แม่ของเรา มีสามีมาแล้ว 3 คน
มีลูกสาว 3 คน แต่คนละพ่อ ลูกสาวคนเล็กจะได้อยู่กับแม่มากที่สุด
สามีคนแรกเป็นคนดีแต่เสียชีวิตด้วยโรค มีลูกด้วยกัน 1 คนยังไม่ถึงปี
ต่อมาก็เจอสามีไม่ค่อยดีก็เลยได้แยกทาง หลังจากแยกทางก็มีข่าวว่าสามีอีกคนเสียชีวิต
ชีวิตของแม่คนนี้ เป็นแค่หญิงธรรมดาทำงานรับจ้าง
ฉะนั้นเมื่อต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียวก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องฝากลูกให้ญาติๆเลี้ยงช่วย เมื่อตอนลูกยังเด็กจนโต
ตอนที่เค้าหย่ากับสามีคนที่ 2 ใหม่ๆ มีลูกสาวยังเด็กด้วยกัน 2 คน เค้าฝากลูกไว้กับญาติ และบอกกับลูกคนโตว่าจะไปทำงานหาเงินส่งมาให้ญาติเลี้ยงลูก แต่พอไปเพียงไม่ถึงเดือน ลูกสาวคนโตก็ได้ยินข่าวว่าแม่กำลังจะแต่งงานใหม่กับสามีคนที่ 3 แล้วก็ปล่อยลูกๆไว้กับญาติ นานๆทีมีติดต่อฝากของมาบ้าง
ลูกๆก็ใช้ชีวิตอยู่กับญาติ เหตุการณ์ชีวิตก็เหมือนกับคนอยู่กับญาติทั่วไป ที่ไม่เหมือนอยู่กับพ่อแม่ตัวเอง ได้เติบโตและก็ผ่านเรื่องราวต่างๆ
หลังจากที่แม่อยู่กินร่วมกับสามีคนที่ 3 มาเป็นเวลานานหลายปี จนแล้วเริ่มลูกโตเป็นสาวกันหมดแล้ว ลูกคนโตเป็นคนสู้ชีวิตมากทำงานหาเลี้ยงตัวเองตอนอยู่กับญาติ เมื่อหาเงินได้ก็มีแบ่งให้น้องบ้าง หักค่าพันธะให้แก่ญาติๆบ้าง แล้วก็มีส่งให้แม่ด้วย พี่คนโตดูแลและสั่งสอนน้องๆเป็นอย่างดี แต่พี่เค้าไม่ค่อยชอบสามีแม่เท่าไหร่ แบบไม่ชอบไม่ชอบสามีแม่สักคนเลย ก็พอเข้าใจที่เค้าไม่ชอบ ถ้าแม่มีสามีใหม่ก็อยากให้แม่ได้มีคนดีๆเลือกคนดีๆเข้ามาในชีวิตบ้าง ก็พอจะยอมรับได้ แต่จะทำยังไงได้แม่ก็เจอคนที่ศีลใกล้เคียงกันอยู่แล้ว
ลูกคนโตกับลูกคนกลางเข้าใจกันมาก แต่ถ้าเทียบในด้านการสู้ชีวิตลูกคนกลางจะไม่สู้พี่คนโต พี่คนโตหาเลี้ยงครอบครัวเก่งกว่า น้องคนเล็กจะค่อนข้างเอาแต่ใจ พอโตมาก็เหมือนเด็กใจแตก เค้าจะไม่ค่อยเข้ากับใครในครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยสภาพแวดล้อมหรืออะไรแต่เราทั้งสามคนก็มีชีวิตที่ไม่ต่างกันนัก ชีวิตน้องคนเล็กเค้าจะเน้นไปทางเอาเที่ยวเอาสนุกและไปเช่าห้องอยู่นอกบ้าน โดยที่ไม่สนใจคนในครอบครัวเท่าไหร่ โดยที่พี่คนโตและคนในครอบครัวก็พยายามยื้อสุดทางแต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยปล่อยเค้าไปตามทางของเค้าก่อน
