กระทู้ที่แล้ว JobThai Tips ได้พูดคุยเกี่ยวกับคนที่เป็น
Specializing Generalist และ Generalizing Specialist กันไปแล้วและเมื่อเรารู้แล้วว่าการพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนที่เก่งทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คำถามต่อมาก็คือเราจะเริ่มต้นพัฒนาตัวเองยังไงดี JobThai Tips มีเคล็ดลับมาฝากดังนี้
เริ่มต้นศึกษาในสิ่งที่ตนเองสนใจก่อน
ถ้าเราเริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่เราชอบหรือสนใจก็จะช่วยให้เรามีแรงผลักดันและกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองในด้านนั้นมากขึ้น เช่น หากเราชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น สนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เราก็ย่อมมีแรงบันดาลใจที่จะศึกษาภาษาญี่ปุ่นมากกว่าภาษาอื่น ๆ เมื่อเรามี Passion ในสิ่งที่เรียน การเรียนก็จะสนุกและไหลลื่นตามไปด้วย ทำให้เราไม่เบื่อเมื่ออยู่กับมันนาน ๆ และมีความสุขกับการศึกษาสิ่งนั้น ๆ ในเชิงลึก
สำหรับ Generalist ที่ได้ลองทำอะไรมาแล้วหลายอย่างและพอจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองสนใจในด้านไหนเป็นพิเศษก็อาจตัดสินใจว่าจะศึกษาลงลึกในด้านไหนได้ไม่ยากนัก แต่สำหรับ Specialist ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นขยายขอบข่ายการเรียนรู้ของตัวเองออกไปในด้านไหนดี เพราะที่ผ่านมาเติมความรู้ให้ตัวเองในเชิงลึกมาตลอด ก็อาจเริ่มจากการขยับไปศึกษาทักษะอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับทักษะเดิมที่มีอยู่ หรือศึกษาในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการทำงานในปัจจุบันหรือช่วยเปิดโอกาสในการทำงานในอนาคต เช่น คนที่ถนัดทำกราฟิกก็อาจฝึกตัดต่อวิดีโอเพิ่มเติม หรือคนที่ทำงานสาย Digital Marketing ก็อาจศึกษาเรื่องเทคโนโลยี การใช้โปรแกรม ไปจนถึงการเขียนโค้ดต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เราเข้าถึง Tools และ Database ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำอยู่ได้ รวมถึงอาจขยายเส้นทางอาชีพใหม่ ๆ ในการทำงานได้ด้วย
ไม่จำกัดตัวเองในกรอบ
การที่เรามีอคติในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจทำให้เราติดอยู่ในกรอบและพลาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง ดังนั้นเราจึงไม่ควรตั้งกำแพงหรือปล่อยให้ความเชื่อที่มีอยู่มาจำกัดการเรียนรู้ เช่น การเรียนสายศิลป์ไม่ได้แปลว่าเราจะเรียนรู้คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ไม่ได้ การทำงานเองก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเรามักได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในการทำงานตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งสิ่งที่เราไม่เคยสนใจและมองว่าตัวเองคงไม่ถนัด เมื่อได้ลองทำดูก็อาจพบว่าตัวเองทำได้ดีและรู้สึกอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ดังนั้นการเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดตัวเองเอาไว้ในกรอบที่คุ้นชินจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะยิ่งเราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสในการทำงานก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
ฝึกเรียนรู้ให้เป็นนิสัย
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือการไม่หยุดเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้วหรือสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก เพราะหากเรามองว่าเราชำนาญและมีความรู้เชิงลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากพอแล้ว พอเวลาผ่านไป เราก็อาจพบว่าสิ่งที่เราเชี่ยวชาญดีนั้นมีแง่มุมใหม่ ๆ ที่เราไม่รู้จักเกิดขึ้นมากมายก็เป็นได้ เช่น คนที่เรียนด้านการเงินหรือเศรษฐศาสตร์มา ในวันนี้ก็อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่งถูกพัฒนาขึ้น หรือคนที่ทำงานในด้านเทคโนโลยีก็อาจต้องคอยอัปเดตและเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรมและซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ ๆ ที่ปล่อยออกมา เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนล้าหลังในโลกของการทำงาน การเรียนรู้ในเชิงกว้างก็เช่นกัน ทักษะในโลกใบนี้มีมากมายให้เราได้ลองศึกษา ยิ่งเรามีความสามารถที่หลากหลายเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรหยุดพัฒนาความสามารถและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ รวมถึงต้องมีจมูกที่ว่องไวกับการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ คอยสั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย เพิ่ม Skill เชิงลึกบ้าง เติม Skill เชิงกว้างบ้าง วันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งรอบด้านเอง
วิธีพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นคนเก่งรอบด้าน
เริ่มต้นศึกษาในสิ่งที่ตนเองสนใจก่อน
ถ้าเราเริ่มเรียนรู้จากสิ่งที่เราชอบหรือสนใจก็จะช่วยให้เรามีแรงผลักดันและกำลังใจที่จะพัฒนาตัวเองในด้านนั้นมากขึ้น เช่น หากเราชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น สนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เราก็ย่อมมีแรงบันดาลใจที่จะศึกษาภาษาญี่ปุ่นมากกว่าภาษาอื่น ๆ เมื่อเรามี Passion ในสิ่งที่เรียน การเรียนก็จะสนุกและไหลลื่นตามไปด้วย ทำให้เราไม่เบื่อเมื่ออยู่กับมันนาน ๆ และมีความสุขกับการศึกษาสิ่งนั้น ๆ ในเชิงลึก
สำหรับ Generalist ที่ได้ลองทำอะไรมาแล้วหลายอย่างและพอจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองสนใจในด้านไหนเป็นพิเศษก็อาจตัดสินใจว่าจะศึกษาลงลึกในด้านไหนได้ไม่ยากนัก แต่สำหรับ Specialist ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นขยายขอบข่ายการเรียนรู้ของตัวเองออกไปในด้านไหนดี เพราะที่ผ่านมาเติมความรู้ให้ตัวเองในเชิงลึกมาตลอด ก็อาจเริ่มจากการขยับไปศึกษาทักษะอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับทักษะเดิมที่มีอยู่ หรือศึกษาในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการทำงานในปัจจุบันหรือช่วยเปิดโอกาสในการทำงานในอนาคต เช่น คนที่ถนัดทำกราฟิกก็อาจฝึกตัดต่อวิดีโอเพิ่มเติม หรือคนที่ทำงานสาย Digital Marketing ก็อาจศึกษาเรื่องเทคโนโลยี การใช้โปรแกรม ไปจนถึงการเขียนโค้ดต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เราเข้าถึง Tools และ Database ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำอยู่ได้ รวมถึงอาจขยายเส้นทางอาชีพใหม่ ๆ ในการทำงานได้ด้วย
ไม่จำกัดตัวเองในกรอบ
การที่เรามีอคติในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจทำให้เราติดอยู่ในกรอบและพลาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง ดังนั้นเราจึงไม่ควรตั้งกำแพงหรือปล่อยให้ความเชื่อที่มีอยู่มาจำกัดการเรียนรู้ เช่น การเรียนสายศิลป์ไม่ได้แปลว่าเราจะเรียนรู้คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ไม่ได้ การทำงานเองก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเรามักได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในการทำงานตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งสิ่งที่เราไม่เคยสนใจและมองว่าตัวเองคงไม่ถนัด เมื่อได้ลองทำดูก็อาจพบว่าตัวเองทำได้ดีและรู้สึกอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ดังนั้นการเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดตัวเองเอาไว้ในกรอบที่คุ้นชินจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะยิ่งเราเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสในการทำงานก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
ฝึกเรียนรู้ให้เป็นนิสัย
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือการไม่หยุดเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้วหรือสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก เพราะหากเรามองว่าเราชำนาญและมีความรู้เชิงลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากพอแล้ว พอเวลาผ่านไป เราก็อาจพบว่าสิ่งที่เราเชี่ยวชาญดีนั้นมีแง่มุมใหม่ ๆ ที่เราไม่รู้จักเกิดขึ้นมากมายก็เป็นได้ เช่น คนที่เรียนด้านการเงินหรือเศรษฐศาสตร์มา ในวันนี้ก็อาจต้องศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่งถูกพัฒนาขึ้น หรือคนที่ทำงานในด้านเทคโนโลยีก็อาจต้องคอยอัปเดตและเรียนรู้วิธีการใช้โปรแกรมและซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ ๆ ที่ปล่อยออกมา เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนล้าหลังในโลกของการทำงาน การเรียนรู้ในเชิงกว้างก็เช่นกัน ทักษะในโลกใบนี้มีมากมายให้เราได้ลองศึกษา ยิ่งเรามีความสามารถที่หลากหลายเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรหยุดพัฒนาความสามารถและฝึกฝนทักษะต่าง ๆ รวมถึงต้องมีจมูกที่ว่องไวกับการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ คอยสั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย เพิ่ม Skill เชิงลึกบ้าง เติม Skill เชิงกว้างบ้าง วันหนึ่งเราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งรอบด้านเอง