JJNY : ภูมิธรรมชี้ 16ปี รปห.พิษร้ายสังคมไทย│ผู้ผลิตเหล็กเส้นจ่อขึ้นราคา│ยาเสพติดใหม่ว่อนท่าขี้เหล็ก│คิงชาร์ลส์ซาบซึ้ง

ภูมิธรรม ชี้ 16 ปี รปห.พิษร้ายสังคมไทย กลไกเพี้ยน ยกพวกพ้องฟันเห็นต่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3569714
 
“ภูมิธรรม” ชี้ 16 ปี รัฐประหารพิษร้ายระบบสังคมไทย ใช้กลไกผิดเพี้ยนเอาผิดคนเห็นต่าง เอื้อพวกพ้อง ไม่ละอายใจ ลั่น ถึงเวลาต้องเรียนรู้ ไม่ปล่อยให้ผู้ลุแก่อำนาจ แม้แปลงโฉมแบบใด มาทำร้าย ปชช.ได้อีก

เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า 
 
“16 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความเลวร้ายของการใช้อำนาจนอกระบบ ที่ไม่เห็นหัวประชาชน”
 
19 กันยายน 2549 ครบรอบ 16 ปีของการรัฐประหาร ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจเผด็จการฉีกรัฐธรรมนูญอย่างไม่เห็นหัวประชาชน และใช้กลไกอำนาจในคราบอันธพาล ข่มขู่คุกคามนิสิต นักศึกษา ประชาชนและพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง
 
นายภูมิธรรม ระบุต่อว่า นับจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตนคิดว่าวันนี้คนในสังคมไทยได้เรียนรู้ผลกระทบของการรัฐประหารอย่างกระจ่างแจ้งมากขึ้นแล้วว่า มันได้ส่งผลกระทบที่เป็นพิษร้ายต่อทุกระบบในสังคมไทย และการเลือกหนทางรัฐประหารเป็นทางเลือกที่ทำร้ายระบบประชาธิปไตย เศรษฐกิจ สวัสดิภาพและความมั่นคงทุกมิติของบ้านเมือง
 
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ การใช้กลไกทางกฎหมายที่ผิดเพี้ยน การปล่อยข่าวใส่ร้ายป้ายสี เพื่อจัดการลงโทษเอาผิดกับคนและพรรคการเมืองที่คิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันก็ยกเว้นผิด ละเว้นโทษให้กับพวกพ้องตน โดยไม่ได้คำนึงถึงหลักการทางกฎหมายสากลใดๆ
 
นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่า แนวทางการใช้กลไกกฎหมายตาม “หลัก(พวก)-ู” ของผู้มีอำนาจ แสดงถึงพัฒนาการอย่างหนาและด้านทน กระทำการเลวร้ายโดยอ้างความมั่นคงของชาติอย่างไม่ละอายใจ ข้ออ้างเหล่านี้ถูกนำมาผลิตซ้ำอีกครั้งในการรัฐประหารปี 2557
 
ความผิดเพี้ยนของคณะรัฐประหารและเนติบริกรที่ร่วมกันออกแบบรัฐธรรมนูญและการใช้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นคุณแก่พรรคและพวกตนเองนั้น วันนี้ได้กลับมาย้อนทำร้ายตัวเอง กรณีกำหนดเวลา 8 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งยิ่งตอกย้ำชัดเจนในวันนี้ว่า “หมดเวลาของประยุทธ์” แล้ว แต่ก็ยังเห็นการดิ้นรนของคนแวดล้อมประยุทธ์ ที่พยายามบิดพริ้วให้คืนอำนาจกลับมาอีกครั้ง
 
“16 ปีที่ประเทศไทยเราต้องถอยหลังจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง และการใช้อำนาจรัฐซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง เป็น 16 ปีของการสูญเสียที่ดึงประเทศให้ล้าหลังและไร้อนาคต ผมคิดว่าเราไม่ควรเอาอนาคตของประเทศ อนาคตของลูกหลานมาทิ้งไว้กับความพยายามในการปกป้องตัวเอง ของผู้นำที่หวงอำนาจ คิดแต่รักษาผลประโยชน์ของพวกพ้อง ใช้เล่ห์เหลี่ยมหาทางออกให้กับกลุ่มผู้นำที่มาจากรากรัฐประหารโดยไม่เห็นประชาชนอยู่ในสายตา” นายภูมิธรรมระบุ
 
