JJNY : "เสรีพิศุทธิ์"ยกม.264ชี้ขาด│“เสรีพิศุทธิ์”ยื่นยุบ7พรรคเล็ก│เงินเฟ้อชะลอ  แต่ของยังแพงขึ้น│ไต้หวันเตรียมซ้อมรบโชว์

"เสรีพิศุทธิ์"ยกม. 264 ชี้ขาดนายกฯ 8 ปีไปต่อไม่ได้แล้ว
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_387790/
 
 
“เสรีพิศุทธ์” ยกมาตรา 264 ชี้ขาด “บิ๊กตู่”นายกฯ8ปี ไปต่อไม่ได้แล้ว เตือนภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ อย่าช่วยคนทำผิด
 
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกระบวนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าได้อภิปรายเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ระบุว่า ให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี
 
คนทั่วไปอาจจะนับแค่ปี 2562 เพราะมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ยังไม่บังคับใช้ แต่หากไปดูมาตรา 264 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า คณะรัฐมนตรีทั้งคณะที่ดำรงตำแหน่งก่อนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ให้บังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพราะฉะนั้นจึงตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ต้องหมดวาระก่อน 8 ปี ยังไง พล.อ.ประยุทธ์ วันที่ 23 ต้องลาออกแล้วให้มีการสรรหานายกฯใหม่
 
ส่วนท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ มีความมั่นใจว่ามีช่องทางตามกฎหมายนั้น ก็แล้วแต่จะคิด อย่างไรก็ตามต้องลาออกไม่เช่นนั้น การกระทำตั้งแต่วันที่ 24  สิงหาคมเป็นต้นไปการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือการทำสัญญากับต่างประเทศถือเป็นโมฆะทั้งหมด เพราะไม่อยู่ในอำนาจแล้ว อย่างตน เกษียณ อายุ 60 ปี พออายุ 60 ปี ก็เซ็นอะไรไม่ได้แล้วถ้าเซ็นก็ต้องเซ็นต่อสัญญาไปเลย หรือถ้าจะเลยไปก็ต้องลงวันที่ย้อนหลัง ออกเลขที่รับหนังสือย้อนหลัง ให้เป็นไปตามระบบ อันนี้ก็เหมือนกัน
 
พร้อมเตือนไปยังพรรคร่วมรัฐบาลเช่นพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ให้ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่ลาออกจะถือเป็นการสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีและจะถือมีความผิดเช่นกัน ส่วนสภาผู้แทนราษฎร ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายเป็นอย่างดี หากหลังจากนี้ให้พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆในสภาก็ถือมีความผิดด้วยเช่นกัน
 

 
“เสรีพิศุทธิ์” ยื่นกกต.ยุบ 7 พรรคเล็กรับเงิน-พรรคใหญ่จ่ายเงิน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_387710/

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ยื่น กกต.พิจารณายุบ 7 พรรคเล็กรับเงิน-พรรคใหญ่สนับสนุน ชี้เข้าข่ายครอบงำการเมือง “สมชัย” หวังกกต.ทำงานอย่างตรงไปตรงมา
 
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ดำเนินการพิจารณายุบพรรคการเมืองขนาดเล็ก 7 พรรค รวมถึงพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ที่สนับสนุนให้เงินเดือน เข้าข่ายการถูกครอบงำทางการเมือง
 
สืบเนื่องจากกรณีการประชุมร่วมรัฐสภาที่เคยมีการพิจารณาเอาสูตรการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการหารด้วย 100 หรือ 500 ซึ่งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ต่างก็ต้องเอาสิ่งที่ตัวเองเป็นประโยชน์ แต่ได้พบว่ามีลักษณะการล็อบบี้ ส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก และมีกระแสข่าวว่าส.ส.จากพรรคการเมืองขนาดเล็ก จะไปเข้าร่วมกับพรรคใหญ่ อย่าง พรรคพลังประชารัฐ จึงมองว่า ยอมเป็นทาสทางการเมืองเพื่อให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่บงการ อาทิ พรรคเพื่อชาติไทย , พรรคประชาธรรมไทย , พรรคครูเพื่อประชาชน , พรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งได้มีการพบปะกับ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ และเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นลักษณะของการยินยอมให้มีการครอบงำ ด้วยการไปรับเงินเดือน
 
ซึ่งคลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเพราะพรรคการเมืองขนาดเล็ก บางพรรค มีความเห็นที่ไม่ตรงกับพรรคการเมืองใหญ่ จึงเป็นไปได้ว่าพรรคการเมืองใหญ่ไม่พอใจ จนมีการเผยแพร่คลิปเสียงออกมา แต่เมื่อมีคลิปเสียงออกมาก็ย่อมมีการปฏิเสธ จึงมีการอ้างว่า เป็นลักษณะการกู้ยืมเงิน ซึ่งไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีสัญญากู้ยืมเงินตามกฎหมาย อีกทั้งยังระบุว่าเป็นการรับเงินทุกเดือน ซึ่งมี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้ดูแล ดังนั้นจึงมีหลักฐานชัดเจนจากคลิปและการออกมาพูดของบรรดาหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ จึงถือได้ว่าเหตุดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตามมาตรา 28 และ 29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ส่งผลให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ถูกยุบพรรคได้ ส่วนพรรคการเมืองที่มีการครอบงำ ก็อาจส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทุกข์ลงโทษจำคุก ซึ่งในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้มาแล้ว
 
