ศาลอาญายกฟ้อง พล.ท.มนัส กับพวก ไม่ผิด คดีถูกกล่าวหาครอบครองอาวุธสงครามไว้ถล่ม กปปส.
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3498857
ศาลอาญายกฟ้อง ‘เสธ.หยอย’ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพ ภ.3 กับพวก ไม่ผิด คดีถูกกล่าวหาครอบครองอาวุธสงครามไว้ถล่ม กปปส. ทนายเผยศาลชี้พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ เป็นเพียงคำซัดทอด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีมีอาวุธปืนสงคราม และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองฯ หมายเลขดำ อ.1581/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ท.
มนัส เปาริก หรือ เสธ.หยอย อายุ 73 ปี อดีตรองแม่ทัพภาค 3 และ นาย
วัฒนา หรือ
ศิวะ ทรัพย์วิเชียร อายุ 59 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร มีอาวุธปืนสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์และ ฯลฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ครอบครองโดยผิดกฎหมายได้
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนธันวาคม 2556-24 พฤศจิกายน 2560 ต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร สมาชิกของคณะบุคคลที่รวมตัวกันเป็นองค์กรลับ มีแนวคิดทางการเมืองตรงกันข้ามกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มุ่งหมายต่อต้าน ขัดขวางการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยใช้อาวุธสงครามประทุษร้ายให้เกิดความเกรงกลัว โดยมี นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ยังหลบหนีให้การสนับสนุนด้านการเงิน และจัดส่งอาวุธสงครามประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AKM) RUSSIAN 2 กระบอก เครื่องกระสุน 1,750 นัด กระสุนปืนเล็กกล M16 จำนวน 442 นัด กระสุนซ้อมยิง 226 นัด พร้อมซองกระสุน ลูกระเบิดขว้างแบบ RDG-5 จำนวน 30 ลูก กระเดื่องระเบิดแบบ RDG-5 จำนวน 30 อัน ลูกระเบิดยิงชนิดหัวระเบิด ขนาด 40 มม. 50 ลูก แท่งดินระเบิด TNT ขนาดครึ่งปอนด์ 1 แท่ง ดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1/4 ปอนด์ 4 ก้อน ฯลฯ
ให้จำเลยกับพวกนำไปแจกจ่ายให้สมาชิกใช้ก่อเหตุ ตามที่ได้ประชุมวางแผนไว้ เหตุเกิดที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง เขตลาดพร้าว เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ อ.วังน้อยจ.พระนครศรีอยุธยา และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดเป็นของกลาง และได้ตัวจำเลยทั้งสองดำเนินคดีชั้นสอบสวนและชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
วันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล
นาย
โชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พล.ท.มนัส กล่าวว่า วันนี้ ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาเราต่อสู้คดีว่าเราไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง โดยในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการนำคำซัดทอดของผู้ต้องหารายอื่นที่ว่าอาวุธมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งยังรับฟังไม่ได้
นาย
โชคชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรศาลก็ยกฟ้อง เพราะจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง โดย พล.ท.มนัส โดนทั้งหมด 2 คดี คดีแรกเป็นคดีที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โอนมาจากศาลทหาร มายังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ยกฟ้องและสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนคดีนี้ก็ต้องดูว่าอัยการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่
พล.ท.