กลับมาต่อที่เรื่องของแม่ หลังจากที่แม่อยู่กินร่วมกับสามีคนที่ 3 มาเป็นเวลานานหลายปี จนแล้วลูกโตเริ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ลูกคนโตก็เตรียมจะเรียนจบปริญญา ก็ได้ยินข่าวว่าแม่ไปไม่รอดกับสามีคนที่ 3 ก็เลยเตรียมจะกลับมาบ้านมาอยู่กับยาย ลูกๆและญาติก็เห็นใจก็เตรียมรับกับเข้ามาอยู่บ้านด้วยกัน โดยเฉพาะลูกคนโตเค้าสงสารแม่มาก เพราะในช่วงเวลาที่เขาสู้ชีวิตโดยที่ไม่มีแม่ เค้าหาเงินและมีความฝันว่าจะเลี้ยงแม่ให้ได้ไม่อยากให้แม่ลำบาก เค้าคิดถึงแม่อยากให้เป็นครอบครัวเหมือนคนอื่น
หลังจากนั้นเราก็อยู่ด้วยกันแต่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ยังอาศัยอยู่กับยาย ส่วนลูกอีกคนก็อยู่กับญาติ แต่ก็ไปมาหาสู่ติดต่อสื่อสารกันบ่อยๆ พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน และมีความฝันว่าจะสร้างบ้านเป็นของตัวเองเล็กๆก็ได้
เราก็อดออมมาเรื่อยๆ ด้วยความที่แม่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ บางครั้งแม่ก็ได้ออกไปทำงานเหมือนกัน เพราะลูกอีก 2 คนยังเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่ได้ขอเงินแม่ใช้เท่าไหร่นัก บางครั้งขาดเขินก็จะมีขอแม่บ้าง พอหาได้ก็จะคืนแม่ แต่บางครั้งที่ดูเหมือนแม่เหนื่อย ลูกคนโตก็ให้แม่พักงานเป็นเวลานานเลย
ลูกคนโตพอทำงานมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นหน่อย ก็ดูแลแม่ในระดับที่ดีเลย เสื้อผ้าหน้าผมอาหารการกิน การดูแลสุขภาพ และเขาก็เริ่มมีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ก็ยังส่งเสียแม่และน้องๆอยู่ เพราะน้องยังเรียนไม่จบ
น้องคนกลางรู้ตัวว่าหาเงินไม่เก่งเท่าพี่ ก็พยายามถ่อมตน รับฟังและปฏิบัติตามที่พี่สั่งสอน เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณพี่ไปในตัว น้องคนเล็กบางครั้งเค้าก็ดีกับพี่ แต่ส่วนมากเค้าจะเอาแต่ใจตัวเอง เค้าไม่ยอมอยู่กับความเป็นจริง เขาชอบใช้ชีวิตเหมือนตัวเอง perfect พี่คนโตและคนกลางเคยโทษตัวเองว่าไม่สามารถให้ความอบอุ่นแก่น้องมากพอเลยทำให้น้องเหินห่าง แต่พวกเราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ พวกเรามีปัญญาแค่นี้
แม่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจลูกๆนะ แต่ด้วยความที่อยู่กับญาติกับยาย แม่ไม่ค่อยถูกกับยาย ด้วยความยายเป็นคนขี้บ่นด้วย แต่นอกจากยายแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยถูกกับญาติที่อยู่ใกล้เคียง แต่ลูกๆก็ขอให้อดทนอดทนรอเวลาที่ลูกๆเรียนจบมีเงินช่วยกันสร้างบ้าน
