🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭16ก.ย.2565 โควิดไทยต่ำกว่าพันอีกแล้วค่ะ ป่วย837คนหาย1,087คน เสียชีวิต12คน/เจอฝีดาษลิง/บัตรทองพรีเมียม


https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1027111

เจอชายไทยติด "ฝีดาษลิง" รายที่ 8 กลับจากกาตาร์ ป่วยตั้งแต่ก่อนกลับไทย เจอเสี่ยง 2 ราย



กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วย "ฝีดาษลิง" รายที่ 8 เป็นชายไทย อายุ 23 ปี กลับมาจากกาตาร์ เผยมีเพศสัมพันธ์กับชายมีตุ่มที่หลังคล้ายสิว มีอาการป่วยจึงเดินทางไทย เข้ารักษาที่สถาบันบำราศฯ มีเพื่อนสัมผัส 2 คน

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร เป็นชายไทย อายุ 23 ปี ไม่มีโรคประจำตัว ไปประกอบอาชีพให้บริการที่ประเทศกาตาร์ จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า มีประวัติมีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีตุ่มบริเวณหลังลักษณะคล้ายสิว และเริ่มมีอาการป่วย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2565 มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง เบื่ออาหารและมีผื่นบริเวณฝ่ามือข้างขวา นิ้วกลางข้างซ้าย ใต้รักแร้ซ้าย แขนซ้าย หลัง ก้นและทวาร ตามลำดับ โดยรวมตุ่มแผลประมาณ 15 ตุ่ม

ผู้ป่วยเดินทางกลับจากประเทศกาตาร์ถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2565 หลังจากเดินทางเข้าประเทศไทยมีประวัติสัมผัสเพื่อนชาวไทย 2 คน โดยคนแรก ผู้ป่วยไปเก็บของที่ห้องของเพื่อน รับประทานอาหารร่วมกัน และเข้าใช้ห้องน้ำที่ห้องเพื่อน และคนที่สอง ผู้ป่วยนำกระเป๋าไปฝากเพื่อนโดยไม่ได้เข้าไปในห้องเพื่อน ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนไม่ได้สัมผัสผิวหนังหรือบริเวณที่มีตุ่มแผล และวันที่ 14 ก.ย. 2565 จึงเข้าไปตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร แพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของสถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบเชื้อฝีดาษวานร

“สรุปได้ว่าผู้ป่วยรายดังกล่าว มีอาการตั้งแต่อยู่ที่ต่างประเทศและในขณะเดินทางผู้ป่วยแสดงอาการป่วยแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไม่มีประวัติการเดินทางไปที่ชุมชน/เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนพลุกพล่าน หลังพบอาการต้องสงสัยจึงเข้าพบแพทย์ในทันที” นพ.โอภาส กล่าว

สถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก ข้อมูลวันที่ 11 ก.ย. 2565 พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยืนยัน จำนวน 54,709 ราย เสียชีวิต 18 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในแถบทวีปยุโรป ส่วนสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยันสะสม 8 ราย

https://mgronline.com/qol/detail/9650000089043

ยกระดับ'บัตรทองพรีเมียม' เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี ครอบคลุมทุกกลุ่ม


รัฐบาลยกระดับ"บัตรทองพรีเมียม" ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก รวดเร็ว มีคุณภาพ เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี ย้ายสิทธิก็ง่าย เพิ่มบริการครอบคลุมทุกกลุ่ม เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขทำการพัฒนา บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้เป็น "บัตรทองพรีเมี่ยม" เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ นอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัย ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช.หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา
 
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ผู้มีสิทธิบัตรทองในช่วง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลายท่านยังไม่ทราบว่า มีการเพิ่มสิทธิการรักษาและการดูแลด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก เช่น ได้รับสิทธิในการรักษาโรคร้าย โดยผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกที่ ได้รับสิทธิฟอกไตฟรี รักษาโควิดฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก คัดกรองภาวะ Down Syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ (อายุไม่เกิน 35 ปี) ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก และการให้บริการแว่นตาเด็ก

สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง ให้การดูแลและรักษาระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ การรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิและทุกกลุ่มอายุ แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่าย เพื่อดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่มีปัญหากลั้นขับถ่าย จำนวน 3 ชิ้น/คน/วัน ในการลดภาระค่าใช้จ่าย ดำเนินการผ่านกองทุนสุขภาพตำบล เพิ่มการเข้าถึงบัญชียา โรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การป้องกันและรักษาโรคเอดส์ด้วยยาต้านไวรัส HIV รวมถึงการเพิ่มสิทธิด้านวัคซีน 5 ชนิด (คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) เป็นต้น