มนัสกล่าวว่า คสช.ร้องทุกข์กล่าวโทษตนในคดีนี้เป็นเวลารวมทั้งหมด 8 ปี โดยที่ศาลเองก็บอกไม่มีหลักฐานมีเพียงคำซัดทอด หรือสร้างพยานเท็จขึ้นมา
อั้นไม่ไหว ‘น้ำผลไม้-น้ำยาซักผ้า-สบู่ก้อน’ จ่อลดไซซ์ ขึ้นราคา
https://www.matichon.co.th/economy/news_3498825
อั้นไม่ไหว “น้ำผลไม้-น้ำยาซักผ้า-สบู่ก้อน” จ่อลดไซซ์ ขึ้นราคา
วันที่ 10 สิงหาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่งกล่าวว่า ปลายเดือนสิงหาคม 2565 จะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำยาซักผ้าอีกประมาณ 16 บาท จาก 59 บาท เป็น 75 บาท/ถุง (ขนาด 700 กรัม) หลังจากผู้ผลิตแจ้งขึ้นราคาต้นทุนขนส่งจาก 44-45 บาท เป็น 65 บาท เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากผู้ผลิตสบู่ก้อนระงับกลิ่นกาย “อาเซปโซ” จะปรับราคาขึ้นอีก 20% จากราคาที่ขายในปัจจุบัน
คนแห่ซื้อ “น้ำมันปาล์ม” ราคาถูก
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับราคาน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ในส่วนของน้ำมันปาล์มราคายังปรับลงต่อเนื่อง ล่าสุดราคาขายปลีกอยู่ 58-59 บาท/ขวด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และมีแนวโน้มจะปรับลดลงอีก ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองยังทรงตัวโดยราคาขายปลีกอยู่ที่ 68-70 บาท/ขวด และขายไม่ค่อยดีเพราะราคาแพง ทำให้คนหันไปซื้อน้ำมันปาล์มบริโภคแทน ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” ซึ่งมีข่าวว่าจะปรับราคาขายขึ้น 2 บาท/ซอง ทางผู้จัดจำหน่ายแจ้งว่าหากจะปรับราคาใหม่จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพราะกลัวว่าร้านค้าปลีกจะซื้อกักตุน
คน.กั๊กเคาะราคามาม่า
ร้อยตรี
จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (มาม่า) หลังผู้ผลิตยื่นขอปรับ 2 บาท/ซอง จาก 6 บาท เป็น 8 บาท/ซอง โดยใช้หลักวิน-วิน โมเดลในการพิจารณาตามต้นทุน ให้ผู้ผลิตอยู่ได้ สินค้าไม่ขาดตลาดและผู้บริโภคก็อยู่ได้ สุดท้ายราคาจะได้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือปรับขึ้นกี่บาท อยู่ที่ผลการพิจารณา ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้และยังยืนยันไม่ได้จะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ รวมถึงมาม่าสูตรใหม่สูตร Less Sodium ใน 4 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำกุ้ง, รสหมูสับ, รสต้มยำกุ้งน้ำข้น และรสเส้นหมี่น้ำใส ที่บริษัทขออนุมัติตั้งราคาขายที่ 8 บาท/ซองด้วยที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้รับอนุมัติพร้อมกันหรือไม่ ทั้งนี้ยอมรับว่าโครงสร้างต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงขึ้นจริง จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง
คิวต่อไปจ่อปรับราคานม
ร้อยตรีจักรากล่าวว่า มีสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการขอยื่นปรับราคานอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว เช่น ปลากระป๋อง ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น โดยคิวต่อไปอาจจะมีการพิจารณาโครงสร้างราคานมให้สอดรับกับต้นทุน หลังคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) อนุมัติขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบเกษตรกรกิโลกรัมละ 2.25 บาท ยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับราคาขึ้นกี่บาท ขึ้นอยู่กับนมแต่ละสูตรและต้นทุนของผู้ประกอบการ เพราะแต่ละรายจะแตกต่างกัน
น้ำผลไม้ “ดีโด้” จ่อปรับราคาลดขนาด
น.ส.
จันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ยี่ห้อ “ดีโด้” เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าในส่วนขายปลีกขึ้น แต่ได้ปรับขึ้นราคาต้นทุนขนส่ง 20-30% ในบางช่องทาง เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ให้สอดรับกับต้นทุนที่สูงขึ้นมากและยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง ซึ่งบางรายการต้นทุนเพิ่มขึ้น 100% โดยบริษัทพยายามไม่ให้ผู้บริโภครับภาระมากจนเกินไป เพราะต่างคนต่างได้รับผลกระทบกันหมด
น.ส.
จันทรากล่าวว่า อย่างไรก็ตามบริษัทกำลังพิจารณาว่าในบางสินค้าจะปรับขึ้นราคาหรือลดขนาดลง เช่น น้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ตอาจจะปรับราคาจาก 10 บาทเป็น 12 บาทหรือลดขนาดลง เนื่องจากสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าในตลาดแมส หากปรับราคาขายปลีกจะกระทบลูกค้าเป็นกลุ่มรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพสูงขึ้นอยู่แล้วตลอดทั้งปีนี้ ดังนั้นจึงขอดูสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต้นทุนที่ยังผันผวนอยู่ รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลมีแผนจะปรับขึ้นด้วย เพราะน่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเช่นกัน
“ตอนนี้เรามองช่องทางไว้ว่าน่าจะลดขนาดบางตัว หรือบางตัวปรับราคาขึ้น ต้องดูกำลังซื้อของผู้บริโภคก่อน คิดว่าน่าจะเป็นจุดหนึ่งให้เราตัดสินใจด้วย เพราะถึงแม้จะขึ้นราคาไป ถ้าลูกค้าไม่มีกำลังซื้อ ก็ไม่มีประโยชน์ ขณะที่การลดขนาดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการปรับหลายอย่าง เพราะเราเป็นสินค้าแมสมากๆ จะทำแต่ละครั้งต้องใช้เวลา ต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายไตรมาส” น.ส.จันทรากล่าว
น.ส.
