ครบรอบ 12 ปี หนังสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก เหมือนเดิม... คิดถึงเหมือนเดิม

ไม่ได้ตั้งกระทู้ในพันทิปมา 3 ปีเต็มๆ กระทู้ล่าสุดที่ตั้งก็เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เหมือนกันในตอนครบรอบ 9 ปี

คือกระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/39135495 ใครยังไม่เคยอ่านย้อนไปอ่านปรากฎการณ์ของหนังเรื่องนี้ในปีนั้นได้ครับ

ในโอกาสครบรอบ 12 ปี ก็หยิบหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้งนึง ด้วยวัยที่ผ่านมาจากจุดนั้นมา 12 ปี ประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น การดูหนังในตอนนั้นกับตอนนี้เลยตกผลึกต่างกันอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนไปเลยเวลาหยิบมาดูทีไรก็ยังรู้สึกหลงรักมันอยู่เสมอ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงปีนั้นอีกครั้ง

ตลอด 12 ปีที่ผ่านมามีหนังที่วนเวียนเข้ามาในชีวิตที่ชอบเยอะมาก แต่ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่รักเท่าเรื่องนี้ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนรักแรกในความทรงจำละมั้ง

ความรู้สึกและสิ่งที่ได้จากหนังเขียนไว้ในกระทู้เมื่อ 3 ปีที่แล้วๆ กระทู้นี้จะขอมาพูดถึงฉากที่ชอบและความรู้สึกที่มีกับตอนจบในตอนนี้ที่แตกต่างกับ 12 ปีที่แล้ว



ฉากแรก : "มะม่วงมั้ย"

ฉากเปิดตัวพี่โชนที่เป็นซีนจำเหมือนกันนะในหนัง ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าตัวตั้งใจจะปีนไปช่วยแมวที่ติดอยู่บนต้นไม้ แต่กระโดดลงมาพร้อมมะม่วง มองจากมุมนึงคือพี่โชนนิสัยดีแน่นอนแต่อีกนัยยะนึงก็แอบมีมุมเกเรนิดๆตรงที่ไปเด็ดมะม่วงซึ่งไม่รู้ของใครลงมาด้วยเลย และแก้เขินด้วยการยื่นให้น้องน้ำตรงหน้าแทน ยังคิดว่าฉากนี้พี่โชนน่าจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องน้ำนะเพราะหลังจากนั้นก็เดินมายื่นให้น้องเค้กมะม่วงอีกคน 555



ฉากที่ 2 : ฉากแกล้งเดินผ่านห้องคนที่แอบชอบ

จริงๆโมเมนต์พวกนี้นี่มัดรวมได้หลายฉากนะในช่วงเวลาที่น้องน้ำพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือทำทริคต่างๆให้พี่โชนชอบ แต่การเดินผ่าหน้าห้องคนที่แอบชอบแล้วแอบมองแบบเนียนๆนี่มันเบสิคมากๆเชื่อว่าหลายคนต้องเคยทำ แม้จะเป็นฉากสั้นๆแต่ก็ชอบมากเหมือนกันน่ารักดี และจะเห็นว่านิสัยพี่โชนก็เป็นผู้ชายแสบๆคนนึงนี่แหละ 