แต่ด้วยความที่ ความอดทนของคนเรามันมีต่างกัน แม่จะสอบปะทะกับเขาเหล่านั้นบ่อยๆ บางทีลูกๆก็เข้าใจแต่จะทำไงได้เมื่อเราอาศัยคนอื่นเค้าอยู่ ก็ต้องได้สู้อดทน
เมื่อปีที่แล้วลูกๆเริ่มสังเกตเห็น เมื่อแม่มีโทรศัพท์ใช้จากลูกสาวคนโตที่ซื้อให้ ซื้อให้นานแล้ว แต่ที่ผ่านมาแม่ก็มีโทรศัพท์ใช้มาโดยตลอด แม่ก็มีอาการเปลี่ยนไป ทำตัวไม่สมกับการเป็นแม่บ้าง ไม่ค่อยเข้าใจลูกๆ ไม่ค่อยใส่ใจสนใจกับลูกๆ ไม่ค่อยสนใจกับอะไรเลย ยกเว้นโทรศัพท์ และก็เข้า facebook คุยกับผู้ชาย คุยตั้งหลายคน คุยไปทั่ว
จนญาติๆเค้าก็บอกลูกๆเกี่ยวกับอาการของแม่ ลูกๆนะญาติก็ได้เตือนแม่ ให้นึกถึงความลำบากในอดีตที่ผ่านมา จะทำอะไรก็ให้คิดดีๆพิจารณาดีๆ ที่ผ่านมายังไม่พออีกหรอ แต่แม่ก็ยังทำต่อไป ลูกๆก็คุยกัน และพยายามเข้าใจแม่ ว่าแม่อาจจะเหงา
แต่ไม่นานมานี้ แม่ติดโทรศัพท์และคุยกับผู้ชายหนักเข้า และก็นัดผู้ชายมาจากต่างจังหวัดมาอยู่ที่บ้านยายด้วย ยายเครียดมาก เพราะแม่ไม่ได้คุยกับใครก่อนที่จะพาผู้ชายมา ลูกๆก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแม่เลย สรุปแล้วลูกๆกับยายและญาติใกล้เคียงเครียดมากที่แม่ทำอย่างนี้
ผู้คนในครอบครัวของเราได้รีบปรึกษากันด่วน เกี่ยวกับการกระทำของแม่ และได้คุยกับแม่และผู้ชายคนนั้นขอให้เค้ากลับไปก่อน เพราะว่ามาแบบกะทันหันมากพวกเราไม่ได้ตั้งใจไม่ได้เตรียมการอะไรเลย พวกเราไม่ได้จะดูถูกหรือหักห้ามใครแต่อย่างใด แต่ด้วยชีวิตการเป็นอยู่ทุกวันก็ค่อนข้างลำบากมากพอแล้ว และสังเกตฝ่ายชายที่แม่ชวนมาก็เป็นในลักษณะที่ไม่เข้าท่า แถมยังสารภาพด้วยว่ายังมีครอบครัวอยู่ แต่ดูอาการแม่เป็นเอามาก
วันนั้นพวกเราได้มีการคุยกัน ค่อนข้างเครียด และคุมอารมณ์ยากมาก แต่พวกเราก็คุมอารมณ์อย่างที่สุด และฝ่ายชายก็กลับไปในวันรุ่งเช้า แต่ก็ยังติดต่อกันกับแม่อยู่
พวกเราในครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำของแม่เลย ลูกๆเข้าใจว่าแม่เหงาว่าแม่กดดัน แต่เหลือเวลาอีกไม่นานพวกเราก็จะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว พวกเราไม่รู้จะทำไงต่อ เครียดและโกรธในการกระทำของแม่มาก ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยกับแม่
