อมูลอยู่นานมากกกก ประมาณ 2-3 ปีได้
ไปหาดูแต่ละรีวิว อ่านจากในเน็ต ถามทั้งเพื่อนที่ทำไปก่อนหน้านั้น
ทั้งกลัวว่าจะทำแบบไหนดี ตาเรามีแค่คู่เดียวนี่เนอะ
แถมงบเราก็มีจำกัด จะให้ไปทำเป็นแสนๆคงไม่ไหวเหมือนกัน
จนเพื่อนที่เป็นพยาบาลแผนกจักษุมาบอกว่าพี่ที่ทำงานในโรงพยาบาลแนะนำให้มาทำกับหมอคนนี้ดูสิ
และนั้นทำให้ได้มาเจอกับหมอเปา "เลสิคหมอเปา - หมอสุจินตนา"
หลังจากที่ถามรายละเอียดจากหมอเรื่องทำเลสิคแบบไหนได้บ้าง ตามงบที่เราไหวเท่านี้เท่านั้น
หมอสรุปและบอกรายละเอียดได้ดีมาก จากการคุยคร่าวๆผ่านทางเพจเฟสบุ๊คนะ
ซึ่งสายตาแบบเราสามารถทำได้ทั้ง
1. PRK เลสิคธรรมดา (ซึ่งถ้าสายตาสั้นกว่านี้อีกนิดทำไม่ได้ละนะ เกิน 600) - แบบนี้จะถูกสุดแต่ก็พักรักษาตัวนานสุดเช่นกัน 7-10วัน
2. SBK Lasik เลสิคแบบใบมีด - เลสิคอันนี้ต่างจาก Femto Lasik แค่เพียงเป็นการเปิดกระจกตาด้วยใบมีด นอกนั้นคือเหมือนกันเลยและราคาถูกกว่า
3. Femto Lasik (เลสิคไร้ใบมีด) - เลสิคตัวฮิตที่คนส่วนมากจะทำและได้รู้จัก พักฟื้นเร็ว ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ราคาแรง
อะแถมตัวสุดท้าย
4. ICL - ส่วนมากคนที่จะทำตัวนี้คือ คนที่ไม่สามารถทำ 3 ตัวแรกได้
เป็นการใส่เลนส์เสริมเข้าไปที่ในตาเราเลย ใช้เวลานานสุด แพงสุด ต้องระวังตัวนานสุด
แต่ๆ ที่กล่าวมาข้างบนนั้น เป็นแค่การตัดสินใจด้วยตัวเราเองขั้นต้นเฉยๆนะคะ
ของจริงอยู่ตอนที่เราไปตรวจสภาพความสมบูรณ์ของตาเราอีกทีที่โรงพยาบาล
ของเราได้ไปทำที่ ศูนย์เลสิค คริสตัล ธรรมจักษุ ที่รังสิตค่ะ
เพิ่งเปิดใหม่เลย สะอาดเครื่องมือทุกอย่างคือใหม่มาก มีพร้อมทุกอย่างเลย
หลังจากที่ตรวจวัดความหนาของกระจกตา ความโค้ง และค่าสายตาทุกอย่างแล้วใช้เวลาประมาณ 30 นาทีได้
เราจำประโยคที่หมอบอกได้อย่างแม่นยำเลยคือ
อันนี้แหละ "ดวงตา" ของคุณจะตัดสินเองว่าจะได้ทำแบบไหน
ใช่ค่ะ...อย่างที่บอกไป ดวงตาเราเป็นคนเลือกนะว่าทำแบบไหนได้บ้าง ไม่ใช่ตัวเราเองที่เลือก
และแต้มบุญอิชั้นยังคงเหลืออยู่ จึงสามารถเลือกได้ว่าจะทำแบบไหนดี
แน่นอนว่า เลือกข้อ 2. สิคะ ด้วยความที่ราคาถูกกว่า Femto เกือบ 20k (แล้วแต่โปรที่มีในแต่ละเดือนด้วยนะคะ ดูได้ในเพจเฟสบุ๊คเลย)