นายภูมิธรรมระบุต่อว่า วันนี้แม้ว่าผลพวงของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จะสะท้อนออกมาให้เห็นถึงความล้มเหลวด้านสังคม เศรษฐกิจ และ การเมือง มาอย่างต่อเนื่อง คนไทยเราหมดหวังกับผลพวงที่เลวร้ายนานเกินไป จากการที่คณะรัฐประหารพยายามแปลงร่างใหม่ ใช้กุศโลบายแบบคิดสั้นมาทำร้ายและกัดกินประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
ทว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ จะเป็นช่วงเวลาของการแสดงให้เห็นถึงอำนาจในมือประชาชน ที่จะกำหนดอนาคต และสร้างความหวัง ให้เป็นความจริง รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ครบรอบ 16 ปี เป็นเวลาที่เราต้องเรียนรู้บทเรียน และไม่ปล่อยให้ผู้ลุแก่อำนาจ ไม่ว่าจะแปลงโฉมแบบใด มาทำร้ายประเทศและประชาชนได้อีก
  
https://www.facebook.com/pwechayachai/posts/pfbid02qNxATHTzvEtcA6qw6VCpT5APzNUjacXREKBAc6FUDfGz4KcjpAvQBLdAwmyGodJcl
 

 
ผู้ผลิตเหล็กเส้นจ่อขึ้นราคา โอดต้นทุนผลิตพุ่ง 42% ต้องพยุงธุรกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3569740
 
ผู้ผลิตเหล็กเส้นจ่อขึ้นราคา โอดต้นทุนผลิตพุ่ง 42% ต้องพยุงธุรกิจ
 
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ต้นทุนการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง ราคาวัตถุดิบ พลังงาน โดยเฉเพาะค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง ค่าแรง รวมทั้งได้รับผลจากการทุ่มตลาดของสินค้านำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กนั้นอยู่ในอัตราที่ต่ำเพียง 30% เป็นเหตุให้ผู้ผลิตเหล็กจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ
อย่างไรก็ตามสินค้าเหล็กในการก่อสร้าง ได้แก่ สินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กรูปพรรณ เป็นสินค้าภายใต้การกำกับดูแลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นผู้บริโภคสามารถมั่นใจในระดับหนึ่งว่าการปรับราคานั้นสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง
 
ทั้งนี้ราคาเศษเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กเส้นในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 658 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปรับเพิ่มขึ้น 42% จากปี 2564 ที่มีราคาอยู่ที่ 464 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประกอบกับค่าไฟฟ้า ซึ่งพลังงานหลักในการหลอมเศษเหล็กได้ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 700-800 บาทต่อตัน โดยต้นทุนด้านพลังงานนั้นส่งผลกระทบทั่วทุกธุรกิจ แม้กระทั้งผู้ผลิตเหล็กหลักของโลกอย่างประเทศตุรกี ก็ได้ประกาศขึ้นราคาเหล็กแล้วตันละ 20-40 เหรียญสหรัฐ รวมทั้งการประกาศปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
 
“ที่ผ่านมาผู้ผลิตสินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต จะถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายในสายตาของผู้รับเหมาจากการปรับราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2564 แต่หากพิจารณาระดับราคาของสินค้าเหล็กเส้นฯ ในประเทศเทียบกับประเทศต่างๆ แล้วจะพบว่าสินค้าเหล็กเส้นฯของไทยมีราคาต่ำกว่าสินค้าของประเทศอื่นมาก ตัวอย่างเช่นในช่วงกลางปี 2564 ประเทศสิงคโปร์ ราคาเหล็กเส้นอยู่ที่ 738 เหรียญสหรัฐต่อตัน ประเทศตรุกีมีราคาเหล็กเส้น 740 เหรียญสหรัฐต่อตัน และประเทศจีนมีราคาเหล็กเส้น 852 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ประเทศไทยเสนอขายที่ 699 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในยุคโควิดขณะที่ประเทศอื่นประสบปัญหาไม่สามารถนำเข้าสินค้า สินค้าขาดแคลน และมีราคาสูงเกินจริง แต่ประเทศไทยยังมีผู้ผลิตภายใน คานอำนาจสินค้านำเข้าได้ จึงไม่ประสบกับปัญหาเหมือนกับประเทศต่างๆ” นายประวิทย์ กล่าว
 