ฉากที่ 3 : นิทานปลาหมึก

ถ้าพูดถึงซีนนี้ยุคนี้ฟีลแบบซีรีส์เกาหลีที่ถ่ายทำในสถานที่สวยๆให้คนไปตามรอย และสร้างซีนโรแมนติคได้ดีมากโดยที่ไม่ต้องอาศัยการล้มใส่ มองตากัน แบบละครไทยหลายๆเรื่อง 555 ดูเผินๆเหมือนเป็นการเล่าเรื่องขำๆไปงั้นตามสไตล์พี่โชน แต่ถ้ามองให้ลึกถึงเนื้อหาและมองการทำมือของพี่โชนประกอบการเล่าเรื่อง มีความอยากจับมือน้องน้ำอยู่เหมือนกันนะฉากนี้ ต้องบอกว่าพี่โชนในเรื่องดูจะไม่ค่อยอะไรกับสาวๆ แต่เทคนิคการจีบแอบร้ายอยู่เหมือนกันนะ อย่างฉากเอาแอปเปิ้ลไปวางแล้วแอบกัดไปคำนึง เหมือนจูบทางอ้อมชัดๆ ซึ่งจริงๆแล้วผู้กำกับอาจจะไม่คิดอะไรเลยก็ได้ แต่พอมาดูด้วยวัยที่แก่ขึ้นเลยมองไปแบบนั้นได้เหมือนกัน



ฉากที่ 4 : ฉากร้องเพลงง้อเพื่อน เชื่อว่าในสมัยเรียนเรื่องความรักนี่วนเวียนอยู่ในชีวิตกันแทบทุกคน ไม่ใช่เพราะเราแก่แดดหรืออะไรหรอกแต่ด้วยฮอร์โมนอันพุ่งพล่านของวัยรุ่นนี่แหละทำให้มันสนใจของมันเอง และคนที่คอยผลักดันเราช่วงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนคือเพื่อนๆของเรานี่แหละ สิ่งนึงที่ทำให้หนังมันน่ารักคือแก๊งผองเพื่อนของน้องน้ำที่คอยมาช่วยซัพพอร์ตน้องน้ำตลอดเรื่อง พอถึงคราวที่ต้องทะเลาะกันในมุมผู้ใหญ่แม้มันดูเล็กน้อยขนาดไหนแต่ในวัยนั้นนั่นคือเรื่องใหญ่แล้ว และใช่ งอนกันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนการง้อแม้มันดูไม่ได้พิเศษอะไรมากแต่มันก็ซึ้งได้เหมือนกันนะ จำได้ว่าฉากนี้ในโรงมีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงสะอื้นไปพร้อมๆกัน ส่วนผมนี่น้ำตาคลอเบ้าเลย เป็นอีกฉากที่ชอบมากรวมถึงเพลงที่น้องน้ำใช้ร้องง้อเพื่อนด้วย



ฉากที่ 5 : ฉากสารภาพรักในตำนาน จัดเป็นฉากสารภาพรักอันดับต้นๆของวงการภาพยนต์ไทยเลยสำหรับผม และเป็นฉากที่ผมตกหลุมรักการแสดงของใบเฟิร์นเข้าอย่างจัง ตอนนั้นคิดอยู่ในหัวเลยว่าน้องคนนี้อนาคตไกลแน่ๆ การที่ต้องใช้ความกล้ามาสารภาพรักกับคนที่แอบชอบมานานและสนิทด้วยตอนนั้น การพูดติดๆขัดๆแต่มาจากใจ สายตาและน้ำตาที่คลออยู่ ความโล่งใจหลังจากสารภาพออกไปแล้ว รวมถึงอาการช็อคที่รับรู้ว่าสิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้วมาทำตอนนี้มันสายไปแล้ว ตอกย้ำไปด้วยการเดินตกน้ำกระโปรงเปิดอีกแต่ได้แต่บอกไปว่าไม่เป็นไร ทั้งอายทั้งเสียใจ ฉากนี้โหดจริงๆแต่น้องใบเฟิร์นในวัย 18-19 ตอนนั้นเอาอยู่มากๆ ดูกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่านั่นคือน้องน้ำที่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกจริงๆไม่ใช่ใบเฟิร์นที่แสดงเป็นน้องน้ำอยู่ ฉากและคำพูดในซีนนี้ทุกวันนี้ยังมีคนเอาไปเล่นไปพูดถึงกันอยู่เลย