จันทรากล่าวว่า สำหรับยอดขายปี 2565 จะพยายามรักษายอดขายให้ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2564 โดยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท เพราะช่วงต้นปีจะเป็นช่วงที่สินค้าขายดี โดยตลาดในประเทศยังไปได้ เพราะมีการจัดแคมเปญการตลาดลุ้นสร้อยคอทองคำทุกสัปดาห์ แต่ตลาดซีแอลเอ็มวียังไม่ค่อยดี ทั้งกำลังซื้อและค่าเงินที่อ่อนค่ามาก โดยเฉพาะ สปป.ลาว กระทบมาก เพราะไม่รู้จะไปรับรายได้ที่ราคาไหน อย่างไรก็ตามได้ตลาดใหม่ที่ประเทศฟิลิปปินส์กับเวียดนาม จึงทำให้ยอดขายครึ่งปีแรกไม่กระทบมากนัก
น.ส.
จันทรากล่าวว่า ในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องถึงปี 2566 ที่บริษัทจะครบรอบ 30 ปี ในช่วงต้นปีจะมีแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะลูกค้าเซ็กเมนต์ใหม่ ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้อยู่ที่ 30-40% ของมูลค่าตลาดรวม 8,000 ล้านบาท แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากโควิดอยู่บ้าง แต่ด้วยการสร้างแบรนด์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง และศักยภาพด้านศูนย์กระจายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ ส่งผลให้ดีโด้เข้าถึงร้านค้าและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ชี้กำลังซื้อรากหญ้าฝืด
“ตอนนี้กำลังซื้อรากหญ้าฝืด ซื้อน้อยลง ซื้อแบบคิดมากขึ้น คาดว่าครึ่งปีหลังกำลังซื้อน่าจะยังซบเซา จากสถานการณ์สงครามยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดด้วย ถ้ายังยืดเยื้อต่อเนื่องน่าจะส่งผลในระยะยาว ส่วนมาตรการรัฐที่พยายามจะออกมาช่วย คงทำได้ไม่มาก ท้ายที่สุดผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการจะต้องรับภาระไปจากต้นทุนที่สูงขึ้น” น.ส.
จันทรากล่าว
เพื่อไทย วอล์กเอาต์! ไม่ร่วมสังฆกรรม ถกกม.ลูก สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 500
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7206119
เพื่อไทย วอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หารด้วย500
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 13 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง มีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว คือ ร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่ ..) พ.ศ. โดยมีนาย
ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สั่งแจ้งต่อที่ประชุมว่า ในวันนี้มีสมาชิกรัฐสภาลาพิเศษ 32 คน ลาเพราะติดเชื้อโควิด 4 คน และลาที่ไม่ได้เจ็บป่วย 28 คน
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. จนเสร็จสิ้น ต่อมาเวลา 10.45 น. ก่อนการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ต่อจากครั้งที่ผ่านมาซึ่งให้กมธ.กลับไปแก้ไขมาตราให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500
นพ.ช
ลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ได้เสนอญัตติให้มีการตรวจสอบองค์ประชุม เพราะร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เป็นร่างที่มีความสำคัญต่อระบบรัฐสภาและประเทศ ซึ่งหลังจากรัฐสภามีมติเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมของกมธ. เสียงข้างน้อย ให้กลับมาเป็นระบบบัตร 2 ใบ หาร 500 ทำให้สมาชิกรัฐสภามีความเห็นแตกต่างกันมาก เป็นเหตุผลที่ก่อนการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ เรื่องขององค์ประชุม และความเห็น ของสมาชิกจะมีความสำคัญมาก จึงต้องตรวจสอบองค์ประชุมให้มีความชัดเจน
JJNY : ยกฟ้องพล.ท.มนัสครอบครองอาวุธ│อั้นไม่ไหว‘น้ำผลไม้-น้ำยาซักผ้า-สบู่ก้อน’│เพื่อไทยวอล์กเอาต์!│‘ชวน’แจ้งลาประชุมเพียบ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3498857
ศาลอาญายกฟ้อง ‘เสธ.หยอย’ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพ ภ.3 กับพวก ไม่ผิด คดีถูกกล่าวหาครอบครองอาวุธสงครามไว้ถล่ม กปปส. ทนายเผยศาลชี้พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ เป็นเพียงคำซัดทอด
