เชียงใหม่ นครไร้สาย จากท่าแพ สู่นิมมาน ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น
เมื่อพูดถึงเมืองไร้สาย หลายคนมักจะคิดถึงต่างประเทศ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า เชียงใหม่กำลังจะก้าวเข้าสู่ เมืองไร้สายในเร็วๆนี้ โดยเริ่มมีการนำร่องในบางจุดก่อนแล้ว
ปัญหาสายสื่อสารและสายไฟที่รกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง จากกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหาบริเวณถนนวังสิงห์คำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หลังจากที่ชาวบ้านออกมาร้องเรียน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้แค่ส่งผลเสียต่อทัศนียภาพของเมือง แต่ยังเป็นอันตรายต่อคนในพื้นที่ด้วย เพราะบ่อยครั้งสายไฟที่พันกันไม่เป็นระเบียบ มักก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง รวมทั้งกรณีที่สายไฟขาด ห้อยลงบนพื้นถนน ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน
จุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เริ่มขึ้น ปี 2552 ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่
มีผู้สมัครและพรรคการเมืองหลายราย ที่ชูนโยบายพัฒนาเมือง รวมทั้ง การนำสายไฟลงใต้ดิน เป็นต้น
ต่อมาในปี 2553 เทศบาลนครเชียงใหม่ ในสมัยนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ ได้เริ่มดำเนินการนำสายไฟลงดินครั้งแรกบนถนนท่าแพ และถนนช้างคลาน บริเวณย่านการค้าไนท์บาซ่า
ก่อนที่ในปี 2560 รัฐบาลชุดแรกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดระเบียบระบบสายไฟฟ้าตามเมืองใหญ่ ทำให้ในปีถัดมา ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมมือกับ กฟภ. จัดระเบียบสายไฟ บนถนนพระปกเกล้า
ปัจจุบัน ทางกฟภ.ได้ดำเนินการที่จะนำสายไฟลงดินในถนนรอบคูเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่กลางปี 2565 จนถึงปี 2567 โดยแบ่งเป็นกรอบ 7 โซน ซึ่งจะนำร่องบริเวณประตูสวนดอกก่อน
นอกจากนี้ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ยังได้จัดทำโครงการ Smart Nimman จากความร่วมมือกับกรมทางหลวง ซึ่งจะมีการนำสายไฟลงใต้ดิน ปรับท่อประปา ไฟสว่าง พื้นผิวถนนและทางเท้า รวมทั้งการติดตั้งกล้อง CCTV เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ถนนสายสำคัญในเขตเมือง เริ่มนำสายไฟลงดิน พร้อมปรับปรุงทัศนียภาพในพื้นที่แล้ว อาทิถนนท่าแพ ถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาซ่า ถนนคูเมืองบริเวณหน้าประตูสวนดอก และถนนพระปกเกล้า หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์
คาดว่าอนาคต จะมีการขยายพื้นที่ ที่จะจัดระเบียบสายมากขึ้น จนครอบคลุมทุกชุมชนในเมืองเชียงใหม่
เพราะนอกจากเราจะได้ทัศนียภาพที่งดงามและเป็นระเบียบแล้ว ยังจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายจากสายไฟ หรือสายสื่อสารที่ไม่เป็นระเบียบอีกด้วย
@@@ เชียงใหม่ นครไร้สาย @@@@
เมื่อพูดถึงเมืองไร้สาย หลายคนมักจะคิดถึงต่างประเทศ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า เชียงใหม่กำลังจะก้าวเข้าสู่ เมืองไร้สายในเร็วๆนี้ โดยเริ่มมีการนำร่องในบางจุดก่อนแล้ว
ปัญหาสายสื่อสารและสายไฟที่รกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง จากกรณีที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ เดินทางลงพื้นที่รับฟังปัญหาบริเวณถนนวังสิงห์คำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หลังจากที่ชาวบ้านออกมาร้องเรียน เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้แค่ส่งผลเสียต่อทัศนียภาพของเมือง แต่ยังเป็นอันตรายต่อคนในพื้นที่ด้วย เพราะบ่อยครั้งสายไฟที่พันกันไม่เป็นระเบียบ มักก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง รวมทั้งกรณีที่สายไฟขาด ห้อยลงบนพื้นถนน ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน
จุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เริ่มขึ้น ปี 2552 ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่
มีผู้สมัครและพรรคการเมืองหลายราย ที่ชูนโยบายพัฒนาเมือง รวมทั้ง การนำสายไฟลงใต้ดิน เป็นต้น
ต่อมาในปี 2553 เทศบาลนครเชียงใหม่ ในสมัยนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ ได้เริ่มดำเนินการนำสายไฟลงดินครั้งแรกบนถนนท่าแพ และถนนช้างคลาน บริเวณย่านการค้าไนท์บาซ่า
ก่อนที่ในปี 2560 รัฐบาลชุดแรกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดระเบียบระบบสายไฟฟ้าตามเมืองใหญ่ ทำให้ในปีถัดมา ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ร่วมมือกับ กฟภ. จัดระเบียบสายไฟ บนถนนพระปกเกล้า
ปัจจุบัน ทางกฟภ.ได้ดำเนินการที่จะนำสายไฟลงดินในถนนรอบคูเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่กลางปี 2565 จนถึงปี 2567 โดยแบ่งเป็นกรอบ 7 โซน ซึ่งจะนำร่องบริเวณประตูสวนดอกก่อน
นอกจากนี้ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ยังได้จัดทำโครงการ Smart Nimman จากความร่วมมือกับกรมทางหลวง ซึ่งจะมีการนำสายไฟลงใต้ดิน ปรับท่อประปา ไฟสว่าง พื้นผิวถนนและทางเท้า รวมทั้งการติดตั้งกล้อง CCTV เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ถนนสายสำคัญในเขตเมือง เริ่มนำสายไฟลงดิน พร้อมปรับปรุงทัศนียภาพในพื้นที่แล้ว อาทิถนนท่าแพ ถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาซ่า ถนนคูเมืองบริเวณหน้าประตูสวนดอก และถนนพระปกเกล้า หน้าลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์
คาดว่าอนาคต จะมีการขยายพื้นที่ ที่จะจัดระเบียบสายมากขึ้น จนครอบคลุมทุกชุมชนในเมืองเชียงใหม่
เพราะนอกจากเราจะได้ทัศนียภาพที่งดงามและเป็นระเบียบแล้ว ยังจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายจากสายไฟ หรือสายสื่อสารที่ไม่เป็นระเบียบอีกด้วย