JJNY : เสียชีวิต 34 ติดเชื้อใหม่ 2,253│โรงแรมโอดขาดแคลนแรงงาน│"ชัชชาติ"ควง"สุรจิตต์"หาทางป้องกันน้ำท่วม│พรรคเล็กรับสภาพ

โควิดวันนี้ เสียชีวิต 34 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,253 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3490573
 
โควิดวันนี้ เสียชีวิต 34 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,253 ราย
 
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,253 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,253 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,377,543 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
หายป่วยกลับบ้าน 2,483 ราย หายป่วยสะสม 2,379,845 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 21,113 ราย เสียชีวิต 34 ราย เสียชีวิตสะสม 9,828 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 911 ราย เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม



โรงแรมโอดขาดแคลนแรงงานหนัก-ราคาห้องพักยังคงต่ำกว่าก่อนยุคโควิด-19 ระบาด
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7197184

โรงแรมโอดขาดแคลนแรงงานหนัก-ราคาห้องพักยังคงต่ำกว่าก่อนยุคโควิด-19 ระบาด แม้ธุรกิจโรงแรมจะเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ
 
โรงแรมโอดขาดแรงงาน – นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า จากผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรม เดือนก.ค. 2565 จัดทำโดยสมาคมฯและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีผู้ประกอบการที่พักแรมตอบแบบสำรวจ 118 แห่ง ระหว่างวันที่ 17-25 ก.ค. 2565 พบว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือนก.ค. 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 45% จากเดือนมิ.ย. 2565 ซึ่งมี 38% ตามที่รัฐบาลได้ยกเลิกการลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป และขยายสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนขยาย อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ใหม่ ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น อัตราการเข้าพักของโรงแรมปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือนส.ค. 2565 ไว้ที่ 42%
 
“ลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่ยังคงเป็นลูกค้าชาวไทย แต่มีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น สะท้อนจากโรงแรม ที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% ทยอยเพิ่มขึ้นหลังมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 ทั้งนี้ หากพิจารณากลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง รองลงมา คือยุโรปตะวันตก”
 
อย่างไรก็ตาม โรงแรมส่วนใหญ่ราว 68% ยังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยกระจายอยู่ในตำแหน่งต่างๆ เกือบทุกแผนก เช่น แม่บ้าน พนักงานต้อนรับ พนักงานทำความสะอาด พ่อครัวแม่ครัว เด็กเสิร์ฟ และช่างเทคนิค แม้ส่วนหนึ่งจะพอหาคนทดแทนได้ แต่ยังขาดทักษะ โดยเฉพาะด้านการ ให้บริการและภาษา
 
ส่วนประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้าง พบว่าโรงแรม 67% ยังไม่มีการปรับขึ้นค่าจ้าง ส่วนอีก 33% มีการปรับขึ้นค่าจ้าง ทั้งนี้ หากมีการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คาดว่ามีโรงแรม 74% ได้รับผล กระทบ โดยโรงแรมระดับ 1-3 ดาว จะได้รับผลกระทบมากกว่าโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ทั้งนี้ 16% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าจะได้รับผลกระทบมาก เพราะลูกจ้างมากกว่า 50% ของโรงแรมกลุ่มนี้ต้องได้รับการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงแรมน้อยกว่า 4 ดาว
 
“โรงแรมส่วนใหญ่ยังถูกกดดันจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานในเกือบทุกแผนก รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่ยังไม่กลับมาเปิดตามปกติ”
 
นางมาริสา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ธุรกิจโรงแรมจะเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ แต่ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวที่ยังเข้ามาไม่มากนัก และกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอทำให้ปรับราคาได้ยาก อย่างไรก็ดี ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันถือว่าปรับดีขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน
 
ส่วนค่าใช้จ่ายในโรงแรมเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มโรงแรม โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในกลุ่มน้อยกว่า 5 ดาว ณ เดือนก.ค. 2565 ยังต่ำกว่าก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ขณะที่กลุ่ม 5 ดาวขึ้นไปยังเฉลี่ยใกล้เคียงเดิมหรือมากกว่า
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
 
สำหรับภาพรวมรายได้ เดือนก.ค. 2565 ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 แต่ส่วนหนึ่งรายได้เริ่มปรับดีขึ้นหลังมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในเดือนก.ค. 2565 สะท้อนจากโรงแรมที่มีรายได้กลับมาไม่ถึง 30% มีสัดส่วนลดลงจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม โรงแรมที่รายได้กลับมาแล้วเกินครึ่งหนึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงเดิมที่ 32% โดยรายได้ของกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว ฟื้นตัวได้ดีกว่า

 

  
"ชัชชาติ" ควง "สุรจิตต์" สำรวจ หาแนวทางป้องกันน้ำท่วม เขตลาดกระบัง
https://www.thairath.co.th/news/politic/2464476
 
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ควง "สุรจิตต์" ส.ก.เขตลาดกระบัง ลุย สำรวจ หาแนวทางป้องกันน้ำท่วม สั่ง กำจัดวัชพืช-สิ่งปฏิกูลขวางทางน้ำ เพิ่มเครื่องสูบน้ำ-ผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำ ออกสู่ "อ่าวไทย" ป้องกันน้ำท่วม 
   
วันที่ 4 ส.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย และนายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผอ.เขตลาดกระบัง ลงพื้นที่สำรวจหาแนวทางป้องกันน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของเขตลาดกระบัง เช่น ในเคหะร่มเกล้า ซึ่งปัญหาหลักเกิดจากเครื่องสูบน้ำที่ใช้การมานานและไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบระดับน้ำที่สถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร สำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน (ประตูพระองค์เจ้า) และหาแนวทางติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามคลองเพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย
   
นายสุรจิตต์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้สั่งการให้สำรวจและทำความสะอาดสิ่งปฏิกูลและวัชพืชลำรางไส้ไก่ที่เป็นลำรางรับน้ำก่อนจะสูบน้ำออกคลองหนึ่ง รวมถึงสั่งการให้เพิ่มเครื่องสูบน้ำแทนเครื่องสูบน้ำเดิมที่เสื่อมสภาพและใช้การมาร่วม 30 ปี
   
นอกจากนี้ ยังหารือ รองอธิบดีกรมชลประทาน เพื่อขอให้ช่วยติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามคลองต่างๆ เช่น คลองจรเข้ใหญ่ คลองบางเสาธง คลองสำโรง เพื่อเป็นการเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่