JJNY : เสียชีวิต29 ป่วยใหม่1,902│ปิดฉากประชุม รมต.ท่องเที่ยว “เอเปค”│'สมชัย' ซัด 'วิษณุ' อย่ามั่ว│จี้รัสเซียคืนโรงไฟฟ้า

เสียชีวิตเพิ่ม 29 ราย ไทยป่วยโควิดใหม่ 1,902 ราย ปอดอักเสบ 873 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3517164
 
 
เสียชีวิตเพิ่ม 29 ราย ไทยป่วยโควิดใหม่ 1,902 ราย ปอดอักเสบ 873 ราย
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด 19 เผยแพร่ข้อมูลวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 1,902 ราย จำแนกเป็น
 
ผู้ป่วยในประเทศ 1,902 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,408,777 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 1,986 ราย
หายป่วยสะสม 2,411,783 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 19,935 ราย
เสียชีวิต 29 ราย
เสียชีวิตสะสม 10,302 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 873 ราย



ปิดฉากประชุม รมต.ท่องเที่ยว “เอเปค” ไม่สามารถหาฉันทามติในถ้อยแถลงได้
https://www.thansettakij.com/business/tourism/537235
 
ปิดฉากประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว “เอเปค” วันนี้ ไม่สามารถหาฉันทามติในถ้อยแถลงได้ เหตุผู้แทนจาก “บางประเทศ” ไม่เห็นด้วย กับการมีคำว่า “สงบสุข” และ “ความมั่นคง” ในร่างแถลงการณ์
 
วันนี้ (19 สิงหาคม 2565) นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 11 ( 11th Tourism Ministerial Meeting: TMM) โดยสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคจะมุ่งสร้างสรรค์และฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม และเกิดการฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน (Regenerative Tourism) เพื่อนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของทุกภาคส่วน
 
นายพิพัฒน์ กล่าวแถลงการณ์ประธานการประชุมเอเปคว่า “นับเป็นโอกาสอันดี ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ครั้งที่ 11  ในช่วงเวลาที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ. 2565  ภายใต้หัวข้อหลัก คือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.” โดยการจัดการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 11 นับเป็นการประชุมแบบพบปะหน้าเป็นครั้งแรกของการประชุมสาขาด้านการท่องเที่ยวเอเปคในรอบ 2 ปี นับจากเกิดสถานการณ์ โควิด-19
  
 
กว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นแล้วว่า ประเทศไทยยังคงมีมนต์ขลังและสามารถดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีผู้เดินทางเข้าร่วม ณ สถานที่ประชุมประมาณ 200 คน สำหรับผลของการประชุมในครั้งนี้ ถือว่าได้รับความสำเร็จ เป็นอย่างดี
 
ในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวได้มีการรายงานผลการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเอเปค  พ.ศ. 2563-2567 การหารือแนวทางความร่วมมือของเอเปคเพื่อเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวในช่วงหลังโควิด-19 และบทบาทของภาคการท่องเที่ยวต่อการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาค 
  
โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการเร่งการฟื้นฟูการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด  - 19 และได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการส่งเสริมการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในแต่ละเขตเศรษฐกิจ รวมถึงหารือถึงวิธีการรักษาสถานะของการท่องเที่ยวในฐานะภาคส่วนที่สร้างประโยชน์และความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชนในภูมิภาคเอเปค
                        
ตลอดระยะเวลาการประชุม ทุกเขตเศรษฐกิจได้ร่วมกันเจรจาร่างถ้อยแถลง และสามารถบรรลุฉันทามติได้ในทุกย่อหน้า ยกเว้นเพียงย่อหน้าเดียวที่เขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่สามารถหาฉันทามติกันได้ จึงได้ผลลัพธ์ในรูปถ้อยแถลงประธาน (Chair Statement)  
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับประเด็นที่ไม่สามารถบรรลุฉันทามติจนออกร่างแถลงการณ์ของรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค และต้องเปลี่ยนเป็นได้ถ้อยแถลงประธานแทน เนื่องจากผู้แทนจากจีนไม่เห็นด้วยที่ในร่างแถลงการณ์ในย่อหน้าที่ 2 เพียงย่อหน้าเดียว ที่มีคำว่า ความสงบสุข (Peace) และความมั่นคง (Stability)
 
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ เราสามารถรับรองเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ 
 
1. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเปคให้มีอนาคตที่ดีกว่าเดิม : การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน 
2. คู่มือเอเปคสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยว ฉบับปรับปรุง ซึ่งเอกสารทั้งสองฉบับนี้เป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวของเอเปคในปีนี้ ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเป็นก้าวสำคัญของเอเปคในการก้าวไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ปุตราจายา ค.ศ. 2040 และเพื่อให้เราทำงานต่อไปข้างหน้า
 
ในฐานะประธานการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 11 ผมขอขอบคุณรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคทุกเขตเศรษฐกิจ เลขาธิการเอเปค หัวหน้าคณะทำงานเอเปคด้านการท่องเที่ยว และผู้แทนผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านรวมทั้ง หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกท่านของเจ้าภาพเขตเศรษฐกิจไทยที่ได้ร่วมมือร่วมใจปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันมาอย่างแข็งขัน จนการประชุมประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี 
 
ผลลัพธ์ที่ไทยคาดหวังว่าจะได้รับจากการนำเสนอแนวคิดนี้ คือ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ต่อยอดมาจากแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) เพื่อจะช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดูแลรักษาทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยวของไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน และให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม เกิดการกระจายรายได้สู่คนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
สร้างระบบให้ชาวบ้านมีอาชีพ สามารถพึ่งพาตนเอง สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่นที่มีฐานะเป็น “เจ้าบ้าน” ในทุกแหล่งท่องเที่ยว โดยสามารถทำให้คนในชุมชนมีความสุขกับการเติบโตของการท่องเที่ยวโดยคนในชุมชนได้รับประโยชน์ในแบบที่ตนเองต้องการไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และการได้ฟื้นฟูวิถีชีวิตดั้งเดิม 
 
ทั้งนี้การผลักดันประเด็นการท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคไม่เพียงแต่ประเด็นการเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะการเดินทางระหว่างกันและการท่องเที่ยว แต่จะครอบคลุมถึงการส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยมุ่งสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ภายใต้หัวข้อหลักของการเป็นเจ้าภาพเอเปคปีนี้ของไทย คือ “Open. Connect. Balance.” หรือ “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล



'สมชัย' ซัด 'วิษณุ' อย่ามั่ว ยันความผิดประยุทธ์เฉพาะตัว ไม่สามารถอยู่รักษาการได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3517213
 
‘สมชัย’ ซัด ‘วิษณุ’ สุดมั่ว ยัน ความผิดประยุทธ์เป็นเฉพาะตัว ไม่สามารถรักษาการได้
 
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.  นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก เรื่องเนติบริกรอย่ามั่ว   ระบุว่า 
 
รองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม อ้างรัฐธรรมนูญ 2560 หลายมาตราโยงไปโยงมา แล้วสรุปความเห็นว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ว่านายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ครบ 8 ปี ก็ยังสามารถรักษาการได้ จนกว่าที่ประชุมรัฐสภาจะมีมติเลือกนายกคนใหม่ และ หากนายกไม่ประสงค์รักษาการ ก็เป็น สร.2 หรือรองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 รักษาราชการแทน
 
วิษณุ ยกยุคบรรหาร นายกฯรักษาการ สั่งยุบสภาได้ ชี้ไร้สัญญาณบิ๊กตู่
 
1. ความผิดของนายกรัฐมนตรี เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่สามารถรักษาการต่อได้ เทียบเคียงกรณีนายก ยิ่งลักษณ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ทำผิดกรณีใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการระดับสูงและแต่งตั้งเครือญาติเข้าไปทำงานแทน เป็นความผิดเฉพาะตัวตามมาตรา 182 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งขณะนั้น คุณยิ่งลักษณ์ยุบสภาแล้ว อยู่ระหว่างรักษาการ เมื่อเป็นความผิดเฉพาะตัว ก็ไม่สามารถรักษาการได้ ครม. จึงมีมติ มอบหมายให้คุณนิวัติธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีรักษาการแทน
 
2. หากไม่สามารถรักษาการได้ ต้องดำเนินการตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 คือ ในกรณีที่มีรองนายกรัฐมนตรีหลายคนให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ไม่ใช่ เป็น สร. 2 โดยอัตโนมัติ
 
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0MPdtWKYKHBKNM182ZwGWiXyySJPj46qa8t3KyymDbousLMXRANVwsoENq8uRHbzhl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่