บอร์ดกสทช ยื้อพิจารณา 'ดีลทรูดีแทค' ยื่นนายกฯส่ง 'กฤษฎีกา' ตีความอำนาจ | เดือด!! เอกชน อย่ามากดดันการทำงานครั้งนี้

กระทู้ข่าว
ฮึ่ม เอกชนอย่า “กดดัน” ทำหน้าที่ หลังมีหนังสือเร่งรัดให้ตัดสินดีลอ้างตอนนี้เสียหายมหาศาล 
ล่าสุดบอร์ดกสทช.โหวตลงคะแนน 3:2 ขอกฤษฎีกาตีความอำนาจพิจารณาดีลทรู-ดีแทคอีกครั้งพร้อมยื่นเรื่องให้นายกฯ


แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วานนี้ (24 ส.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ส่งรายงานฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ตามที่บอร์ด กสทช.เคยมีมติไปก่อนหน้านี้ ให้ไปดำเนินการหาข้อมูลเพิ่มเติมในการพิจารณาการขอรวมธุรกิจมาให้ครบถ้วน

ทั้งนี้ หลังจากฟังสรุปรายงานจากสำนักงาน กสทช.ซึ่งเป็นรายงานฉบับไฟนอลแล้ว สำนักงาน กสทช.ไม่ได้สรุปฟันธงมาว่า บอร์ดกสทช.ควรหรือไม่ควรพิจารณาให้มีการรวมธุรกิจ แต่เป็นเพียงรายงานที่แสดงข้อมูลคู่ขนานว่า หากอนุญาตให้รวมธุรกิจ บอร์ด กสทช.จะต้องมีการกำหนดมาตรการเงื่อนไขอย่างไรบ้างต่อเอกชน ซึ่งจะแบ่งเป็นระยะสั้นและยาว โดยบอร์ดกสทช.ที่เข้าประชุมครบ 5 คนได้ลงคะแนน 3 ต่อ 2 ในการส่งเรื่องอำนาจของกสทช.ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ตีความอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยประสานประเด็นการตีความต่อไป
 
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) เห็นว่า ประเด็นที่สำนักงาน กสทช.หารือ เป็นกรณีที่อยู่ในหน้าที่ และอำนาจของ กสทช. โดยเฉพาะ รวมทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่าประกาศ กสทช.เรื่อง มาตรการการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ที่เป็นเครื่องมือของกสทช. ในการพิจารณาดำเนินการมีการฟ้องร้องเพิกถอนอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งกรรมการกฤษฎีกาจะไม่พิจารณาให้ความเห็น

พร้อมกันนี้ บอร์ดกสทช.ยังรับทราบหนังสือที่สำนักงาน กสทช.เสนอมา โดยเป็นหนังสือจดหมายเลขที่ TRUE-dtac/031/2565 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2565 เรื่อง เร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการพิจารณาการรวมธุรกิจดังกล่าว ซึ่งบอร์ด กสทช.บางท่าน ได้ระบุว่า บอร์ดก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และขอให้เอกชนอย่ามากดดันการทำงานครั้งนี้ เพราะการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจำเป็นต้องรอบคอบในการดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
 
 
ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าว ระบุว่า นับแต่สำนักงาน กสทช. ได้เสนอรายงานการรวมธุรกิจของผู้แจ้งการรวมธุรกิจให้กสทช. พิจารณาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลามากกว่า 90 วันแล้วแต่ กสทช. ยังไม่ได้พิจารณาและมีมติรับทราบรายงานการรวมธุรกิจดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาผู้แจ้งการรวมธุรกิจได้มีหนังสือติดตามและขอให้ กสทช. เร่งรัดการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้มาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี ผู้แจ้งการรวมธุรกิจเห็นว่า กสทช. ก็ยังคงเพิกเฉยและมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบระยะเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งสร้างความกังวลให้แก่ผู้แจ้งการรวมธุรกิจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้ปรากฎข้อมูลข่าวสารทางสื่อมวลชนเป็นการทั่วไปว่า คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจที่ กสทช. ได้แต่งตั้ง (“คณะอนุกรรมการฯ”) บางคณะอนุกรรมการฯ มีมติไม่เห็นด้วยกับการรวมธุรกิจ และคณะอนุกรรมการฯ ด้านกฎหมายมีความเห็นว่ากสทช. มีอำนาจในการพิจารณาที่จะไม่อนุญาตการควบรวมกิจการในครั้งนี้ได้ 

แต่ผู้แจ้งการรวมธุรกิจเห็นว่า การตีความโดยคณะอนุกรรมการฯ ด้านกฎหมายดังกล่าวนั้น ไม่ได้คำนึงถึงข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ในการออกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะอนุกรรมการฯ ด้านกฎหมายไม่เคยให้โอกาสผู้แจ้งการรวมธุรกิจในการขี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อโต้แย้งการตีความกฎหมายที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว และการตีความโดยคณะอนุกรรมการฯ ด้านกฎหมายนั้น ไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่ สำนักงานกสทช. และ กสทช. ได้พิจารณากรณีการควบรวมอื่น ๆ ที่ผ่านมาในทุกกรณีตามประกาศกสทช.เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 (“ประกาศเรื่องการรวมธุรกิจปี 2561 ”)

ผู้แจ้งการรวมธุรกิจ ระบุด้วยว่า หลักเกณฑ์และกรอบระยะเวลาตามกฎหมายรวมทั้งแนวปฏิบัติของ กสทช. ที่ผ่านมาที่ใช้ในการพิจารณาการควบรวมกิจการตามกรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งตามที่ผู้แจ้งการควบรวมได้ยึดถือในการดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ซึ่งการพิจารณาที่ลำาข้าและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามกฎหมายได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้แจ้งการควบรวมและผู้ถือหุ้นของผู้แจ้งการควบรวมแล้วและยังเกิดความเสียหายต่อไปเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลและไม่สามารถเยียวยาแก้ไขได้

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่