สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ที่ Big Cinema มันต้องเลิกไปเพราะช่อง 7 หาหนังที่น่าสนใจดึงดูดสปอนเซอร์ลงไม่ได้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะคนเลิกดู Big Cinema แล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ Disney/Fox ที่เป็นพันธมิตรกับช่อง 7 มายาวนานต้องการจะทำตลาด Content ในประเทศไทยเองทั้งหมดผ่านช่องทาง Disney+Hotstar จึงไม่มีการต่อลิขสิทธิ์รายการที่ใช้ Content ของตนทุกช่องทางทั้งช่อง Disney 3 ช่องของ TrueVisions รวมทั้งรายการ Disney Club ที่ออกอากาศทางช่อง 7 มายาวนานเกือบ 30 ปีก็ต้องเลิก แม้แต่ Big Cinema ก็โดนหางเลขไปด้วยเพราะ Disney งดขายสิทธิ์ภาพยนตร์ทุกกรณี พอ Disney/Fox ทำ ทาง Warner Bros. ก็เอาบ้างโดยการพยายามรวมช่องทาง Content ของตนให้ดูผ่าน HBO Go เท่านั้น
เมื่อ Disney/Fox, WB ไม่เอาหนังมาลงไป 3 เจ้าแล้วค่ายหนังใหญ่ๆก็เหลือเพียงแค่ Universal, Paramount, Sony และ Lionsgate โดย Paramount ช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้แทบจะหาหนังฮิตๆไม่เจอ ส่วน Lionsgate ก็เหมือนมีปัญหาด้านลิขสิทธิ์ในไทย ก็เหลือแค่ Universal กับ Sony ที่มีทางเลือกหนังจำกัดลงมากแถมไม่รู้อีกว่า 2 ค่ายนี้มีความสัมพันธ์กับช่อง 7 อย่างไร เมื่อไม่มีหนังดีๆจะมาฉายก็หาสปอนเซอร์ไม่ได้ เมื่อหาสปอนเซอร์ไม่ได้รายการก็ต้องล้มไป
เรื่อง VDO, DVD, Streaming อะไรนั่นมันไม่เกี่ยวเลยครับ มันไม่ได้มาแย่งลูกค้าของ Big Cinema ไปเพราะมันคนละตลาดกัน เพราะปกติแล้วลำดับการปล่อย Content จะเป็นดังนี้
สมัยก่อน
โรงภาพยนตร์ --> Home Entertainment (VDO/DVD/BD) --> Cable TV --> Free TV
สมัยนี้
โรงภาพยนตร์ --> Home Entertainment (PVOD/DVD/BD) --> Subscription Streaming --> Cable TV --> Free TV
Big Cinema ซึ่งอยู่ตรงปลายสุดคือ Free TV มันไม่มีอะไรมาแข่งด้วยแล้ว ส่วน Subscription Streaming ที่คุณบอกว่าทำให้ Big Cinema เจีงนั้นมันไปมีผลกับ Home Entertainment ซึ่งอยู่ลำดับก่อนหน้ามากกว่าไม่ใช่ Free TV ที่อยู่ด้านหลัง ปัจจุบัน Disney/Fox, WB เลิกทำแผ่น DVD/BD ขายในไทยแล้วเพราะต้องการเอา Content ไปลง Streaming อย่างเดียว
ในห่วงโซ่ธุรกิจภาพยนตร์ข้างต้น Free TV เป็นเพียงช่องทางเดียวที่ผู้ชมอย่างเราไม่ต้องเสียเงินซื้อ Content โดยตรงเพราะ Provider จะไปหารายได้จากโฆษณาแทน การที่รายการมันหายไปสาเหตุหลักก็เพราะโฆษณาไม่เข้า โฆษณาไม่เข้าก็เพราะ Content มันไม่ดึงดูดเท่าสมัยก่อน ลำพังผู้ชมทางบ้านน่ะเค้าไม่ได้เสียอะไรมีของฟรีดีๆมาเค้าก็ดูครับ มีโฆษณาบ้างเค้าก็ดู ทุกวันนี้ในอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นก็ยังมีช่องทางดูหนังทาง Free TV อยู่เลยทั้งๆที่บ้านเค้าพัฒนามากกว่าเราหลายเท่า ผลิต Content ได้เองมากกว่าเราหลายเท่า
ผลกระทบเรื่องหา Content ไม่ได้ตอนนี้อย่าว่าแต่ Free TV เลยครับ ขนาด Cable TV ที่อยู่ก่อนหน้าบนห่วงโซ่ยังหาภาพยนตร์ใหม่ๆที่น่าสนใจมาลงลำบากเลย ก็เพราะค่ายหนังที่ทำ Streaming เองนั้นเลิกทำช่อง Cable ไปแถมยังดึงสิทธิ์หนังไว้บน Streaming ของตัวเองนานๆอีก ตอนนี้เท่าที่ทราบหนังบางเรื่องต้องอยู่บน Streaming ของตัวเองนาน 1.5-2 ปีจึงจะปล่อยสิทธิ์ออกไปให้ 3rd party ใช้งาน แล้วหนังที่อายุ 2-3 ปีแล้วมันจะยังเหลือความน่าสนใจอยู่อีกมั้ยครับ