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีมีอาวุธปืนสงคราม และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองฯ หมายเลขดำ อ.1581/2563 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ท.มนัส เปาริก หรือ เสธ.หยอย อายุ 73 ปี อดีตรองแม่ทัพภาค 3 และ นายวัฒนา หรือศิวะ ทรัพย์วิเชียร อายุ 59 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร มีอาวุธปืนสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์และ ฯลฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ครอบครองโดยผิดกฎหมายได้
อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือนธันวาคม 2556-24 พฤศจิกายน 2560 ต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร สมาชิกของคณะบุคคลที่รวมตัวกันเป็นองค์กรลับ มีแนวคิดทางการเมืองตรงกันข้ามกับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. มุ่งหมายต่อต้าน ขัดขวางการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. โดยใช้อาวุธสงครามประทุษร้ายให้เกิดความเกรงกลัว โดยมี นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ยังหลบหนีให้การสนับสนุนด้านการเงิน และจัดส่งอาวุธสงครามประกอบด้วย ปืนเล็กกล (AKM) RUSSIAN 2 กระบอก เครื่องกระสุน 1,750 นัด กระสุนปืนเล็กกล M16 จำนวน 442 นัด กระสุนซ้อมยิง 226 นัด พร้อมซองกระสุน ลูกระเบิดขว้างแบบ RDG-5 จำนวน 30 ลูก กระเดื่องระเบิดแบบ RDG-5 จำนวน 30 อัน ลูกระเบิดยิงชนิดหัวระเบิด ขนาด 40 มม. 50 ลูก แท่งดินระเบิด TNT ขนาดครึ่งปอนด์ 1 แท่ง ดินระเบิดซีโฟร์ขนาด 1/4 ปอนด์ 4 ก้อน ฯลฯ
ให้จำเลยกับพวกนำไปแจกจ่ายให้สมาชิกใช้ก่อเหตุ ตามที่ได้ประชุมวางแผนไว้ เหตุเกิดที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง เขตลาดพร้าว เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ อ.วังน้อยจ.พระนครศรีอยุธยา และที่อื่นเกี่ยวพันกัน
ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ตรวจยึดเป็นของกลาง และได้ตัวจำเลยทั้งสองดำเนินคดีชั้นสอบสวนและชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว
วันนี้จำเลยทั้งสองเดินทางมาศาล
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พล.ท.มนัส กล่าวว่า วันนี้ ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาเราต่อสู้คดีว่าเราไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง โดยในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการนำคำซัดทอดของผู้ต้องหารายอื่นที่ว่าอาวุธมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งยังรับฟังไม่ได้
นายโชคชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องอั้งยี่ซ่องโจรศาลก็ยกฟ้อง เพราะจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้อง โดย พล.ท.มนัส โดนทั้งหมด 2 คดี คดีแรกเป็นคดีที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โอนมาจากศาลทหาร มายังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ยกฟ้องและสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนคดีนี้ก็ต้องดูว่าอัยการยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่
พล.ท.มนัสกล่าวว่า คสช.ร้องทุกข์กล่าวโทษตนในคดีนี้เป็นเวลารวมทั้งหมด 8 ปี โดยที่ศาลเองก็บอกไม่มีหลักฐานมีเพียงคำซัดทอด หรือสร้างพยานเท็จขึ้นมา
อั้นไม่ไหว ‘น้ำผลไม้-น้ำยาซักผ้า-สบู่ก้อน’ จ่อลดไซซ์ ขึ้นราคา
https://www.matichon.co.th/economy/news_3498825
อั้นไม่ไหว “น้ำผลไม้-น้ำยาซักผ้า-สบู่ก้อน” จ่อลดไซซ์ ขึ้นราคา
วันที่ 10 สิงหาคม แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่งกล่าวว่า ปลายเดือนสิงหาคม 2565 จะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำยาซักผ้าอีกประมาณ 16 บาท จาก 59 บาท เป็น 75 บาท/ถุง (ขนาด 700 กรัม) หลังจากผู้ผลิตแจ้งขึ้นราคาต้นทุนขนส่งจาก 44-45 บาท เป็น 65 บาท เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากผู้ผลิตสบู่ก้อนระงับกลิ่นกาย “อาเซปโซ” จะปรับราคาขึ้นอีก 20% จากราคาที่ขายในปัจจุบัน