นายประวิทย์ กล่าวว่า การปรับราคาเพิ่มขึ้น อาจมีผลกระทบไปยังผู้รับเหมาก่อสร้างได้ โดยผู้รับเหมาสามารถทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิต หรือ ยี่ปั้ว ในการซื้อสินค้าสำหรับงานนั้นๆ รวมถึงพิจารณาถึงการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนให้มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
นอกจากนี้ การเลือกซื้อและเลือกใช้เหล็กคุณภาพสูง เช่น การเลือกใช้เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตชั้นคุณภาพ SD50 แทนชั้นคุณภาพ SD40 ที่สามารถลดปริมาณการใช้เหล็ก เป็นอีกทางเหลือหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนของผู้รับเหมาฯ ลดลง โดยเหล็กชั้นคุณภาพ SD50 รับแรงได้ดีกว่า SD40 หากใช้เหล็กทั้ง 2 ชนิดในโครงการเดียวกันการใช้ SD50 จะประหยัดการใช้ปริมาณเหล็กมากกว่า รวมถึงการใช้เหล็กตัดและดัดสำเร็จรูปที่สามารถลดการสูญเสียหางเหล็ก และลดการใช้แรงงานในการตัดและดัด อีกทั้งทำให้โครงการสามารถแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็วขึ้น
 

  
"แฮปปี้" ยาเสพติดใหม่ เสพแล้วไม่ง่วงตื่นตัว เที่ยวสนุกทั้งคืน ระบาดว่อนท่าขี้เหล็ก
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7272543

“แฮปปี้” ยาเสพติดใหม่ เสพแล้วไม่ง่วงตื่นตัว เที่ยวสนุกทั้งคืน ระบาดว่อนท่าขี้เหล็ก มีขายแทบทุกผับ ซองบรรจุหลายยี่ห้อ ยังไม่พบในไทย
 
เชียงราย – วันที่ 19 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสัปดหาที่ผ่านมา แหล่งข่าวจาก ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีการระบาดของยาเสพติดชนิดใหม่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เป็นยาเสพติดที่มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก คล้ายซองถุงยางอนามัย มีตราสัญลักษณ์หลากหลายยี่ห้อมี ภายในเป็นผงสีขาวขุ่น น้ำหนักประมาณ 15-20 กรัม ต่อซอง เมื่อเสพแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้ไม่ง่วงนอนและตื่นตัวตลอดเวลาทำให้สามารถเที่ยวสนุกได้ตลอดทั้งคืน
 
ยาเสพติดชนิดใหม่นี้เรียกกันในวงการว่า “แฮปปี้” โดยขายกันเป็นซองๆ ละประมาณ 3,000-6,000 บาท แล้วแต่ความสนิทสนมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยใช้เสพได้หลากหลายวิธี เช่น ชงน้ำได้ 1 ซองต่อน้ำ 6-8 แก้ว ผสมเครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำเปล่า กาแฟ ชา หรือ โรยในบุหรี่เพื่อสูบ หรือสูบโดยใช้เครื่องสูบบารากู่ โดยผู้ที่นิยมเสพเป็นกลุ่มคนที่มักไปท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง ยาเสพติดชนิดใหม่จะทำให้เที่ยวได้ตลอดทั้งคืนโดยไม่ง่วงหรือเหนื่อย
 
ยาเสพติดนี้เริ่มมีจำหน่ายในท่าขี้เหล็กมาได้นานประมาณ 2-3 ปี ร้านอาหาร คาราโอเกะ สถานบันเทิง สามารถหาซื้อได้ง่าย มีหลากหลายยี่ห้อและสีสันให้เลือก ทุกยี่ห้อมีบรรจุภัณฑ์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กเหมือนกัน
 
โดยเริ่มพบการระบาดมากในช่วงที่มีการปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ช่วงที่มีวิกฤติโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีชาวจีนตกค้างอาศัยอยู่ในท่าขี้เหล็กเป็นจำนวนมาก
 
โดยชาวจีนเหล่านี้มีทั้งเป็นผู้เปิดกิจการสถานบันเทิงและเป็นนักเที่ยว รวมทั้งเดินทางไปมาระหว่างท่าขี้เหล็กและเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้ามแม่น้ำโขง
 
แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ยาเสพติดดังกล่าวมีส่วนผสมคล้ายกับยาเม็ดปาร์ตี้ซึ่งเคยระบาดหนักในสถานบันเทิงในไทยเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อน โดยมีส่วนผสมเป็นสาร Benzylpiperazine (BPZ) ที่มีฤทธิ์คล้ายยาบ้าแต่มีความรุนแรงน้อยกว่า 1 ใน 10 ของยาบ้า
 
โดยมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง ทำให้เคลิ้มฝัน อารมณ์ดี เข้าสังคมได้ง่าย ไม่ง่วงนอน อยู่เฉยไม่ได้ และไม่เหนื่อยง่าย หากต้องเต้นตลอดทั้งคืน อย่างไรก็ตามในปัจจุบันพบมีการระบาดเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังไม่พบมีการระบาดเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่