ฉากที่ 6 : ฉากเปิดสมุดความในใจของพี่โชน จริงๆมุกอะไรแบบนี้น่าจะมีหนังหลายๆเรื่องเคยใช้แล้ว ที่คิดได้ตอนนั้นเลยก็คือรถไฟฟ้ามาหานะเธอ แต่ที่มันทัชในใจเรามากเลยคือการซ่อนความในใจของพี่โชนและเลือกเฉลยออกมาผ่านรูปภาพและข้อความ สำหรับเราแม้ก่อนดูหนังจะคิดในใจว่าพี่โชนต้องมีใจบ้างแหละ แต่ถ้ามองดีๆและเอาที่ดูจากรอบแรกคือหนังซ่อนได้มิดมากเลยนะ ด้วยความที่หนังเลือกจะโฟกัสที่มุมมองของน้องน้ำเป็นหลัก ไหนจะเพื่อนสนิทตัวเองมาชอบ ไหนจะฉากตอนสารภาพรักที่เลือกไปคบกับพี่ปิ่นแล้ว ช่วงวินาทีนั้นหนังมันสื่อไปทางน้องน้ำคิดไปเองฝ่ายเดียวมากจนมาถึงฉากหยิบกล่องช็อคโกแล็ตในตู้เย็นมาจนถึงฉากเปิดสมุดนี่แหละทำให้รู้ว่าพี่โชนก็คิดเหมือนกัน บวกกับเพลงที่เลือกมาประกอบอย่าง "สักวันหนึ่ง" คลอไปด้วยนี่น้ำตาแตกจริๆครับฉากนี้ แต่เนื่องด้วยเนื้อหาในสมุดมีหลายส่วนที่ชอบเลยอยากหยิบบกขึ้นมาด้วยเลย



ฉากที่ 6.1 : เหมือนเดิม ... น่ารักเหมือนเดิม บางสิ่งบางอย่างเราไม่ต้องการให้มันมากขึ้นหรอกแค่ให้มันไม่หายไปก็พอ ประโยคนี้ในหนังกับจังหวะที่เล่นเราชอบมาก 



ฉากที่ 6.2 : ความรักชนะทุกอย่าง ... โดยเฉพาะความกลัว

ไม่ต้องใช้คำพูดแต่ใช้การกระทำแทน ในหนังเรื่องนี้แม้เราจะมองว่า confix มันง่ายๆมาก แต่อย่าลืมว่าในวัยนั้นไอเรื่องเล็กๆน้อยๆของผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องใหญ่มากในวัยนั้นนะ พี่โชนคือคนที่พ่อยิงจุดโทษไม่เข้าจนโดนเพื่อนล้อ การล้อกันในโรงเรียนมีอิทธิพลแค่ไหนใครเคยโดนคงรู้ดี แต่ในเมื่อเห็นน้องน้ำคนที่แอบชอบมีปัญหากับการโยนไม้คฑา แทนที่จะเดินเข้าไปพูดไปปลอบใจ พี่โชนใช้ความกลัวของตัวเองเปลี่ยนเป็นความกล้าที่จะสู้กับมันและแสดงให้น้องน้ำเห็นแทน เป็นซีนที่โรแมนติคอย่างบอกไม่ถูก เป็นการใช้ความรักของตัวเองเอาชนะความกลัวทั้ง 2 คนส่งกันเป็นทอดๆ ถ้าพี่โชนไม่ได้ชอบน้องน้ำก็คงไม่กล้ายิงและน้องน้ำถ้าไม่ได้ชอบพี่โชนคงไม่กล้าโยนไม้คฑาเหมือนกัน



ฉากที่ 6.3 เพื่อนฝากมาให้

ซีนนี้ตอนพี่โชนเดินเอาดอกไม้มาให้ดูไม่มีอะไรนะ ตอนนั้นคิดว่าคนให้คนเป็นพี่ท๊อปนั่นแหละฝากมา แต่พอเฉลยมาแล้วก็อดขำปนเอ็นดูไม่ได้ ที่สำคัญต้นกุหลาบนี่ลงทุนปลูกเองด้วย บ่งบอกว่าพี่โชนโรแมนติคมากขนาดไหน แต่มาตายตอนจบนี่แหละ 555 กิมมิคเล็กๆคือหลังเสื้อก็แอบสารภาพรักเขาไปด้วยเพราะหันหลังให้เห็นเหมือนกัน