คนแห่ซื้อ “น้ำมันปาล์ม” ราคาถูก
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับราคาน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ในส่วนของน้ำมันปาล์มราคายังปรับลงต่อเนื่อง ล่าสุดราคาขายปลีกอยู่ 58-59 บาท/ขวด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และมีแนวโน้มจะปรับลดลงอีก ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองยังทรงตัวโดยราคาขายปลีกอยู่ที่ 68-70 บาท/ขวด และขายไม่ค่อยดีเพราะราคาแพง ทำให้คนหันไปซื้อน้ำมันปาล์มบริโภคแทน ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” ซึ่งมีข่าวว่าจะปรับราคาขายขึ้น 2 บาท/ซอง ทางผู้จัดจำหน่ายแจ้งว่าหากจะปรับราคาใหม่จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เพราะกลัวว่าร้านค้าปลีกจะซื้อกักตุน
คน.กั๊กเคาะราคามาม่า
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (มาม่า) หลังผู้ผลิตยื่นขอปรับ 2 บาท/ซอง จาก 6 บาท เป็น 8 บาท/ซอง โดยใช้หลักวิน-วิน โมเดลในการพิจารณาตามต้นทุน ให้ผู้ผลิตอยู่ได้ สินค้าไม่ขาดตลาดและผู้บริโภคก็อยู่ได้ สุดท้ายราคาจะได้ปรับขึ้นหรือไม่ หรือปรับขึ้นกี่บาท อยู่ที่ผลการพิจารณา ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้และยังยืนยันไม่ได้จะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่ รวมถึงมาม่าสูตรใหม่สูตร Less Sodium ใน 4 รสชาติ ได้แก่ รสต้มยำกุ้ง, รสหมูสับ, รสต้มยำกุ้งน้ำข้น และรสเส้นหมี่น้ำใส ที่บริษัทขออนุมัติตั้งราคาขายที่ 8 บาท/ซองด้วยที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังบอกไม่ได้ว่าจะได้รับอนุมัติพร้อมกันหรือไม่ ทั้งนี้ยอมรับว่าโครงสร้างต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงขึ้นจริง จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง
คิวต่อไปจ่อปรับราคานม
ร้อยตรีจักรากล่าวว่า มีสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายการขอยื่นปรับราคานอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้ว เช่น ปลากระป๋อง ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น โดยคิวต่อไปอาจจะมีการพิจารณาโครงสร้างราคานมให้สอดรับกับต้นทุน หลังคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) อนุมัติขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบเกษตรกรกิโลกรัมละ 2.25 บาท ยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับราคาขึ้นกี่บาท ขึ้นอยู่กับนมแต่ละสูตรและต้นทุนของผู้ประกอบการ เพราะแต่ละรายจะแตกต่างกัน
น้ำผลไม้ “ดีโด้” จ่อปรับราคาลดขนาด
น.ส.จันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ยี่ห้อ “ดีโด้” เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าในส่วนขายปลีกขึ้น แต่ได้ปรับขึ้นราคาต้นทุนขนส่ง 20-30% ในบางช่องทาง เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ให้สอดรับกับต้นทุนที่สูงขึ้นมากและยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง ซึ่งบางรายการต้นทุนเพิ่มขึ้น 100% โดยบริษัทพยายามไม่ให้ผู้บริโภครับภาระมากจนเกินไป เพราะต่างคนต่างได้รับผลกระทบกันหมด
น.ส.จันทรากล่าวว่า อย่างไรก็ตามบริษัทกำลังพิจารณาว่าในบางสินค้าจะปรับขึ้นราคาหรือลดขนาดลง เช่น น้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ตอาจจะปรับราคาจาก 10 บาทเป็น 12 บาทหรือลดขนาดลง เนื่องจากสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าในตลาดแมส หากปรับราคาขายปลีกจะกระทบลูกค้าเป็นกลุ่มรากหญ้าที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพสูงขึ้นอยู่แล้วตลอดทั้งปีนี้ ดังนั้นจึงขอดูสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต้นทุนที่ยังผันผวนอยู่ รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลมีแผนจะปรับขึ้นด้วย เพราะน่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเช่นกัน