เมื่อ Disney/Fox, WB ไม่เอาหนังมาลงไป 3 เจ้าแล้วค่ายหนังใหญ่ๆก็เหลือเพียงแค่ Universal, Paramount, Sony และ Lionsgate โดย Paramount ช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้แทบจะหาหนังฮิตๆไม่เจอ ส่วน Lionsgate ก็เหมือนมีปัญหาด้านลิขสิทธิ์ในไทย ก็เหลือแค่ Universal กับ Sony ที่มีทางเลือกหนังจำกัดลงมากแถมไม่รู้อีกว่า 2 ค่ายนี้มีความสัมพันธ์กับช่อง 7 อย่างไร เมื่อไม่มีหนังดีๆจะมาฉายก็หาสปอนเซอร์ไม่ได้ เมื่อหาสปอนเซอร์ไม่ได้รายการก็ต้องล้มไป
เรื่อง VDO, DVD, Streaming อะไรนั่นมันไม่เกี่ยวเลยครับ มันไม่ได้มาแย่งลูกค้าของ Big Cinema ไปเพราะมันคนละตลาดกัน เพราะปกติแล้วลำดับการปล่อย Content จะเป็นดังนี้
สมัยก่อน
โรงภาพยนตร์ --> Home Entertainment (VDO/DVD/BD) --> Cable TV --> Free TV
สมัยนี้
โรงภาพยนตร์ --> Home Entertainment (PVOD/DVD/BD) --> Subscription Streaming --> Cable TV --> Free TV
Big Cinema ซึ่งอยู่ตรงปลายสุดคือ Free TV มันไม่มีอะไรมาแข่งด้วยแล้ว ส่วน Subscription Streaming ที่คุณบอกว่าทำให้ Big Cinema เจีงนั้นมันไปมีผลกับ Home Entertainment ซึ่งอยู่ลำดับก่อนหน้ามากกว่าไม่ใช่ Free TV ที่อยู่ด้านหลัง ปัจจุบัน Disney/Fox, WB เลิกทำแผ่น DVD/BD ขายในไทยแล้วเพราะต้องการเอา Content ไปลง Streaming อย่างเดียว
ในห่วงโซ่ธุรกิจภาพยนตร์ข้างต้น Free TV เป็นเพียงช่องทางเดียวที่ผู้ชมอย่างเราไม่ต้องเสียเงินซื้อ Content โดยตรงเพราะ Provider จะไปหารายได้จากโฆษณาแทน การที่รายการมันหายไปสาเหตุหลักก็เพราะโฆษณาไม่เข้า โฆษณาไม่เข้าก็เพราะ Content มันไม่ดึงดูดเท่าสมัยก่อน ลำพังผู้ชมทางบ้านน่ะเค้าไม่ได้เสียอะไรมีของฟรีดีๆมาเค้าก็ดูครับ มีโฆษณาบ้างเค้าก็ดู ทุกวันนี้ในอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นก็ยังมีช่องทางดูหนังทาง Free TV อยู่เลยทั้งๆที่บ้านเค้าพัฒนามากกว่าเราหลายเท่า ผลิต Content ได้เองมากกว่าเราหลายเท่า
ผลกระทบเรื่องหา Content ไม่ได้ตอนนี้อย่าว่าแต่ Free TV เลยครับ ขนาด Cable TV ที่อยู่ก่อนหน้าบนห่วงโซ่ยังหาภาพยนตร์ใหม่ๆที่น่าสนใจมาลงลำบากเลย ก็เพราะค่ายหนังที่ทำ Streaming เองนั้นเลิกทำช่อง Cable ไปแถมยังดึงสิทธิ์หนังไว้บน Streaming ของตัวเองนานๆอีก ตอนนี้เท่าที่ทราบหนังบางเรื่องต้องอยู่บน Streaming ของตัวเองนาน 1.5-2 ปีจึงจะปล่อยสิทธิ์ออกไปให้ 3rd party ใช้งาน แล้วหนังที่อายุ 2-3 ปีแล้วมันจะยังเหลือความน่าสนใจอยู่อีกมั้ยครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไม Big Cinema ช่องเจ็ด ถึงอยู่มาได้จนปี 2565
คือรู้นะว่ามีรายการนี้ แต่อยู่มาจนอายุเกือบ 40 เคยดูแค่ 2-3 ครั้ง
โดยปกติ จะเช่าหนังมาดู ตั้งแต่ยุควีดีโอเทป ก็นึกว่าจะไปตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว
เพราะต้องรอโปรแกรม รายการมาดึก แถมมีโฆษณา เช่าวีดีโอมาสะดวกกว่าเห็นๆ
แต่รายการก็อยู่มาจนเป็นยุค วีซีดี ดีวีดี จนมาหลังๆก็สตรีมมิ่ง ก็ยันต่อมาได้อีกพักใหญ่ๆ
(2-3 ครั้งที่ดู คือหนังที่หาเช่าไม่ได้จริงๆ)
รายการต้านกระแสสตรีมมิ่งได้ ไม่แปลกใจ
แต่สงสัยว่าทำไมต้านยุคหนังเช่ามาได้หลายยุคขนาดนั้น
(วีดีโอเทป วีซีดี ดีวีดี)
อะไรทำให้คนยังรอดูหนังฉายตามโปรแกรมทีวี+มีโฆณาคั่น มาได้นานขนาดนี้