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องสอบในชั้นกรรมาธิการปราบปรามทุจริต โดยเฉพาะตัวเองได้มายื่นต่อ กกต.ให้ตรวจสอบโดยตรงอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ไม่รวมถึงการล็อบบี้ระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส.ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีการตรวจสอบอยู่ในชั้นกรรมการซึ่งใกล้แล้วเสร็จ
 
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยาการ อดีต กกต. และประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการยื่นร้องวันนี้ว่า ต้องการให้กฎหมายที่มีอยู่เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตามมาตรา 28 และ 29 ของกฎหมายพรรคการเมืองที่มีการเขียนชัดเจนว่า เพื่อเป็นการป้องกันบุคคลภายนอกครอบงำพรรคการเมือง โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้พรรคการเมืองมีความเป็นอิสระ และหลักฐานครั้งนี้ถือว่าชัดเจนเพราะมีการให้เงินพรรคการเมืองแบบรายเดือน และถือเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็วและต้องตรงไปตรงมา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน หาก กกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นร้องครั้งนี้ก็จะมีการส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคต่อไป และสามารถทำได้เร็วที่สุดภายใน 15 วัน หลังศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่อง
 
ตนหวังว่าหลักฐานวันนี้ กกต.จะทำให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และสื่อสารถึงความคืบหน้ากับประชาชน เพราะ กกต.เอง ก็สอบตกในเรื่องของคะแนนความโปร่งใส โดยเรื่องนี้ก็จะเป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีให้กับทาง กกต.ว่าจะทำงานตรงไปตรงมาหรือไม่ ตนเตือนในฐานะที่เคยเป็นอดีต กกต.ที่ไม่อยากเห็นคนของ กกต.ต้องติดคุก


 
เงินเฟ้อชะลอตัวเล็กน้อย แต่ของยังแพงขึ้นในหลายหมวด
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/177964

อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.65 ชะลอตัวลงเล็กน้อย ตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเร่งขึ้นจากหมวดเคหสถานและการบันเทิงฯ
 
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ก.ค. แตะระดับ 7.6% (YoY) ตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ โดยชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนตามทิศทางราคาน้ำมันจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง
 
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 3.0% โดยในหมวดเคหสถาน เพิ่มขึ้น 8.4% และหมวดการบันเทิงฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 บ่งชี้ถึงการส่งผ่านของราคาสินค้าระหว่างหมวดอาหารและหมวดพลังงานออกไปยังหมวดอื่นๆ  
   
นอกจากนี้ ราคาในหมวดการขนส่งและการสื่อสารยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากเดือนก่อน ด้านราคาในหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานที่มีความผันผวนสูงนั้นยังเพิ่มในระดับสูง  เช่น หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ปรับตัวเร่งขึ้น 8.0%  โดยเฉพาะราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดที่เพิ่มขึ้นมากตามแรงผลักดันของเนื้อสัตว์ที่มีต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น
 
ส่วนราคาพลังงานยังเพิ่มสูงถึง 33.8%  ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.0%
ของแพงหลายหมวดมากขึ้น ยังดันเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับสูง
 
สำหรับอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีจะอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 7 เดือนแรกของปี ซึ่งอยู่ที่ 5.9% และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2022  อยู่ที่ 6.1%
 
สาเหตุสำคัญจากการกระจายตัวของราคาที่เพิ่มขึ้นออกไปในหลายหมวดมากขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักอาหารสดและพลังงาน) ที่เร่งตัวขึ้นสู่ 2.5% เมื่อเทียบกับ 1.9% เมื่อเดือนก่อน

หมวดเคหสถาน เพิ่มขึ้น 8.4% เทียบจาก 6.8%
 
หมวดการบันเทิงฯ (สัดส่วน 4.2%) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
 
บ่งชี้ถึงการส่งผ่านของราคาสินค้าระหว่างหมวดอาหารและหมวดพลังงานออกไปยังหมวดอื่นๆ รวมถึงแนวโน้มการส่งผ่านต้นทุนผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าและบริการมากยิ่งขึ้น จากดัชนีราคาผู้ผลิตที่เพิ่มต่อเนื่อง
 
มองไปในช่วงที่เหลือของปี ต้นทุนของผู้ประกอบการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งจากราคาค่าไฟในกรณีที่มีการปรับขึ้นในงวด ก.ย. - ธ.ค. เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักอยู่ในทิศทางเพิ่มขึ้น อีกทั้ง กฟผ. อาจลดภาระแบกรับต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ประกอบภาระจ่ายดอกเบี้ยของผู้ประกอบการอาจเพิ่มขึ้นหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น
 
ที่มา : Krungthai COMPASS
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่