ลูกคนโตยังไปตามดูแม่บ้างว่าเป็นยังไงเพราะว่าเค้าอยู่ใกล้กันกับแม่ และก็คุยด้วยตามหน้าที่เฉพาะเรื่องจำเป็นเท่านั้น ส่วนลูกคนกลางไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยเลย เพราะก่อนหน้านั้น ตอนที่แม่เริ่มมีอาการเปลี่ยนไป โทรหาแม่ก็ไม่ค่อยรับ แชทไปก็ไม่ค่อยตอบ หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเขาก็ไม่คุยกับแม่เลย แต่ฝากเงินไปให้แม่ แต่เอาให้พี่สาวเพราะพี่สาวจะทำประกันให้แม่ แต่เค้าไม่สนใจว่าแม่จะรู้หรือไม่เค้าแค่ทำตามหน้าที่ ด้วยความที่หมดหวังในตัวแม่ อยากจะเข้าใจแม่ อยากจะทำอะไรๆให้ดีขึ้นแต่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง มีแต่ความเงียบและหาทางเอาตัวให้รอดก่อนที่จะไปช่วยใครๆ
ส่วนคนเป็นแม่ เมื่อลูกๆสังเกตอาการ เค้าก็ไม่ค่อยเครียดเรื่องลูกๆและครอบครัวเท่าไหร่ แต่จะเน้นใส่ใจไปในการคุยกับแฟนใหม่ของเค้า นอกจากนั้นแล้วเค้ายังคุยกับหลายๆคนและส่งรูปของลูกให้ใครต่อใครดู พวกเราเลยเบื่อในการกระทำแม่ และหาทางพูดไม่ให้แม่ส่งรูปพวกเราให้ใครๆต่อใครที่ไม่รู้จัก อยากเข้าใจแม่ อยากทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ไม่รู้จะปล่อยวางยังไง จะแก้ไขยังไง และจะปฏิบัติกับแม่ยังไงต่อ?
ขอความกรุณาให้คำปรึกษาจากเพื่อนๆใน pantip หน่อยนะ🙃🙃
#กระทู้นี้ไม่ได้มาหาพวกนะ
#หากเป็นเพราะทัศนคติเราก็ขอคำแนะนำว่าเราควรปรับทัศนคติและปล่อยวางยังไง
#สรุปคือมาหาตรงกลาง
#ขอบคุณสำหรับคำปรึกษาดีๆล่วงหน้านะคะ
จะวางตัววางใจปฏิบัติยังไงดีต่อแม่ เมื่อแม่เป็นแบบนี้ ในสภาพครอบครัวของเราแบบนี้?
มีลูกสาว 3 คน แต่คนละพ่อ ลูกสาวคนเล็กจะได้อยู่กับแม่มากที่สุด
สามีคนแรกเป็นคนดีแต่เสียชีวิตด้วยโรค มีลูกด้วยกัน 1 คนยังไม่ถึงปี
ต่อมาก็เจอสามีไม่ค่อยดีก็เลยได้แยกทาง หลังจากแยกทางก็มีข่าวว่าสามีอีกคนเสียชีวิต
ชีวิตของแม่คนนี้ เป็นแค่หญิงธรรมดาทำงานรับจ้าง
ฉะนั้นเมื่อต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียวก็เต็มไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องฝากลูกให้ญาติๆเลี้ยงช่วย เมื่อตอนลูกยังเด็กจนโต
ตอนที่เค้าหย่ากับสามีคนที่ 2 ใหม่ๆ มีลูกสาวยังเด็กด้วยกัน 2 คน เค้าฝากลูกไว้กับญาติ และบอกกับลูกคนโตว่าจะไปทำงานหาเงินส่งมาให้ญาติเลี้ยงลูก แต่พอไปเพียงไม่ถึงเดือน ลูกสาวคนโตก็ได้ยินข่าวว่าแม่กำลังจะแต่งงานใหม่กับสามีคนที่ 3 แล้วก็ปล่อยลูกๆไว้กับญาติ นานๆทีมีติดต่อฝากของมาบ้าง
ลูกๆก็ใช้ชีวิตอยู่กับญาติ เหตุการณ์ชีวิตก็เหมือนกับคนอยู่กับญาติทั่วไป ที่ไม่เหมือนอยู่กับพ่อแม่ตัวเอง ได้เติบโตและก็ผ่านเรื่องราวต่างๆ
