ก็ขอระบายเรื่องราวของตัวเองหน่อยนะครับ เผื่อท่านใดมีมุมมอง มีคำแนะนำ เพื่อให้สามารถผ่านมันไปได้ คิอผมรู้จักน้องคนนึงผ่านทาง App ชาวเกย์ ครับ ช่วงปี 2560 ในตอนนั้น ผมวัย 40 แล้น้องคนนั้นก็ ประมาณ 20 เอง ก็คุยกัน ไม่ต้องลงลึกนะครับว่าเพื่ออะไร แต่บอกตรงๆ รูปร่าง หน้าตา ทุกอย่างมันทำให้ผมก็ติดใจน้องเขาเลย จึงติดต่อกันมาเรื่อยๆ
ก็พอจะรู้นะครับว่าตัวน้องเองก็ไม่ได้มาด้วยความใสซื่อ แน่นอนของแบบนี้ ของเกย์ มันก็มาด้วยการหยิบยื่น แลกเปลี่ยนเป็นธรรมดา แต่ก็คิดว่า คบไว้เป็นเพื่อแก้เหงา กินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวกัน ชีวิตส่วนตัวของเขาผมก็ไม่ได้ไปซักไซร้ ว่ายังไง เพราะคิดว่าแค่สนใจตอนที่อยู่ด้วยกันก็พอ
ชีวิตที่ช่วงนั้นเมื่อมองผ่านมาผมถือว่า ดีทีเดียว หน้าที่การงานดี ร่างการที่เคยอ่อนแอ ก็ออกกำลังกาย แข็งแรง สดใส จนคนรอบๆข้าง สังเกตได้ แถมจิตใจก็มีน้องคนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว แม้จะเจอกันเดือนนึงไม่กี่ครั้งก็ตาม
ช่วงโควิทที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะน้องเองหยุดงาน ซึ่งทำให้ผมรู้หลังจากสงสัย น้องทำงานในสถานบริการแบบนวดของชาวเกย์ รายได้หายไป ผมก็ให้การสนับสนุน การเงินให้เขา รวมถึงอะไรที่ผมอยากให้ผมก็ให้ แบบที่เขาไม่เคยขอ พอสถานะการณ์ผ่านมาสักช่วง ปี 2563 เราเจอกันแทบจะทุกเสาร์ อาทิตย์ ไป staycation ไปกินข้าวตาม โรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา ทุกอยางมันคือ เหมือนเราเป็นคู่รัก ต่างวัย การนอนกอดกันดูหนังในห้อง ออกกำลังกาย ว่ายน้ำ เดินเล่นตามที่ต่างๆ หรือแม้แต่การดูหนังด้วยกันจับมือกัน ไปกินร้านอาหารที่เขาชอบ รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ชอบทำอะไร มันเลยกว่าการมี sex ไปเยอะ ผมก็เก็บความทรงจำดีที่อยู่ด้วยกัน สะสมไว้เรื่อยๆ แต่ลึกๆ ผมก็รู้แหละครับว่า มันคือภาพลวงตา มันชั่วคราว มันไม่ได้มาจากความรู้สึกจริงๆ เคยคุยกับเขาไปว่า เมื่อไหร่ที่น้องเขาอยากจะจบ ก็ให้บอกกันตรงๆ จะได้จากกันไปด้วยดี
จนถึงที่ช่วง ทุกอย่างกลับมาปกติตอนต้น ปี 2565 น้องก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ก็ยังเจอกันวัน เสาร์ แต่ก็เริ่มทิ้งระยะ เริ่มห่างเหิน เจอกันก็มี อะไรที่ทำให้รู้ว่าเขาเริ่มมีคนอื่นสนับสนุน เช่นมีกระเป๋า brandname ใหม่ ไป ตจว บ่อยขึ้น รวมถึงตอนเจอกันก็จะเล่าถึงโรงแรมที่หรู ที่เขาบอกไปนอนค้างมากับเพื่อน สัญญาณเหล่านี้ คือสิ่งที่บอกว่า เวลาของผมกับน้องเขาคงใกล้จะหมดลง
