Ep.7 Tung Fort พิชิตยอดเขาในอินเดียตะวันตก
https://ppantip.com/topic/41581633
ep.นี้มาไวกว่าปกติ เนื่องจาก ep ที่แล้วเล่าเรื่องการเดินทางไปเทรคกิ้ง ep นี้จึงขอกลับมาอัพเดทชีวิตประจำสัปดาห์ให้ฟังดังเดิม
.
แต่ละวันต้องพูดคำว่า "Sorry, I don't know. I'm Thai not Indian." ไม่ต่ำกว่าวันละ 2-3 ครั้ง เหมือนยิ่งอยู่อินเดียนานวันเข้ายิ่งกลมกลืนกับพวกเขามากยิ่งขึ้น
.
เวลาคือยาลบความจำ ในขณะเดียวกันก็คือสิ่งที่เพิ่มความทรงจำใหม่ๆ มาทดแทน บางครั้งผมก็หลงลืมอะไรหลายอย่างๆ ในไทย รสชาติอาหาร แสงแดดของกรุงเทพฯ และผู้คน
.
เวลาทดแทนความทรงจำใหม่เข้ามาแทนที่ ผมเริ่มชินและอร่อยไปกับอาหารมังสวิรัติ ที่จริงแท้แน่นอนคือการกินมังที่อินเดีย มันดีต่อระบบขับถ่ายกว่าการกินเนื้อสัตว์ อากาศที่นี่บางวันร้อน แต่ก็มีสายฝนโปรยปรายคลายความร้อนอยู่ตลอด ผู้คนที่อินเดียถ้าว่าการตามความรู้สึกของผม ผมสบายใจในการใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา บางเรื่องเขาก็แย่ แต่โดยรวมแล้วผมเพียงรู้สึกว่า คนอินเดียคิดอะไรเขาก็พูดไปแบบนั้น เขาไม่มีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ
.
แต่บางเวลาอินเดียก็ทำให้ผมเหนื่อย น่าจะเกือบ 3 อาทิตย์ได้ที่ผมแทบไม่มีวันพักผ่อน เรียน ทำกิจกรรมของมหาลัย เที่ยว ไปอีเว้น เล่นโยคะ พบปะพูดคุยกับผู้คนใหม่ ถ่ายรูป มีอะไรมากมายรอให้ผมทำเยอะแยะเต็มไปหมด สำหรับผมเป็นเรื่องดี เวลาไม่มีอะไรทำผมมักฟุ้งซ่าน
.
จริงๆ แล้วการมาใช้ชีวิตต่างประเทศมันก็ไม่ได้โดดเดี่ยวนักหรอก สิ่งที่ต่างจากการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิดคือ ในบ้านเกิดเรามีครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก คนที่สามารถช่วยเหลือเราได้ในยามมีปัญหาและยามเหงา ในขณะที่ต่างประเทศในช่วงเริ่มต้นเราสูญเสียคนเหล่านี้ไป แต่เราก็สามารถสร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่ได้
.
เราสามารถผูกมิตรภาพกับใครสักคน จนสามารถเรียกเขาว่าเพื่อนสนิท เหมือนที่ตอนนี้ ผมมีเพื่อนสนิทหลายคน ถ้าคนอินเดียผมมี โกป้ากับชีวานี เป็นเพื่อนคนอินเดียที่สนิทที่สุด ผมมีซาร่าอาจารย์ที่โรงเรียนที่อุ่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้โทรหาเขา ผมมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักอย่างอามิท เจ้าของหอพัก หรือมานพชายหนุ่มวัย 40 กว่าปีผู้มีธุรกิจของตัวเอง แม้ผมจะไม่ได้สนิทกับพวกเขานัก แต่ก็พอสบายใจได้บ้างว่าถ้าเกิดปัญหาอะไร ผมจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้
.
ในโรงเรียนผมก็มีเพื่อนมากมายที่คอยช่วยเหลือกัน มีไวโบ้ อากัส นูตั้น เพื่อนคนอินเดีย ที่เวลาผมมีข้อสงสัยอะไร ผมจะเก็บเอาไปถามพวกเขาในทุกๆ เช้าก่อนเข้าเรียน มีแดเนียลเพื่อนคนเกาหลีที่เรียนด้วยกัน เป็นอีกคนที่เรามักจะแชร์เรื่องราวซึ่งกันและกันเสมอ มียูซุฟน้องชายที่ผมสบายใจที่จะนั่งเรียนกับเขา มีกลุ่มเพื่อนคนไทย พี่เฟริน พี่เมย์ พี่กิฟ พี่สมาย ฟ้า กาฟิวส์ พี(พ่อครัวอาหารไทยมือ1) ป๊อป หยี่ ที่ท้ายที่สุดแล้วการได้คุยกับคนบ้านเดียวกัน ก็ช่วยคลายเหงาแบบที่ใครก็ทดแทนไม่ได้
.