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า นอกจากนี้ ผู้ถือบัตรทองยังสามารถ รับการบริการสาธารณสุขระบบทางไกล (Telehealth/Telemedicine) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้บ้านสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หืด จิตเวช และโรคเรื้อรังอื่นๆ บริการส่งยาเวชภัณฑ์ถึงบ้านทางไปรษณีย์ การใช้กัญชาทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง พาร์กินสัน ไมเกรน

"จะเห็นได้ว่า รัฐบาลดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสิทธิต่างๆ ให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ พร้อมมุ่งมั่นยกระดับระบบสาธารณสุขไทยให้ครอบคลุม มีคุณภาพ ทันใจ ทันเวลา ให้พี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้นต่อไป สมกับที่ได้รับการจัดอันดับคุณภาพระบบสุขภาพ ปี 2564 โดย CEOWORLD ให้ได้อันดับ 13 ของโลก เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของทวีปเอเชีย โดยได้คะแนนอันดับ 1 ของโลก ด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบสุขภาพ และด้านความพร้อมด้านยาที่มีคุณภาพ ได้คะแนนอันดับ 2 ของโลก ด้านค่าใช้จ่ายต่อคน และได้อันดับ 10 ของโลก ด้านบุคลากรทางการแพทย์และด้านความพร้อมของรัฐ" น.ส.ทิพานัน กล่าว


https://www.naewna.com/politic/680242

ติดตามข่าวโควิดวันนี้นะคะ....
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10

พบผู้ป่วย 'ฝีดาษลิงรายที่ 8' ในไทย ชาวไทยกลับจากกาตาร์ อายุ 23 ปี

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร เป็นคนไทย อายุ 23 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เดินทางกลับมาจากการไปประกอบอาชีพให้บริการที่ประเทศกาตาร์

จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบมีประวัติ มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีตุ่มบริเวณหลังลักษณะคล้ายสิว และเริ่มมีอาการป่วย เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง เบื่ออาหารและมีผื่นขึ้นบริเวณฝ่ามือข้างขวา นิ้วกลางข้างซ้าย ใต้รักแร้ซ้าย แขนซ้าย หลัง ก้นและทวาร ตามลำดับ โดยรวมตุ่มแผลประมาณ 15 ตุ่ม

จากนั้นผู้ป่วยเดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 หลังจากเดินทางกลับไทยมีประวัติสัมผัสเพื่อนชาวไทย 2 คน แต่เพื่อนทั้ง 2 คนไม่ได้สัมผัสผิวหนังหรือบริเวณที่มีตุ่มแผล ถัดมาวันที่ 14 กันยายน 2565 จึงเข้าไปตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร แพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้งของสถาบันบำราศนราดูร และของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันตรงกันพบเชื้อฝีดาษวานร รายนี้จึงเป็นผู้ป่วยมีอาการตั้งแต่อยู่ต่างประเทศ ไม่มีประวัติการเดินทางไปที่ชุมชน/เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนพลุกพล่าน หลังพบอาการต้องสงสัยจึงเข้าพบแพทย์ในทันที

ทั้งนี้ ย้ำว่า โรคฝีดาษวานรไม่ได้ติดต่อง่ายหรือมีความรุนแรง แนะประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปหรือกลับจากประเทศที่มีการระบาดโรคฝีดาษวานร ให้เลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาด หากมีอาการสงสัย เช่น มีผื่นตามลำตัว เป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด หลังจากมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อได้ที่โรงพยาบาลที่ใกล้บ้านท่านได้ทันที

สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษวานรทั่วโลก ข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.ย. 2565 พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยืนยันทั้งหมด 54,709 ราย เสียชีวิต 18 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในแถบทวีปยุโรป ส่วนในประเทศไทย รวมราย ล่าสุดแล้ว ยืนยันพบ ผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 8 ราย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02169XJiyWbS5Wv9nE4ufz2RuersbnZ7joowNTnU88V7QS73ANMUZCD6Fd911bJTful


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ล่าสุด (16 กย.) มีคนไทยติดเชื้อฝีดาษลิงเป็นรายที่ 8 แล้ว แม้สถานการณ์ยังไม่มีอะไรน่าห่วง แต่รู้จักเชื้อนี้ไว้ จะได้ไม่ตื่นตระหนก เพื่อรู้รับมือ รู้ป้องกันกันดีกว่า
https://www.facebook.com/socialmarketingth/posts/pfbid027fQC7UPqNb4oyKYPfRvZjhUM1XeW8pb9DgHFZCbZipHju3MeHp52x7FZK5dasKqel
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่