หลังจากที่แม่อยู่กินร่วมกับสามีคนที่ 3 มาเป็นเวลานานหลายปี จนแล้วเริ่มลูกโตเป็นสาวกันหมดแล้ว ลูกคนโตเป็นคนสู้ชีวิตมากทำงานหาเลี้ยงตัวเองตอนอยู่กับญาติ เมื่อหาเงินได้ก็มีแบ่งให้น้องบ้าง หักค่าพันธะให้แก่ญาติๆบ้าง แล้วก็มีส่งให้แม่ด้วย พี่คนโตดูแลและสั่งสอนน้องๆเป็นอย่างดี แต่พี่เค้าไม่ค่อยชอบสามีแม่เท่าไหร่ แบบไม่ชอบไม่ชอบสามีแม่สักคนเลย ก็พอเข้าใจที่เค้าไม่ชอบ ถ้าแม่มีสามีใหม่ก็อยากให้แม่ได้มีคนดีๆเลือกคนดีๆเข้ามาในชีวิตบ้าง ก็พอจะยอมรับได้ แต่จะทำยังไงได้แม่ก็เจอคนที่ศีลใกล้เคียงกันอยู่แล้ว
ลูกคนโตกับลูกคนกลางเข้าใจกันมาก แต่ถ้าเทียบในด้านการสู้ชีวิตลูกคนกลางจะไม่สู้พี่คนโต พี่คนโตหาเลี้ยงครอบครัวเก่งกว่า น้องคนเล็กจะค่อนข้างเอาแต่ใจ พอโตมาก็เหมือนเด็กใจแตก เค้าจะไม่ค่อยเข้ากับใครในครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยสภาพแวดล้อมหรืออะไรแต่เราทั้งสามคนก็มีชีวิตที่ไม่ต่างกันนัก ชีวิตน้องคนเล็กเค้าจะเน้นไปทางเอาเที่ยวเอาสนุกและไปเช่าห้องอยู่นอกบ้าน โดยที่ไม่สนใจคนในครอบครัวเท่าไหร่ โดยที่พี่คนโตและคนในครอบครัวก็พยายามยื้อสุดทางแต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยปล่อยเค้าไปตามทางของเค้าก่อน
กลับมาต่อที่เรื่องของแม่ หลังจากที่แม่อยู่กินร่วมกับสามีคนที่ 3 มาเป็นเวลานานหลายปี จนแล้วลูกโตเริ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ลูกคนโตก็เตรียมจะเรียนจบปริญญา ก็ได้ยินข่าวว่าแม่ไปไม่รอดกับสามีคนที่ 3 ก็เลยเตรียมจะกลับมาบ้านมาอยู่กับยาย ลูกๆและญาติก็เห็นใจก็เตรียมรับกับเข้ามาอยู่บ้านด้วยกัน โดยเฉพาะลูกคนโตเค้าสงสารแม่มาก เพราะในช่วงเวลาที่เขาสู้ชีวิตโดยที่ไม่มีแม่ เค้าหาเงินและมีความฝันว่าจะเลี้ยงแม่ให้ได้ไม่อยากให้แม่ลำบาก เค้าคิดถึงแม่อยากให้เป็นครอบครัวเหมือนคนอื่น
หลังจากนั้นเราก็อยู่ด้วยกันแต่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ยังอาศัยอยู่กับยาย ส่วนลูกอีกคนก็อยู่กับญาติ แต่ก็ไปมาหาสู่ติดต่อสื่อสารกันบ่อยๆ พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน และมีความฝันว่าจะสร้างบ้านเป็นของตัวเองเล็กๆก็ได้
เราก็อดออมมาเรื่อยๆ ด้วยความที่แม่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ บางครั้งแม่ก็ได้ออกไปทำงานเหมือนกัน เพราะลูกอีก 2 คนยังเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่ได้ขอเงินแม่ใช้เท่าไหร่นัก บางครั้งขาดเขินก็จะมีขอแม่บ้าง พอหาได้ก็จะคืนแม่ แต่บางครั้งที่ดูเหมือนแม่เหนื่อย ลูกคนโตก็ให้แม่พักงานเป็นเวลานานเลย
ลูกคนโตพอทำงานมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นหน่อย ก็ดูแลแม่ในระดับที่ดีเลย เสื้อผ้าหน้าผมอาหารการกิน การดูแลสุขภาพ และเขาก็เริ่มมีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ก็ยังส่งเสียแม่และน้องๆอยู่ เพราะน้องยังเรียนไม่จบ
น้องคนกลางรู้ตัวว่าหาเงินไม่เก่งเท่าพี่ ก็พยายามถ่อมตน รับฟังและปฏิบัติตามที่พี่สั่งสอน เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณพี่ไปในตัว น้องคนเล็กบางครั้งเค้าก็ดีกับพี่ แต่ส่วนมากเค้าจะเอาแต่ใจตัวเอง เค้าไม่ยอมอยู่กับความเป็นจริง เขาชอบใช้ชีวิตเหมือนตัวเอง perfect พี่คนโตและคนกลางเคยโทษตัวเองว่าไม่สามารถให้ความอบอุ่นแก่น้องมากพอเลยทำให้น้องเหินห่าง แต่พวกเราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ พวกเรามีปัญญาแค่นี้
แม่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจลูกๆนะ แต่ด้วยความที่อยู่กับญาติกับยาย แม่ไม่ค่อยถูกกับยาย ด้วยความยายเป็นคนขี้บ่นด้วย แต่นอกจากยายแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยถูกกับญาติที่อยู่ใกล้เคียง แต่ลูกๆก็ขอให้อดทนอดทนรอเวลาที่ลูกๆเรียนจบมีเงินช่วยกันสร้างบ้าน
แต่ด้วยความที่ ความอดทนของคนเรามันมีต่างกัน แม่จะสอบปะทะกับเขาเหล่านั้นบ่อยๆ บางทีลูกๆก็เข้าใจแต่จะทำไงได้เมื่อเราอาศัยคนอื่นเค้าอยู่ ก็ต้องได้สู้อดทน
เมื่อปีที่แล้วลูกๆเริ่มสังเกตเห็น เมื่อแม่มีโทรศัพท์ใช้จากลูกสาวคนโตที่ซื้อให้ ซื้อให้นานแล้ว แต่ที่ผ่านมาแม่ก็มีโทรศัพท์ใช้มาโดยตลอด แม่ก็มีอาการเปลี่ยนไป ทำตัวไม่สมกับการเป็นแม่บ้าง ไม่ค่อยเข้าใจลูกๆ ไม่ค่อยใส่ใจสนใจกับลูกๆ ไม่ค่อยสนใจกับอะไรเลย ยกเว้นโทรศัพท์ และก็เข้า facebook คุยกับผู้ชาย คุยตั้งหลายคน คุยไปทั่ว
จนญาติๆเค้าก็บอกลูกๆเกี่ยวกับอาการของแม่ ลูกๆนะญาติก็ได้เตือนแม่ ให้นึกถึงความลำบากในอดีตที่ผ่านมา จะทำอะไรก็ให้คิดดีๆพิจารณาดีๆ ที่ผ่านมายังไม่พออีกหรอ แต่แม่ก็ยังทำต่อไป ลูกๆก็คุยกัน และพยายามเข้าใจแม่ ว่าแม่อาจจะเหงา
แต่ไม่นานมานี้ แม่ติดโทรศัพท์และคุยกับผู้ชายหนักเข้า และก็นัดผู้ชายมาจากต่างจังหวัดมาอยู่ที่บ้านยายด้วย ยายเครียดมาก เพราะแม่ไม่ได้คุยกับใครก่อนที่จะพาผู้ชายมา ลูกๆก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแม่เลย สรุปแล้วลูกๆกับยายและญาติใกล้เคียงเครียดมากที่แม่ทำอย่างนี้