“ตอนนี้เรามองช่องทางไว้ว่าน่าจะลดขนาดบางตัว หรือบางตัวปรับราคาขึ้น ต้องดูกำลังซื้อของผู้บริโภคก่อน คิดว่าน่าจะเป็นจุดหนึ่งให้เราตัดสินใจด้วย เพราะถึงแม้จะขึ้นราคาไป ถ้าลูกค้าไม่มีกำลังซื้อ ก็ไม่มีประโยชน์ ขณะที่การลดขนาดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการปรับหลายอย่าง เพราะเราเป็นสินค้าแมสมากๆ จะทำแต่ละครั้งต้องใช้เวลา ต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายไตรมาส” น.ส.จันทรากล่าว
น.ส.จันทรากล่าวว่า สำหรับยอดขายปี 2565 จะพยายามรักษายอดขายให้ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เท่ากับปี 2564 โดยครึ่งปีแรกมียอดขายแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท เพราะช่วงต้นปีจะเป็นช่วงที่สินค้าขายดี โดยตลาดในประเทศยังไปได้ เพราะมีการจัดแคมเปญการตลาดลุ้นสร้อยคอทองคำทุกสัปดาห์ แต่ตลาดซีแอลเอ็มวียังไม่ค่อยดี ทั้งกำลังซื้อและค่าเงินที่อ่อนค่ามาก โดยเฉพาะ สปป.ลาว กระทบมาก เพราะไม่รู้จะไปรับรายได้ที่ราคาไหน อย่างไรก็ตามได้ตลาดใหม่ที่ประเทศฟิลิปปินส์กับเวียดนาม จึงทำให้ยอดขายครึ่งปีแรกไม่กระทบมากนัก
น.ส.จันทรากล่าวว่า ในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องถึงปี 2566 ที่บริษัทจะครบรอบ 30 ปี ในช่วงต้นปีจะมีแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะลูกค้าเซ็กเมนต์ใหม่ ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้อยู่ที่ 30-40% ของมูลค่าตลาดรวม 8,000 ล้านบาท แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากโควิดอยู่บ้าง แต่ด้วยการสร้างแบรนด์ที่ทำอย่างต่อเนื่อง และศักยภาพด้านศูนย์กระจายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ ส่งผลให้ดีโด้เข้าถึงร้านค้าและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ชี้กำลังซื้อรากหญ้าฝืด
“ตอนนี้กำลังซื้อรากหญ้าฝืด ซื้อน้อยลง ซื้อแบบคิดมากขึ้น คาดว่าครึ่งปีหลังกำลังซื้อน่าจะยังซบเซา จากสถานการณ์สงครามยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดด้วย ถ้ายังยืดเยื้อต่อเนื่องน่าจะส่งผลในระยะยาว ส่วนมาตรการรัฐที่พยายามจะออกมาช่วย คงทำได้ไม่มาก ท้ายที่สุดผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการจะต้องรับภาระไปจากต้นทุนที่สูงขึ้น” น.ส.จันทรากล่าว
เพื่อไทย วอล์กเอาต์! ไม่ร่วมสังฆกรรม ถกกม.ลูก สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 500
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7206119
เพื่อไทย วอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หารด้วย500
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ส.ค.2565 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 13 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง มีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว คือ ร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. …. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่ ..) พ.ศ. โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สั่งแจ้งต่อที่ประชุมว่า ในวันนี้มีสมาชิกรัฐสภาลาพิเศษ 32 คน ลาเพราะติดเชื้อโควิด 4 คน และลาที่ไม่ได้เจ็บป่วย 28 คน
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. จนเสร็จสิ้น ต่อมาเวลา 10.45 น. ก่อนการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ต่อจากครั้งที่ผ่านมาซึ่งให้กมธ.กลับไปแก้ไขมาตราให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ได้เสนอญัตติให้มีการตรวจสอบองค์ประชุม เพราะร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เป็นร่างที่มีความสำคัญต่อระบบรัฐสภาและประเทศ ซึ่งหลังจากรัฐสภามีมติเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมของกมธ. เสียงข้างน้อย ให้กลับมาเป็นระบบบัตร 2 ใบ หาร 500 ทำให้สมาชิกรัฐสภามีความเห็นแตกต่างกันมาก เป็นเหตุผลที่ก่อนการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ เรื่องขององค์ประชุม และความเห็น ของสมาชิกจะมีความสำคัญมาก จึงต้องตรวจสอบองค์ประชุมให้มีความชัดเจน