เป็นที่คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2561 สนามการเมืองจะดุเดือดไม่แพ้ครั้งที่ผ่านมา เพราะกฎกติการใหม่ที่รัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับประชามติขีดเส้นละเอียดยิบ ทำให้พรรคการเมืองต้องปรับตัวรับกฎหมายเลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะพรรคขนาดเล็ก เห็นโอกาสระบบเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่จะทำให้พรรคขนาดเล็กมีโอกาสมีที่นั่งในสภามากขึ้น จึงเริ่มทยอยเปิดตัวเงียบๆ รอเพียงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ปลอดล็อก ห้ามจดทะเบียบพรรคและห้ามดําเนินกิจการใด ๆ ในทางการเมือง ตามคำสั่ง ฉบับที่ 57/2557 เท่านั้น
“พลังชาติไทย”ชูแนวใหม่
พล.ต.
ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หนึ่งในคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปประเทศของ คสช. เปิดเผยกับ
“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เตรียมจัดตั้ง
“พรรคพลังชาติไทย” ซึ่งเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกพรรคการเมืองกว่า 10 พรรค โดยพล.ต.ทรงกลด รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ขณะนี้มีสมาชิกพรรคกว่า 500 คนแล้ว เหตุผลของการตั้งพรรคเพื่อเป็นการเมืองแนวทางใหม่ที่ฉีกต่างจากวังวนการเมืองแบบเดิมๆ ที่สร้างปัญหาให้ประเทศชาติ
ส่วนเป้าหมายมุ่งหวังตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของประชาชน คือ ปากท้องพี่น้องอิ่ม และเมื่อเขามีทุกข์ยากเดือดร้อน ก็แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ในทันที สำหรับนโยบายของพรรค เน้นการให้สวัสดิการแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง มีร้านค้าตำบลเข้ามาแทนที่ระบบสหกรณ์ ลูกบ้านทุกคนเป็นสมาชิก มีการแบ่งปันผลกำไรทุกสิ้นปี ส่วนกรอบนโยบายหลักๆ ทางเศรษฐกิจ อาทิ เน้นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่และจุดแข็งหรือความได้เปรียบของไทยเป็นฟันเฟืองสร้างความเจริญเติบโต เช่น มีนโยบายขุดคอคอดกระเพื่อเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเลแห่งใหม่ที่สำคัญ ช่วยลดระยะเวลาและลดต้นทุนการขนส่ง อีกทั้งยังจะทำให้เกิดการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่รายรอบโครงการ ประมาณการณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดรายได้ 400 ล้านบาทต่อปี
สนับสนุนการสร้างคาสิโนเป็นบ่อนการพนันและสถานบันเทิงที่ถูกกฎหมาย เหมือนที่ลาสเวกัสและมาเก๊า มีกฎระเบียบควบคุมเกี่ยวกับผู้เล่นอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาเยาวชนรวมทั้งปัญหาอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนโครงการหวยออนไลน์ เพื่อให้การเล่นหวยเป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมายและสร้างรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาทต่อปี และสนับสนุนให้ไทยพัฒนาการทำเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์อย่างแพร่หลาย และ ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์
“เสรีพิศุทธ์” เข้มปราบทุจริต
พรรค
เสรีรวมไทย เป็นอีกพรรคการเมืองที่น่าจับตา หลังมีการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปบ้างแล้ว ครั้งนี้ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งรับเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง เปิดเผยถึงการตัดสินใจกระโดดลงการเมืองสนามใหญ่ว่า เพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันโกงบ้านกินเมืองให้หมดจากแผ่นดินไทย และพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาแม้จะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมทั้งขณะนี้เป็นรัฐบาลจากการปฏิวัติ แต่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด หากยังปล่อยให้มีการทุจริตต่อไป บ้านเมืองจะเสียหายมากขึ้น หลังจากนี้ต้องกล้าที่จะคิดนอกกรอบ แต่อยู่ในระเบียบวินัย
ในการตั้งพรรคครั้งนี้ อดีตผบ.ตร. ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องการสร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการเมือง โดยสร้างบรรทัดฐานเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งมองว่าการเป็นพรรคเล็กมีความสดใหม่ และเป็นตัวของตัวเองมากกว่าไปสังกัดพรรคใหญ่ ที่สำคัญชื่อเสียงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็มีคนรู้จักทั่วประเทศ จึงเป็นความได้เปรียบของพรรคเล็กอย่างพรรคเสรีรวมไทย ที่หัวหน้าพรรคมีชื่อเสียงอยู่แล้ว สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องการให้พรรคเล็กตัดคะแนนกับพรรคขนาดใหญ่
ปัจจุบัน พรรค
เสรีรวมไทย เป็น 1 ใน 29 พรรคการเมืองที่จดแจ้ง การจัดตั้งตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 แต่เนื่องจากได้มีประกาศ คสช. ห้ามพรรคการเมืองดําเนินกิจกรรมทางการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้มีมติให้ชลอเรื่องการพิจารณาการสิ้นสภาพพรรคการเมืองไว้ก่อน
“ประชาชนปฏิรูป”ลุยสอบ
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2559 นาย
ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป จุดประสงค์หนึ่งในการตั้งพรรคการเมือง เพราะอยากเห็นการปฏิรูปการเมือง ต้องการเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุลการทำงานในรัฐสภา และเป็นเครื่องมือของประชาชนในการสนับสนุนให้คนดีมีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริตมาเป็นผู้นำประเทศ พร้อมหนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหน้า
