"ไตรรงค์" ยก ‘ป๋าเปรม-ประยุทธ์’ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ให้ประเทศชาติมากที่สุด
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ระบอบใดเหมาะที่สุดสำหรับประเทศไทย” ระบุ ตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึง พ.ศ. 2516 เรามีรัฐบาลเผด็จการโดยพวกคณะราษฎร์และผู้สืบทอดมรดก มากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยแต่ทุกรัฐบาลล้วนวุ่นวายอยู่กับการรักษาอำนาจของตน จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องการพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการคิดเรื่องอนาคตทางเศรษกิจของประเทศ ได้มาเริ่มทำกันค่อนข้างจะจริงจังก็สมัยของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปีพ.ศ. 2502 ซึ่งได้ปรับปรุงสำนักงานที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามให้มาเป็นสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ มีหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงได้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกคือแผนสำหรับ พ.ศ.2504-2509 (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี พ.ศ.2515)
ดร.ไตรรงค์ แสดงความเห็นว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นการกระทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐฯ ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับการขยายอิทธิพลของฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่กำลังโตวันโตคืนบนโลกอยู่ในขณะนั้น และเพื่อเป็นการตอบแทนกัน จอมพล ป. และ จอมพล สฤษดิ์ ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐอเมริกา ทั้ง ๆที่เป็นรัฐบาลเผด็จการ (อยากทราบความกระจ่างของรายละเอียดในเรื่องนี้ สามารถหาอ่านได้จากหนังสืออันทรงคุณค่าชื่อ “50ปีเศรษฐกิจไทย” ของคุณบรรยง พงษ์พานิช 2022, บริษัทภาพพิมพ์ จำกัด เป็นผู้พิมพ์จำหน่าย)
“หลังจากมีการปฏิวัติใหญ่โดยประชาชนและนักศึกษาในปีพ.ศ.2516 จึงเริ่มมีการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นในสมัย ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นก็มีการสลับกันไปมาระหว่างรัฐบาลจากการเลือกตั้งและรัฐบาลจากการรัฐประหาร แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคิดเรื่องยุทธศาสตร์ของประเทศกันเลย เพราะมัวยุ่งอยู่กับการประณามด่าด่ากูกันว่า ใครเป็นรัฐบาลที่โกงบ้านกินเมืองมากกว่ากัน”
“ประเทศต้องรอจนถึง พ.ศ. 2523 จึงได้มีรัฐบาลที่เริ่มมีการวางยุทธศาสตร์และนโยบายระยะยาวเพื่อให้ชาติมีความรุ่งเรืองและมั่นคงในทางเศรษกิจกันอย่างจริงจัง”
ดร.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในสมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการจัดให้มีท่าเรือน้ำลึกและเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรือแหลมฉบังและเป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกที่มีคำสั่งให้มีแบบแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมสำหรับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ต่อมาจนถึงปี พ.ศ.2561 ในสมัยของรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจึงได้มีการประกาศจัดตั้งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) พร้อมกับการมีการปรับปรุงพัฒนาระบบคมนาคมทุกชนิดให้เอื้อต่อความเจริญของประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นตามแผนในยุทธศาสตร์ พูดได้เต็มปากว่าไม่เคยมีรัฐบาลใดๆในอดีตที่ได้สร้างความมั่นคงเช่นนี้ให้กับอนาคตของประเทศในทางเศรษฐกิจเหมือนรัฐบาลของ พล.อ.เปรม และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
“ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่ท่องแต่คาถาว่าประเทศต้องมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องมีเสรีภาพที่สมบูรณ์ ต้องมีความเสมอภาคที่สมบูรณ์ ทุกอย่างต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แล้วจะทำให้ประเทศเจริญและมีเสถียรภาพ เชื่อผมเถอะ ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีเสถียรภาพที่สมบูรณ์และก็ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีความเสมอภาคที่สมบูรณ์”
“ท่านพุทธทาสฯพูดถูกที่ว่า ระบอบอะไรก็ได้ถ้าสามารถทำให้มีรัฐบาลที่ทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้จริงๆก็เป็นระบอบที่ดีทั้งสิ้น การท่องว่าต้องเป็นระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้นไม่ถูก ต้องเป็นระบอบที่ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จึงจะถูกกว่า อย่าลืมว่ารัฐบาลที่โกงบ้านกินเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองไทยคือรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” ดร.ไตรรงค์ กล่าว
อัพเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCpG6B-L1CRtYtMW8ZwU08BQ
.