จนเดือนที่ผ่านมา ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย ไม่อ่านไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ มันคือสิ่งที่ผมกล้วว่าจะเกิดขึ้น แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจ แต่การโดยเททิ้งแบบนี้ ผมก็เสียใจ ผมรู้ว่าเขาทำงานที่ไหนจึงติดต่อไป ได้เจอกันเมื่อคืนนี้เอง พอได้เจอได้คุย สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ผมคิด เขาอยากจะหยุดความสัมพันธ์ นี้ แต่ไม่กล้า ไม่อยากบอก เรื่องมีคนสนับสนุนใหม่ก็อีกเรื่องนึง เขาเองก็ไม่ได้อะไรกับคนใหม่ ก็คบเหมือนผม แค่เพิ่งรู้จักกัน ผมไม่ได้โกรธที่เขามีคนใหม่เพราะมันคือธรรมดา สุดท้ายก็คือคำตอบจากปากเขาว่า ต้องการจบความสัมพันธ์ ซึ่งการบอกต่อหน้าตรงๆ ผมก็รับได้ ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ฟูมฟาย เข้าใจและพร้อมจะจบ แต่เขาก็บอกว่า ถ้ายังคิดถึงเขาก็ติดต่อมาได้นะไปกินข้าวไปเจอได้ เขาเข้าใจเพราะก็รู้จักกันมานาน จะไม่หายไปอีก แต่จะให้ไปเหมือนเก่าคงไม่ได้
ตอนนี้ผมแค่รู้สึก โหวงๆ เนือยๆ บอกไม่ถูก เข้าใจทุกอย่าง ยอมรับทุกสิ่ง แต่อย่างที่บอก มันมีความทรงจำมากไป ที่ต้องใช้เวลาให้มันจางไป ผมตอนนี้ก็ยังอยากเจอนะ แต่ก็บอกเขาไปว่า เดี๋ยวคงจะค่อยๆ ทำใจและหายไปเอง ตอนนี้ขอเวลาทำใจหน่อยละกัน
กับคนที่ทำงานแบบนี้ ใครๆ ก็บอก อย่าเอาใจไปลงมากนัก ทุกคนอยากแนะนำ อยากเตือน อะไร ก็บอกมาครับ ขอบคุณที่อ่านการระบายที่อยู่ในใจ จนจบครับ ไม่คิดว่าจะพิมพ์ยาวขนาดนี้จริงๆ
เมื่อมันมาถึงทางที่เราต้องตัดใจ และปล่อยเขาไปตามทาง
ก็พอจะรู้นะครับว่าตัวน้องเองก็ไม่ได้มาด้วยความใสซื่อ แน่นอนของแบบนี้ ของเกย์ มันก็มาด้วยการหยิบยื่น แลกเปลี่ยนเป็นธรรมดา แต่ก็คิดว่า คบไว้เป็นเพื่อแก้เหงา กินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวกัน ชีวิตส่วนตัวของเขาผมก็ไม่ได้ไปซักไซร้ ว่ายังไง เพราะคิดว่าแค่สนใจตอนที่อยู่ด้วยกันก็พอ
ชีวิตที่ช่วงนั้นเมื่อมองผ่านมาผมถือว่า ดีทีเดียว หน้าที่การงานดี ร่างการที่เคยอ่อนแอ ก็ออกกำลังกาย แข็งแรง สดใส จนคนรอบๆข้าง สังเกตได้ แถมจิตใจก็มีน้องคนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว แม้จะเจอกันเดือนนึงไม่กี่ครั้งก็ตาม
ช่วงโควิทที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะน้องเองหยุดงาน ซึ่งทำให้ผมรู้หลังจากสงสัย น้องทำงานในสถานบริการแบบนวดของชาวเกย์ รายได้หายไป ผมก็ให้การสนับสนุน การเงินให้เขา รวมถึงอะไรที่ผมอยากให้ผมก็ให้ แบบที่เขาไม่เคยขอ พอสถานะการณ์ผ่านมาสักช่วง ปี 2563 เราเจอกันแทบจะทุกเสาร์ อาทิตย์ ไป staycation ไปกินข้าวตาม โรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา ทุกอยางมันคือ เหมือนเราเป็นคู่รัก ต่างวัย การนอนกอดกันดูหนังในห้อง ออกกำลังกาย ว่ายน้ำ เดินเล่นตามที่ต่างๆ หรือแม้แต่การดูหนังด้วยกันจับมือกัน ไปกินร้านอาหารที่เขาชอบ รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ชอบทำอะไร มันเลยกว่าการมี sex ไปเยอะ ผมก็เก็บความทรงจำดีที่อยู่ด้วยกัน สะสมไว้เรื่อยๆ แต่ลึกๆ ผมก็รู้แหละครับว่า มันคือภาพลวงตา มันชั่วคราว มันไม่ได้มาจากความรู้สึกจริงๆ เคยคุยกับเขาไปว่า เมื่อไหร่ที่น้องเขาอยากจะจบ ก็ให้บอกกันตรงๆ จะได้จากกันไปด้วยดี
จนถึงที่ช่วง ทุกอย่างกลับมาปกติตอนต้น ปี 2565 น้องก็เริ่มกลับไปทำงาน แต่ก็ยังเจอกันวัน เสาร์ แต่ก็เริ่มทิ้งระยะ เริ่มห่างเหิน เจอกันก็มี อะไรที่ทำให้รู้ว่าเขาเริ่มมีคนอื่นสนับสนุน เช่นมีกระเป๋า brandname ใหม่ ไป ตจว บ่อยขึ้น รวมถึงตอนเจอกันก็จะเล่าถึงโรงแรมที่หรู ที่เขาบอกไปนอนค้างมากับเพื่อน สัญญาณเหล่านี้ คือสิ่งที่บอกว่า เวลาของผมกับน้องเขาคงใกล้จะหมดลง
จนเดือนที่ผ่านมา ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย ไม่อ่านไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ มันคือสิ่งที่ผมกล้วว่าจะเกิดขึ้น แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจ แต่การโดยเททิ้งแบบนี้ ผมก็เสียใจ ผมรู้ว่าเขาทำงานที่ไหนจึงติดต่อไป ได้เจอกันเมื่อคืนนี้เอง พอได้เจอได้คุย สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ผมคิด เขาอยากจะหยุดความสัมพันธ์ นี้ แต่ไม่กล้า ไม่อยากบอก เรื่องมีคนสนับสนุนใหม่ก็อีกเรื่องนึง เขาเองก็ไม่ได้อะไรกับคนใหม่ ก็คบเหมือนผม แค่เพิ่งรู้จักกัน ผมไม่ได้โกรธที่เขามีคนใหม่เพราะมันคือธรรมดา สุดท้ายก็คือคำตอบจากปากเขาว่า ต้องการจบความสัมพันธ์ ซึ่งการบอกต่อหน้าตรงๆ ผมก็รับได้ ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ฟูมฟาย เข้าใจและพร้อมจะจบ แต่เขาก็บอกว่า ถ้ายังคิดถึงเขาก็ติดต่อมาได้นะไปกินข้าวไปเจอได้ เขาเข้าใจเพราะก็รู้จักกันมานาน จะไม่หายไปอีก แต่จะให้ไปเหมือนเก่าคงไม่ได้
ตอนนี้ผมแค่รู้สึก โหวงๆ เนือยๆ บอกไม่ถูก เข้าใจทุกอย่าง ยอมรับทุกสิ่ง แต่อย่างที่บอก มันมีความทรงจำมากไป ที่ต้องใช้เวลาให้มันจางไป ผมตอนนี้ก็ยังอยากเจอนะ แต่ก็บอกเขาไปว่า เดี๋ยวคงจะค่อยๆ ทำใจและหายไปเอง ตอนนี้ขอเวลาทำใจหน่อยละกัน
กับคนที่ทำงานแบบนี้ ใครๆ ก็บอก อย่าเอาใจไปลงมากนัก ทุกคนอยากแนะนำ อยากเตือน อะไร ก็บอกมาครับ ขอบคุณที่อ่านการระบายที่อยู่ในใจ จนจบครับ ไม่คิดว่าจะพิมพ์ยาวขนาดนี้จริงๆ