ทั้งนี้พรรคประชาชนปฏิรูป มีเจตนารมณ์ 3 ประการ คือ 1.พรรคจะปฏิรูปพรรคการเมืองและนักการเมือง ทำให้การเมืองประเทศไทยดีขึ้น 2.พรรคจะปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้มีความบริสุทธิ์และดีงาม และ 3.พรรคจะปฏิรูปโดยการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน จะมีการจัดตั้งสภาตรวจสอบภาคประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
JJNY : ‘3พรรคน้องใหม่’ อุ่นเครื่อง รอเวลาเปิดตัวลุยเลือกตั้ง
“พลังชาติไทย”ชูแนวใหม่
พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ หนึ่งในคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปประเทศของ คสช. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เตรียมจัดตั้ง “พรรคพลังชาติไทย” ซึ่งเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกพรรคการเมืองกว่า 10 พรรค โดยพล.ต.ทรงกลด รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ขณะนี้มีสมาชิกพรรคกว่า 500 คนแล้ว เหตุผลของการตั้งพรรคเพื่อเป็นการเมืองแนวทางใหม่ที่ฉีกต่างจากวังวนการเมืองแบบเดิมๆ ที่สร้างปัญหาให้ประเทศชาติ
ส่วนเป้าหมายมุ่งหวังตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของประชาชน คือ ปากท้องพี่น้องอิ่ม และเมื่อเขามีทุกข์ยากเดือดร้อน ก็แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ในทันที สำหรับนโยบายของพรรค เน้นการให้สวัสดิการแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง มีร้านค้าตำบลเข้ามาแทนที่ระบบสหกรณ์ ลูกบ้านทุกคนเป็นสมาชิก มีการแบ่งปันผลกำไรทุกสิ้นปี ส่วนกรอบนโยบายหลักๆ ทางเศรษฐกิจ อาทิ เน้นใช้ทรัพยากรที่มีอยู่และจุดแข็งหรือความได้เปรียบของไทยเป็นฟันเฟืองสร้างความเจริญเติบโต เช่น มีนโยบายขุดคอคอดกระเพื่อเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเลแห่งใหม่ที่สำคัญ ช่วยลดระยะเวลาและลดต้นทุนการขนส่ง อีกทั้งยังจะทำให้เกิดการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่รายรอบโครงการ ประมาณการณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดรายได้ 400 ล้านบาทต่อปี
สนับสนุนการสร้างคาสิโนเป็นบ่อนการพนันและสถานบันเทิงที่ถูกกฎหมาย เหมือนที่ลาสเวกัสและมาเก๊า มีกฎระเบียบควบคุมเกี่ยวกับผู้เล่นอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาเยาวชนรวมทั้งปัญหาอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนโครงการหวยออนไลน์ เพื่อให้การเล่นหวยเป็นกิจกรรมที่ถูกกฎหมายและสร้างรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาทต่อปี และสนับสนุนให้ไทยพัฒนาการทำเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์อย่างแพร่หลาย และ ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสร้างสรรค์
“เสรีพิศุทธ์” เข้มปราบทุจริต
พรรคเสรีรวมไทย เป็นอีกพรรคการเมืองที่น่าจับตา หลังมีการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปบ้างแล้ว ครั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งรับเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง เปิดเผยถึงการตัดสินใจกระโดดลงการเมืองสนามใหญ่ว่า เพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันโกงบ้านกินเมืองให้หมดจากแผ่นดินไทย และพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาแม้จะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมทั้งขณะนี้เป็นรัฐบาลจากการปฏิวัติ แต่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด หากยังปล่อยให้มีการทุจริตต่อไป บ้านเมืองจะเสียหายมากขึ้น หลังจากนี้ต้องกล้าที่จะคิดนอกกรอบ แต่อยู่ในระเบียบวินัย
ในการตั้งพรรคครั้งนี้ อดีตผบ.ตร. ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องการสร้างวัฒนธรรมใหม่ทางการเมือง โดยสร้างบรรทัดฐานเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งมองว่าการเป็นพรรคเล็กมีความสดใหม่ และเป็นตัวของตัวเองมากกว่าไปสังกัดพรรคใหญ่ ที่สำคัญชื่อเสียงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็มีคนรู้จักทั่วประเทศ จึงเป็นความได้เปรียบของพรรคเล็กอย่างพรรคเสรีรวมไทย ที่หัวหน้าพรรคมีชื่อเสียงอยู่แล้ว สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องการให้พรรคเล็กตัดคะแนนกับพรรคขนาดใหญ่
ปัจจุบัน พรรคเสรีรวมไทย เป็น 1 ใน 29 พรรคการเมืองที่จดแจ้ง การจัดตั้งตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 แต่เนื่องจากได้มีประกาศ คสช. ห้ามพรรคการเมืองดําเนินกิจกรรมทางการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้มีมติให้ชลอเรื่องการพิจารณาการสิ้นสภาพพรรคการเมืองไว้ก่อน
“ประชาชนปฏิรูป”ลุยสอบ
ช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2559 นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ประกาศตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป จุดประสงค์หนึ่งในการตั้งพรรคการเมือง เพราะอยากเห็นการปฏิรูปการเมือง ต้องการเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุลการทำงานในรัฐสภา และเป็นเครื่องมือของประชาชนในการสนับสนุนให้คนดีมีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริตมาเป็นผู้นำประเทศ พร้อมหนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหน้า
ทั้งนี้พรรคประชาชนปฏิรูป มีเจตนารมณ์ 3 ประการ คือ 1.พรรคจะปฏิรูปพรรคการเมืองและนักการเมือง ทำให้การเมืองประเทศไทยดีขึ้น 2.พรรคจะปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้มีความบริสุทธิ์และดีงาม และ 3.พรรคจะปฏิรูปโดยการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน จะมีการจัดตั้งสภาตรวจสอบภาคประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