พอกลับไปอ่านถึงผู้คนที่ตัวเองเขียนถึงก็พบว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยว ทั้งยังมีผู้คนอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้เขียนถึงและคงเขียนไม่หมด เวลาผ่านไปแค่เดือนกว่าๆ ผมได้สร้างมิตรภาพกับผู้คนมากมายเต็มไปหมด
.
.
แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถรักษามิตรภาพทั้งหมดไว้ได้ เวลาคงค่อยๆ กลั่นกรองผู้คนที่อยู่กับเรา ในขณะเดียวกันตัวเราเองก็สำคัญ ที่จะวางตัวอย่างไรให้เป็นที่รักของพวกเขา ในขณะที่ยังคงดำรงไว้ซึ่งตัวตนของเรา
.
ถ้าพูดกันตามความรู้สึกขณะนี้ ผมมีความสุขกับชีวิตที่อินเดีย ทุกอย่างลงตัว ไม่เคร่งเครียดเหมือนตอนอยู่ที่ไทย แต่สภาวะใดสภาวะหนึ่งจะไม่คงอยู่ตลอดไป มันจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และมีสภาวะใหม่เกิดขึ้นมาทดแทนเสมอ เราเพียงแค่ต้องเล่นไปตามบทบาท ปรับตัวไปตามสถานการณ์ วันที่สุขก็สุขอย่างไม่ต้องเกรงกลัว วันที่ทุกข์ก็มีความหวังว่าสักวันมันจะจบลงไป
.
อินเดียไม่ใช่ดินแดนแห่งความสุข และก็ไม่ใช่ที่ที่มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก อย่างที่ใครเขากล่าวอ้างกัน มันคือดินแดนแห่งชีวิต ทุกสิ่งที่รายล้อมประเทศแห่งนี้ล้วนมีชีวิตชีวาแต่ไม่คงเส้นคงวา
.
การใช้ชีวิตที่นี่ให้สนุก เราต้องเริงระบำไปตามจังหวะของมัน อินเดียมีจังหวะเป็นของตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรายอมรับจังหวะเหล่านั้น และครื้นเครงไปกับมัน เราจะสนุกไปกับสิ่งที่อินเดียมอบให้กับเรา
#podinindia
.
EP.9 ไตแลนด์ ไม่ใช่ ไทยแลนด์
https://ppantip.com/topic/41594703
.
Yesh in India อยู่อินเดียไม่มีเหงา EP.8 การใช้ชีวิตต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากและโดดเดี่ยว
Ep.7 Tung Fort พิชิตยอดเขาในอินเดียตะวันตก
https://ppantip.com/topic/41581633
ep.นี้มาไวกว่าปกติ เนื่องจาก ep ที่แล้วเล่าเรื่องการเดินทางไปเทรคกิ้ง ep นี้จึงขอกลับมาอัพเดทชีวิตประจำสัปดาห์ให้ฟังดังเดิม
.
แต่ละวันต้องพูดคำว่า "Sorry, I don't know. I'm Thai not Indian." ไม่ต่ำกว่าวันละ 2-3 ครั้ง เหมือนยิ่งอยู่อินเดียนานวันเข้ายิ่งกลมกลืนกับพวกเขามากยิ่งขึ้น
.
เวลาคือยาลบความจำ ในขณะเดียวกันก็คือสิ่งที่เพิ่มความทรงจำใหม่ๆ มาทดแทน บางครั้งผมก็หลงลืมอะไรหลายอย่างๆ ในไทย รสชาติอาหาร แสงแดดของกรุงเทพฯ และผู้คน
.
เวลาทดแทนความทรงจำใหม่เข้ามาแทนที่ ผมเริ่มชินและอร่อยไปกับอาหารมังสวิรัติ ที่จริงแท้แน่นอนคือการกินมังที่อินเดีย มันดีต่อระบบขับถ่ายกว่าการกินเนื้อสัตว์ อากาศที่นี่บางวันร้อน แต่ก็มีสายฝนโปรยปรายคลายความร้อนอยู่ตลอด ผู้คนที่อินเดียถ้าว่าการตามความรู้สึกของผม ผมสบายใจในการใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา บางเรื่องเขาก็แย่ แต่โดยรวมแล้วผมเพียงรู้สึกว่า คนอินเดียคิดอะไรเขาก็พูดไปแบบนั้น เขาไม่มีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ
.
แต่บางเวลาอินเดียก็ทำให้ผมเหนื่อย น่าจะเกือบ 3 อาทิตย์ได้ที่ผมแทบไม่มีวันพักผ่อน เรียน ทำกิจกรรมของมหาลัย เที่ยว ไปอีเว้น เล่นโยคะ พบปะพูดคุยกับผู้คนใหม่ ถ่ายรูป มีอะไรมากมายรอให้ผมทำเยอะแยะเต็มไปหมด สำหรับผมเป็นเรื่องดี เวลาไม่มีอะไรทำผมมักฟุ้งซ่าน
.