หลังจากฟังคำอธิบายจากหมออีกรอบ (ซึ่งหมออธิบายละเอียดดดดดมากจริงๆนะ)
หมอก็ปล่อยตัวให้ไปกินข้าว เตรียมตัวเตรียมใจในการผ่าตัดช่วงบ่าย
บอกตรงๆว่าจำรายละเอียดได้ไม่ชัดเจนมากเพราะกลัวและตื่นเต้น
หลังจากหยดยาขยายม่านตา รอม่านตาขยายพร้อมที่จะทำเลสิค ช่วงนี้เราจะเห็นเบลอๆนิดหน่อย
พยาบาลและหมอก็จะคอยมาถามมาเช็คเราตลอดเวลา น่ารักมากเลย ใส่ใจดี ชอบๆ
พอขยายได้ที่ พยาบาลก็จะจูงเราไปเข้าห้องเตรียมตัวเปลี่ยนชุด ล้างหน้า(เพราะจะล้างหน้าไม่ได้ไปอีก 7 วัน)
หลังจากนั้น พยาบาลก็จะมาหยอดยาชาใส่ที่ตาเราให้ ระหว่างรอหมอเตรียมเครื่อง
เมื่อตาเราเริ่มชาและตึงๆ พยาบาลก็จะพาเราไปนอนบนเตียง ซึ่งจะมีเครื่องเลเซอร์ใหญ่ๆ ครอบศีรษะเราอีกที
การทำเลสิคแบบ SBK จะใช้เวลาทำข้างละ 5-10 นาที
ด้วยความที่เราเป็นคนตาเล็ก หมอต้องใช้เครื่องถ่างตาช่วย ตอนแรกกลัวว่าจะเจ็บมาก
ดีที่หมอมีลูกบอลมาให้ไว้บีบคลายเครียด ซึ่งบอกเลยว่ามันช่วยชีวิตมาก ณ จุดๆนั้น 55555555
แต่ตอนทำจริงคือ มันไม่เจ็บนะ มันแค่ตึงๆ
มีตกใจบ้างตอนที่ใช้ใบมีดเปิดกระจกตา เพราะมันจะมืดเหมือนใครมาปิดไฟแปปนึงแล้วก็จะค่อยๆกลับมามองเห็นแบบเบลอๆอีกที
แต่ว่าแต่ละขั้นตอนที่จะทำ หมอจะอธิบายและบอกก่อนเสมอ ให้เราเตรียมใจว่าจะเจออะไรบ้าง
ลดความกลัวและความเครียดไป 50% 
จุดสำคัญอย่างเดียวที่เราจะช่วยหมอได้คือ เบิกตากว้างๆและมองโฟกัสไปที่จุดแดงๆ
เพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย กลับบ้านได้เลย
หลังจากเคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จเรียบร้อยหมอจะมีเซ็ตสำหรับทำความสะอาดตาเองที่บ้าน
และน้ำยาหยอดตาที่ต้องหยอดมาให้ พร้อมที่ครอบตาไอ้มดแดง และสก็อตเทป
ถึงบ้านก็คือ นอนค่ะ นอนโลดดดดดดด นอนเยอะเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
มีแสบๆตาบ้างแล้วแต่บุคคลนะคะ บางคนก็ตาแห้งก็มีค่ะ แต่ของเรามีน้ำตาบ้าง บางทีก็รู้สึกเหมือนมีฝุ่นเข้าตาบ้าง
ลืมตาตื่นอีกวันแอบมี ขี้ตาเยอะนิดหน่อย ลืมตาได้แต่ไม่เต็มตา
แต่คือมันเห็นชัดแบบชัดดดดดดดดดดดด!!



จนแอบคิดหรือว่าลืมถอดคอนแทคเลนส์วะ??