ผู้คนในครอบครัวของเราได้รีบปรึกษากันด่วน เกี่ยวกับการกระทำของแม่ และได้คุยกับแม่และผู้ชายคนนั้นขอให้เค้ากลับไปก่อน เพราะว่ามาแบบกะทันหันมากพวกเราไม่ได้ตั้งใจไม่ได้เตรียมการอะไรเลย พวกเราไม่ได้จะดูถูกหรือหักห้ามใครแต่อย่างใด แต่ด้วยชีวิตการเป็นอยู่ทุกวันก็ค่อนข้างลำบากมากพอแล้ว และสังเกตฝ่ายชายที่แม่ชวนมาก็เป็นในลักษณะที่ไม่เข้าท่า แถมยังสารภาพด้วยว่ายังมีครอบครัวอยู่ แต่ดูอาการแม่เป็นเอามาก
วันนั้นพวกเราได้มีการคุยกัน ค่อนข้างเครียด และคุมอารมณ์ยากมาก แต่พวกเราก็คุมอารมณ์อย่างที่สุด และฝ่ายชายก็กลับไปในวันรุ่งเช้า แต่ก็ยังติดต่อกันกับแม่อยู่
พวกเราในครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วยกับการกระทำของแม่เลย ลูกๆเข้าใจว่าแม่เหงาว่าแม่กดดัน แต่เหลือเวลาอีกไม่นานพวกเราก็จะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว พวกเราไม่รู้จะทำไงต่อ เครียดและโกรธในการกระทำของแม่มาก ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยกับแม่
ลูกคนโตยังไปตามดูแม่บ้างว่าเป็นยังไงเพราะว่าเค้าอยู่ใกล้กันกับแม่ และก็คุยด้วยตามหน้าที่เฉพาะเรื่องจำเป็นเท่านั้น ส่วนลูกคนกลางไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยเลย เพราะก่อนหน้านั้น ตอนที่แม่เริ่มมีอาการเปลี่ยนไป โทรหาแม่ก็ไม่ค่อยรับ แชทไปก็ไม่ค่อยตอบ หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเขาก็ไม่คุยกับแม่เลย แต่ฝากเงินไปให้แม่ แต่เอาให้พี่สาวเพราะพี่สาวจะทำประกันให้แม่ แต่เค้าไม่สนใจว่าแม่จะรู้หรือไม่เค้าแค่ทำตามหน้าที่ ด้วยความที่หมดหวังในตัวแม่ อยากจะเข้าใจแม่ อยากจะทำอะไรๆให้ดีขึ้นแต่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง มีแต่ความเงียบและหาทางเอาตัวให้รอดก่อนที่จะไปช่วยใครๆ
ส่วนคนเป็นแม่ เมื่อลูกๆสังเกตอาการ เค้าก็ไม่ค่อยเครียดเรื่องลูกๆและครอบครัวเท่าไหร่ แต่จะเน้นใส่ใจไปในการคุยกับแฟนใหม่ของเค้า นอกจากนั้นแล้วเค้ายังคุยกับหลายๆคนและส่งรูปของลูกให้ใครต่อใครดู พวกเราเลยเบื่อในการกระทำแม่ และหาทางพูดไม่ให้แม่ส่งรูปพวกเราให้ใครๆต่อใครที่ไม่รู้จัก อยากเข้าใจแม่ อยากทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ไม่รู้จะปล่อยวางยังไง จะแก้ไขยังไง และจะปฏิบัติกับแม่ยังไงต่อ?
ขอความกรุณาให้คำปรึกษาจากเพื่อนๆใน pantip หน่อยนะ🙃🙃
#กระทู้นี้ไม่ได้มาหาพวกนะ
#หากเป็นเพราะทัศนคติเราก็ขอคำแนะนำว่าเราควรปรับทัศนคติและปล่อยวางยังไง
#สรุปคือมาหาตรงกลาง
#ขอบคุณสำหรับคำปรึกษาดีๆล่วงหน้านะคะ