" สัตว์ "---ตอนที่ 8 :...สัตว์..มันจะไม่มีได้ไง?..ก็พระศาสดาท่านว่า..สัตว์ไป..อบาย-มนุษย์-เทวดา..และ..ถึงนิพพาน

กระทู้สนทนา


 กำเนิด ๔ 
[๑๖๙] ดูกรสารีบุตร กำเนิด ๔ ประการเหล่านี้แล ๔ ประการเป็นไฉน? คือ 
- อัณฑชะ กำเนิด
- ชลาพุชะกำเนิด
- สังเสทชะกำเนิด
- โอปปาติกะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร ก็อัณฑชะกำเนิด เป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ชำแรกเปลือกแห่งฟองเกิด นี้เราเรียกว่า อัณฑชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร ชลาพุชะกำเนิดเป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นใด ชำแรกไส้ [มดลูก] เกิด นี้เราเรียกว่า ชลาพุชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร สังเสทชะกำเนิดเป็นไฉน?
สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นใด ย่อมเกิดในปลาเน่า ในซากศพเน่า ในขนมบูด
หรือในน้ำครำ ในเถ้าไคล [ของสกปรก] นี้เราเรียกว่า สังเสทชะกำเนิด

ดูกรสารีบุตร โอปปาติกะกำเนิดเป็นไฉน?
เทวดา สัตว์นรก มนุษย์บางจำพวก และเปรตบางจำพวก นี้เราเรียกว่า โอปปาติกะกำเนิด 

ดูกรสารีบุตร กำเนิด ๔ ประการเหล่านี้แล 

ดูกรสารีบุตร ผู้ใดแล พึงว่าซึ่งเราผู้รู้อยู่อย่างนี้ ผู้เห็นอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมอันยิ่งของมนุษย์ 
ที่เป็นญาณทัสสนะอันวิเศษพอแก่ความเป็นอริยะ ของพระสมณโคดมไม่มี 
พระสมณโคดมทรงแสดงธรรมที่ประมวลมาด้วยความตรึก ที่ไตร่ตรองด้วยการค้นคิด 
แจ่มแจ้ง ได้เอง 

ดูกรสารีบุตร ผู้นั้นไม่ละวาจานั้นเสีย ไม่ละความคิดนั้นเสีย ไม่สละคืนทิฏฐินั้นเสีย 
ก็เที่ยงแท้ ที่จะตกนรกดังถูกนำมาฝังไว้ 

ดูกรสารีบุตร เปรียบเหมือนภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ถึงพร้อมด้วยสมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญา 
พึงกระหยิ่มอรหัตผล ในปัจจุบันทีเดียว ฉันใด 

ดูกรสารีบุตร เรากล่าวข้ออุปไมยนี้ ก็ฉันนั้น ผู้นั้นไม่ละวาจานั้นเสีย ไม่ละความคิดนั้นเสีย 
ไม่สละคืนทิฏฐินั้นเสีย ก็เที่ยงแท้ที่จะตกนรกดังถูกนำมาฝังไว้.

คติ ๕
[๑๗๐] ดูกรสารีบุตร คติ ๕ ประการเหล่านี้แล ๕ ประการเป็นไฉน?
คือ  - นรก
       - กำเนิด ดิรัจฉาน
        - เปรตวิสัย
        - มนุษย์
        - เทวดา
ดูกรสารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งนรก ทางยังสัตว์ให้ถึงนรก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงนรก
อนึ่ง สัตว์ผู้ดำเนินประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย
ดูกรสารีบุตร เราย่อม รู้ชัดซึ่งกำเนิดดิรัจฉาน ทางยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดดิรัจฉาน ปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงกำเนิดดิรัจฉาน
อนึ่ง สัตว์ผู้ดำเนินประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงกำเนิดดิรัจฉาน เราย่อม รู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย
ดูกรสารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งเปรตวิสัย ทางไปสู่เปรตวิสัย และปฏิปทา อันจะยังสัตว์ให้ถึงเปรตวิสัย
อนึ่ง สัตว์ผู้ดำเนินประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย
ดูกรสารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งเหล่ามนุษย์ ทางอันยังสัตว์ให้ถึงมนุษย์โลก และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงมนุษยโลก
อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติ ประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมบังเกิดในหมู่มนุษย์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้น ด้วย
ดูกรสารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งเทวดาทั้งหลาย ทางอันยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก และปฏิปทา อันจะยังสัตว์ให้ถึงเทวโลก
อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย
ดูกรสารีบุตร เราย่อมรู้ชัดซึ่งพระ นิพพาน ทางอันยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพาน และปฏิปทาอันจะยังสัตว์ให้ถึงพระนิพพาน
อนึ่ง สัตว์ผู้ปฏิบัติประการใด ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ อาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ เราย่อมรู้ชัดซึ่งประการนั้นด้วย.
 