จริงๆ แล้วการมาใช้ชีวิตต่างประเทศมันก็ไม่ได้โดดเดี่ยวนักหรอก สิ่งที่ต่างจากการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิดคือ ในบ้านเกิดเรามีครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก คนที่สามารถช่วยเหลือเราได้ในยามมีปัญหาและยามเหงา ในขณะที่ต่างประเทศในช่วงเริ่มต้นเราสูญเสียคนเหล่านี้ไป แต่เราก็สามารถสร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่ได้
.
เราสามารถผูกมิตรภาพกับใครสักคน จนสามารถเรียกเขาว่าเพื่อนสนิท เหมือนที่ตอนนี้ ผมมีเพื่อนสนิทหลายคน ถ้าคนอินเดียผมมี โกป้ากับชีวานี เป็นเพื่อนคนอินเดียที่สนิทที่สุด ผมมีซาร่าอาจารย์ที่โรงเรียนที่อุ่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้โทรหาเขา ผมมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักอย่างอามิท เจ้าของหอพัก หรือมานพชายหนุ่มวัย 40 กว่าปีผู้มีธุรกิจของตัวเอง แม้ผมจะไม่ได้สนิทกับพวกเขานัก แต่ก็พอสบายใจได้บ้างว่าถ้าเกิดปัญหาอะไร ผมจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้
.
ในโรงเรียนผมก็มีเพื่อนมากมายที่คอยช่วยเหลือกัน มีไวโบ้ อากัส นูตั้น เพื่อนคนอินเดีย ที่เวลาผมมีข้อสงสัยอะไร ผมจะเก็บเอาไปถามพวกเขาในทุกๆ เช้าก่อนเข้าเรียน มีแดเนียลเพื่อนคนเกาหลีที่เรียนด้วยกัน เป็นอีกคนที่เรามักจะแชร์เรื่องราวซึ่งกันและกันเสมอ มียูซุฟน้องชายที่ผมสบายใจที่จะนั่งเรียนกับเขา มีกลุ่มเพื่อนคนไทย พี่เฟริน พี่เมย์ พี่กิฟ พี่สมาย ฟ้า กาฟิวส์ พี(พ่อครัวอาหารไทยมือ1) ป๊อป หยี่ ที่ท้ายที่สุดแล้วการได้คุยกับคนบ้านเดียวกัน ก็ช่วยคลายเหงาแบบที่ใครก็ทดแทนไม่ได้
.
พอกลับไปอ่านถึงผู้คนที่ตัวเองเขียนถึงก็พบว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยว ทั้งยังมีผู้คนอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้เขียนถึงและคงเขียนไม่หมด เวลาผ่านไปแค่เดือนกว่าๆ ผมได้สร้างมิตรภาพกับผู้คนมากมายเต็มไปหมด
.
.
แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถรักษามิตรภาพทั้งหมดไว้ได้ เวลาคงค่อยๆ กลั่นกรองผู้คนที่อยู่กับเรา ในขณะเดียวกันตัวเราเองก็สำคัญ ที่จะวางตัวอย่างไรให้เป็นที่รักของพวกเขา ในขณะที่ยังคงดำรงไว้ซึ่งตัวตนของเรา
.
ถ้าพูดกันตามความรู้สึกขณะนี้ ผมมีความสุขกับชีวิตที่อินเดีย ทุกอย่างลงตัว ไม่เคร่งเครียดเหมือนตอนอยู่ที่ไทย แต่สภาวะใดสภาวะหนึ่งจะไม่คงอยู่ตลอดไป มันจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และมีสภาวะใหม่เกิดขึ้นมาทดแทนเสมอ เราเพียงแค่ต้องเล่นไปตามบทบาท ปรับตัวไปตามสถานการณ์ วันที่สุขก็สุขอย่างไม่ต้องเกรงกลัว วันที่ทุกข์ก็มีความหวังว่าสักวันมันจะจบลงไป
.
อินเดียไม่ใช่ดินแดนแห่งความสุข และก็ไม่ใช่ที่ที่มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก อย่างที่ใครเขากล่าวอ้างกัน มันคือดินแดนแห่งชีวิต ทุกสิ่งที่รายล้อมประเทศแห่งนี้ล้วนมีชีวิตชีวาแต่ไม่คงเส้นคงวา
.
การใช้ชีวิตที่นี่ให้สนุก เราต้องเริงระบำไปตามจังหวะของมัน อินเดียมีจังหวะเป็นของตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เรายอมรับจังหวะเหล่านั้น และครื้นเครงไปกับมัน เราจะสนุกไปกับสิ่งที่อินเดียมอบให้กับเรา
#podinindia
.
EP.9 ไตแลนด์ ไม่ใช่ ไทยแลนด์
https://ppantip.com/topic/41594703
.