ฉากที่ 6.4 อยากให้น้ำขี่หลังเราบ้างจัง

เป็นฉากต่อเนื่องจากซีนนิทานปลาหมึก ทำให้รู้ว่าพี่โชนเจ็บปวดกับการแอบชอบน้องน้ำในตอนนั้นไม่ต่างกันเลย การที่เพื่อนเราชอบก่อนเรา แสดงออกก่อนเรา คนเป็นเพื่อนมันพูดไม่ออกจริงๆนะ และฉากที่ท๊อปมาขอร้องให้อย่าจีบน้ำนี่ก็เข้าใจเหมือนกันในโมเม้นต์นี้นะ แม้ผู้ใหญ่อาจจะดูแล้วไร้สาระ แต่สำหรับวัยรุ่นนี่เรื่องใหญ่อีกเหมือนกัน ก็เพื่อนสนิทกูขออะทำไงได้ ถ้ามองให้ดาร์คการที่น้องน้ำเลือกใช้วิธีเข้าหาพี่ท๊อปเพื่อจะได้สนิทกับพี่โชนนี่ก็ใจร้ายต่อทั้งพี่ท๊อปและพี่โชนเหมือนกันนะ แต่ก็นะความคิดของเด็กๆน่าปวดหัวแบบนี้แหละ

6.5 ฉากสารภาพรักที่ไม่ได้ยิน



จริงๆฉากนี้มันต่อเนื่องกับฉากที่พี่โชนกับน้องน้ำนั่งคุยกันริมสระน้ำ สถานที่เดียวกันเลยกับที่น้องน้ำสารภาพรักกับพี่โชน ถ้ามองในมุมนี้พี่โชนเป็นฝ่ายสารภาพรักกับน้องน้ำก่อนนะ ต่างกันตรงที่คำสารภาพที่พูดออกไปน้องน้ำไม่ได้ยินเพราะพี่ท๊อปมาเรียกไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วถ้าไม่โดนขัดจังหวะพี่โชนจะพูดออกไปเลยไหมนะ เป็นฉากที่ชอบมากที่สุดฉากนึง

จริงๆมีฉากที่ชอบอีกเยอะมาก แต่ถ้าหยิบยกมาหมดก็ไปดูหนังเอาทั้งเรื่องเองดีกว่า 555

ทีนี้มาขอพูดถึงประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันมากในตอนนั้นคือประเด็นฉากจบในเรื่อง หลายคนชอบ หลายคนไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบคิดว่าถ้าจบแค่วางหนังสือไว้หน้าบ้านจะดีมาก



ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าจบแบบนั้นก็ดีอยู่แล้ว จบแบบ happy ไม่ดีเหรอ แต่พอผ่านวัยล่วงเลยมา การดูหนังเริ่มเปลี่ยน ย้อนกลับมาดูอีกครั้งก็ทำให้เข้าใจคนที่อยากให้จบแค่วางหนังสือไว้หน้าบ้านมากขึ้น ถ้า 9 ปีผ่านไปเปลี่ยนเป็นบังเอิญเดินสวนกันซักที่แล้วจบมันคงขึ้นหิ้งยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้ทำให้รักหนังเรื่องนี้น้อยลงอยู่ดี 

ใครที่ชอบหนังเรื่องนี้และไม่ได้ดูมานานแล้วลองกลับไปดูอีกซักรอบครับ ไม่แน่คุณอาจจะได้ความรู้สึกใหม่ๆหรือความรู้สึกที่คิดถึงกลับมาอีกครั้งก็ได้

12 ปีแล้ว ก็เหมือนเดิม รักเหมือนเดิม หนังที่เป็นรักแรกของผม ...

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่