อุปมาการเห็นคติของบุคคล 
[๑๗๑] ดูกรสารีบุตร เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคน ในโลกนี้ด้วยใจอย่างนี้ว่า 
บุคคลนี้ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก 
โดยสมัยต่อมา เราย่อมเห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก 
เข้าถึงแล้วซึ่งอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อน โดยส่วนเดียว 
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ 
ดูกรสารีบุตร เปรียบเหมือน หลุมถ่านเพลิง ลึกยิ่งกว่าชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยถ่านเพลิง ปราศจากเปลว ปราศจากควัน 
ลำดับนั้น บุรุษผู้มีตัวอันความร้อนแผดเผา ครอบงำ เหน็ดเหนื่อย สะทกสะท้าน หิวกระหาย มุ่งมาสู่ หลุมถ่านเพลิงนั้นแหละ 
โดยมรรคาสายเดียว บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น 
ขึ้นสู่หนทางนั้น จักมาถึงหลุมถ่านเพลิงนี้ ทีเดียว 
โดยสมัยต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมถ่านเพลิงนั้น เสวยทุกขเวทนา อันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว 
แม้ฉันใด 
ดูกรสารีบุตร เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคน ในโลกนี้ ด้วยใจ ฉันนั้น เหมือนกันแลว่า 
บุคคลนี้ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้น สู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
จักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก โดยสมัย ต่อมา เราได้เห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
เข้าถึงแล้วซึ่ง อบายทุคติ วินิบาต นรก เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อนโดยส่วนเดียว 
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุ ของมนุษย์. 
[๑๗๒] ดูกรสารีบุตร เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคนในโลกนี้ ด้วยใจว่า บุคคลนี้ 
ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
จักเข้าถึง กำเนิดดิรัจฉาน โดยสมัยต่อมา เราเห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
เข้าถึงแล้ว ซึ่งกำเนิดดิรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อน 
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุ ของมนุษย์ 
ดูกรสารีบุตร เปรียบเหมือนหลุมคูถ ลึกยิ่งกว่าชั่วบุรุษ เต็มไปด้วยคูถ 
ลำดับนั้น บุรุษผู้มีตัวอันความร้อนแผดเผา ครอบงำ เหน็จเหนื่อย สะทกสะท้าน หิวระหาย มุ่งมาสู่ หลุมคูถนั้นแหละ 
โดยมรรคาสายเดียว บุรุษผู้มีจักษุเห็นเขาแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้เจริญนี้ ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น 
และขึ้นสู่หนทางนั้น จักมาถึงหลุมคูถนี้ทีเดียว โดยสมัยต่อมา บุรุษผู้มีจักษุนั้น พึงเห็นเขาตกลงในหลุมคูถนั้น 
เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อน แม้ฉันใด 
ดูกรสารีบุตร เราย่อมกำหนดรู้ใจบุคคลบางคนในโลกนี้ด้วยใจ ฉันนั้น เหมือนกันแลว่า 
บุคคลนี้ปฏิบัติอย่างนั้น ดำเนินอย่างนั้น และขึ้นสู่หนทางนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
จักเข้า ถึงกำเนิดดิรัจฉาน โดยสมัยต่อมา เราย่อมเห็นบุคคลนั้น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก 
เข้าถึงแล้วซึ่งกำเนิดดิรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า เผ็ดร้อน 
ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์. 
....พระสูตรยาว...ต่อที่ คหท-1 เลย ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่