แล้วก็ตั้งสติได้ อ่อ ทำเลสิคมาแล้วนี่หว่า ลืมไป 5555555555
แค่วันเดียวนะ คือแบบความรู้สึกตอนลืมตาตื่นมาคือ ดีอะ ไม่ต้องควานหาแว่น ไม่ต้องเอานิ้วแหย่ใส่คอนแทคเลนส์เข้าตาอีกแล้ว
ถือว่าคุ้มค่ากับการทำมากๆนะ สำหรับการใช้ชีวิตแบบเรา
จะขับรถ จะแต่งหน้า จะไปเที่ยวต่างประเทศ จะไปแฮงค์เมา สบ๊ายยยยยย
แต่ช่วงเดือนแรกจะใช้ชีวิตในการทำงานลำบากหน่อย
เพราะตาจะแห้งบ่อยมาก นั่งทำงานหน้าคอมคือต้องพักทุกๆ 20 นาที โฟกัสจอไม่ได้เลย เพราะแสงมันจ้าไป
แต่มันก็จะทำให้ชีวิตเราเก๋ขึ้นนะ คือใส่แว่นกันแดด นั่งทำงานสวยๆไปเลยค่ะ
แอบหลับตาได้ด้วย หัวหน้าไม่เห็น 5555

หลังจากทำเสร็จหมอก็จะนัด follow up 1 วันหลังทำ
แล้วก็ 1เดือน, 3เดือน, 6เดือน และก็ 1ปีนะคะ
(อ้อ ลืมบอกไป คุณหมอเปาจะประจำที่ รพ.เวชธานี อีกที่นะ เผื่อใครสนใจทำกับคุณหมอเราแนะนำเลย
หมอเก่งมาก มือเบา อธิบายละเอียด ใส่ใจทุกขั้นตอนจริงๆ ดีสุดๆคือหมอใจดีมากกกกกกกกกกกก คุยง่ายด้วย)

นี่ก็ผ่านมาจะครบ 6 เดือนละหลังจากที่ทำ
ยังมองเห็นชัดเหมือนเดิม ใช่ชีวิตได้แฮปปี้กว่าเดิมมาก จนน้องสาวเราจะไปทำเลสิคตามละ
แต่เราเองก็ต้องหมั่นขยันหยอดตาด้วยนะคะอย่าปล่อยให้ตาแห้ง
และที่สำคัญอีกอย่างคือ เราต้องปรับพฤติกรรมเราด้วย
ถ้าจ้องคอมนานๆก็พัก มองไกลๆบ้าง จะดูโทรศัพท์จะอ่านหนังสือ ก็อ่านในระยะที่กำลังดี อย่าอ่านในที่มืดๆ
อย่าเพ่งนานเกินไป เพราะสุดท้ายสายตาเราก็จะมีโอกาสกลับมาสั้นอีกได้ค่ะ ยิ้ม

จบการรีวิวเพียงเท่านี้ ใครที่อ่านจนจบ ขอขอบคุณมากๆเลยนะคะ
หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยอธิบายให้ใครหลายๆคนเข้าใจและก็ตัดสินใจว่าจะทำเลสิคแบบไหนดีได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
เพี้ยนขอบคุณ
ปล. ราคา SBK Lasik อยู่ที่ประมาณข้างละ 27k ค่ะ แต่ว่าตอนทำหมอมีโปรโมชั่นอยู่นะ เป็นสองข้างราคา 35k
ส่วน Femto Lasik อยู่ที่ ประมาณ 55k 
แอบไปส่องในเฟสมา ราคาจะปรับขึ้น ตค. นี้เป็น 59k ถ้าใครสนใจแนะนำให้ทักไปถามจากเพจเฟสบุ๊คนะคะ
เสริชว่า " เลสิคหมอเปา - หมอสุจินตนา"
ชื่อสินค้า:   Lasik SBK
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่