#bangkokfuture
@@@ ไตรรงค์ยก ยุคป๋าเปรม บิ๊กตู่ สร้างความเจริญที่เห็นได้ชัด @@@@
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ระบอบใดเหมาะที่สุดสำหรับประเทศไทย” ระบุ ตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึง พ.ศ. 2516 เรามีรัฐบาลเผด็จการโดยพวกคณะราษฎร์และผู้สืบทอดมรดก มากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยแต่ทุกรัฐบาลล้วนวุ่นวายอยู่กับการรักษาอำนาจของตน จึงไม่มีเวลาคิดเรื่องการพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการคิดเรื่องอนาคตทางเศรษกิจของประเทศ ได้มาเริ่มทำกันค่อนข้างจะจริงจังก็สมัยของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปีพ.ศ. 2502 ซึ่งได้ปรับปรุงสำนักงานที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามให้มาเป็นสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ มีหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงได้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกคือแผนสำหรับ พ.ศ.2504-2509 (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี พ.ศ.2515)
ดร.ไตรรงค์ แสดงความเห็นว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นการกระทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐฯ ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับการขยายอิทธิพลของฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่กำลังโตวันโตคืนบนโลกอยู่ในขณะนั้น และเพื่อเป็นการตอบแทนกัน จอมพล ป. และ จอมพล สฤษดิ์ ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสหรัฐอเมริกา ทั้ง ๆที่เป็นรัฐบาลเผด็จการ (อยากทราบความกระจ่างของรายละเอียดในเรื่องนี้ สามารถหาอ่านได้จากหนังสืออันทรงคุณค่าชื่อ “50ปีเศรษฐกิจไทย” ของคุณบรรยง พงษ์พานิช 2022, บริษัทภาพพิมพ์ จำกัด เป็นผู้พิมพ์จำหน่าย)
“หลังจากมีการปฏิวัติใหญ่โดยประชาชนและนักศึกษาในปีพ.ศ.2516 จึงเริ่มมีการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นในสมัย ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากนั้นก็มีการสลับกันไปมาระหว่างรัฐบาลจากการเลือกตั้งและรัฐบาลจากการรัฐประหาร แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคิดเรื่องยุทธศาสตร์ของประเทศกันเลย เพราะมัวยุ่งอยู่กับการประณามด่าด่ากูกันว่า ใครเป็นรัฐบาลที่โกงบ้านกินเมืองมากกว่ากัน”
“ประเทศต้องรอจนถึง พ.ศ. 2523 จึงได้มีรัฐบาลที่เริ่มมีการวางยุทธศาสตร์และนโยบายระยะยาวเพื่อให้ชาติมีความรุ่งเรืองและมั่นคงในทางเศรษกิจกันอย่างจริงจัง”
ดร.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในสมัยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการจัดให้มีท่าเรือน้ำลึกและเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรือแหลมฉบังและเป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกที่มีคำสั่งให้มีแบบแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมสำหรับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ต่อมาจนถึงปี พ.ศ.2561 ในสมัยของรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจึงได้มีการประกาศจัดตั้งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) พร้อมกับการมีการปรับปรุงพัฒนาระบบคมนาคมทุกชนิดให้เอื้อต่อความเจริญของประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นตามแผนในยุทธศาสตร์ พูดได้เต็มปากว่าไม่เคยมีรัฐบาลใดๆในอดีตที่ได้สร้างความมั่นคงเช่นนี้ให้กับอนาคตของประเทศในทางเศรษฐกิจเหมือนรัฐบาลของ พล.อ.เปรม และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
“ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่ท่องแต่คาถาว่าประเทศต้องมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ต้องมีเสรีภาพที่สมบูรณ์ ต้องมีความเสมอภาคที่สมบูรณ์ ทุกอย่างต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แล้วจะทำให้ประเทศเจริญและมีเสถียรภาพ เชื่อผมเถอะ ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีเสถียรภาพที่สมบูรณ์และก็ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีความเสมอภาคที่สมบูรณ์”
“ท่านพุทธทาสฯพูดถูกที่ว่า ระบอบอะไรก็ได้ถ้าสามารถทำให้มีรัฐบาลที่ทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้จริงๆก็เป็นระบอบที่ดีทั้งสิ้น การท่องว่าต้องเป็นระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินนั้นไม่ถูก ต้องเป็นระบอบที่ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จึงจะถูกกว่า อย่าลืมว่ารัฐบาลที่โกงบ้านกินเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองไทยคือรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” ดร.ไตรรงค์ กล่าว
อัพเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCpG6B-L1CRtYtMW8ZwU08BQ
.
#bangkokfuture