สวัสดีครับ กระทู้นี้เราอยากจะขอเล่าขอแชร์ แบ่งปันความทรงจำดีๆ หรือประสบการณ์ที่ดี กับการที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเราได้มีโอกาสเป็นนักกีฬาตัวแทนของโรงเรียน ก่อนอื่นต้องขอเล่าก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากการที่เรียนอนุบาล ก็เล่นฟุตบอลเด็กอนุบาล เข้ามาเรียนระดับประถมศึกษา ก็เล่นหลากหลายกีฬา ไล่ตั้งแต่ฟุตบอล ฟุตซอล วอลเล่ย์บอล และกรีฑา แต่สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคือกรีฑา ซึ่งโรงเรียนประถมของเราจะมีการส่งเข้าแข่งขันกีฬากรีฑาระหว่างโรงเรียน (เสมือนเป็นเครือข่ายของโรงเรียน) เผอิญคุณครูที่คุมทีมนักกีฬาของโรงเรียน ได้อยู่อาศัยที่ห่างกันไม่มากนักกับบ้านเรา ประกอบกับการที่เราชอบตระเวนไปงานวิ่งที่จัดตามวันอาทิตย์ แล้วก็ต้องตื่นเช้าเพื่อมาวิ่ง แล้วเจอคุณครูท่านนั้นชอบออกกำลังกายตอนรุ่งเช้าเป็นประจำ ก็เลยพบเจอกันประจำทุกๆเช้า คุณครูแกก็เลยได้ชักชวนเราก็ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน ประกอบกับการที่โรงเรียนมีเด็กนักเรียนไม่มาก ทำให้นักกีฬาของโรงเรียน ณ ตอนนั้น จำต้องเล่นเกือบทุกประเภทกีฬา (อย่างเราก็เล่น 4 ประเภทที่กล่าวมา) และกีฬาที่เราชอบคือกรีฑา เราได้มีโอกาสแข่งทั้งประเภทลู่และลาน ประเภทลู่ก็จำพวก วิ่งระยะ 200 เมตรระยะเดียว (เพราะคุณครูแกบอกว่าเราวิ่งระยะไกลบ่อยเลยส่งแข่งระยะนี้ระยะเดียว555) และประเภทลานเราก็แข่งจำพวก ทุ่มน้ำหนัก ขว้างจักร กระโดดไกล และถึงแม้ผลออกมาอาจจะพลาดเหรียญบ้าง ตกรอบแรกบ้าง ไม่ได้ไปต่อบ้าง ประสบความสำเร็จบ้าง แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการเป็นนักฬาโรงเรียนของเรา
....เมื่อเริ่มเข้าเรียนมัธยมต้น ซึ่งโรงเรียนที่เราเรียนไม่ใช่โรงเรียนกีฬา แต่ก็มีการสนับสนุนให้แก่เด็กในทุกๆด้านที่มีความสามารถ แต่เราเริ่มเบื่อๆ เริ่มท้อแท้ กับการที่เราเล่นกีฬาแต่ก็ประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บ การเล่นกีฬาของเราไม่พัฒนาเอาซะเลย ประกอบกับการที่เราได้ไปเจอสิ่งใหม่ๆอย่างด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี หรือเกมส์ ทำให้การเล่นกีฬาของเราต้องหยุดชะงักไปตลอดที่เรียนมัธยมต้น แล้วโรงเรียนมัธยมก็จะมีกีฬาสี ส่งแข่งกีฬากรีฑาระดับจังหวัดเป็นประจำทุกปี เราก็ได้แต่ทำหน้าที่อย่างอื่นไป เช่น เดินพาเหรดบ้าง กองเชียร์บ้าง ผสมๆกันไป ได้แต่มองนักกีฬาของโรงเรียนแข่งเท่านั้น เรามีความคิดที่ฉุกขึ้นมาว่า เราเองก็เคยเล่นกีฬาระดับโรงเรียนมาก่อนสมัยประถม เมื่อเข้ามัธยมแล้วทำไมต้องมาเปลี่ยนไปแบบนี้ ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ เห็นแล้วก็อยากเป็นอ่ะเนอะ มันเลยทำให้เรากลับไปซ้อม เพื่อตั้งเป้าหมายไว้ว่า ขึ้นมัธยมปลาย ม.4 ต้องได้เล่นกีฬาสี แต่แล้ว...เราก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อคัดตัวทีมกรีฑาคณะสี เราคัดไม่ผ่าน!!! ก็เลยอดเป็นไปอีกปีนึง เริ่มท้อแท้นะ แต่ก็อดทนสู้ต่ออีกปี เพื่อที่จะได้เป็นนักกีฬา ก็เลยกลับไปซ้อมต่อ
....เมื่อเข้าเรียน ม.5 เราคัดตัวนักกีฬาคณะสีในระยะ 1500 เมตร และแล้วความสำเร็จก็มาถึง เราผ่านการคัดตัวของคณะสีได้แล้วว งื้อออ ดีใจนะ แบบ การที่เราต้องนั่งดูนักกีฬาเขาแข่งบนอัฒจรรย์ คราวนี้ได้เวลาที่เรามาแข่งเองแล้ว ก็เลยลงแข่งกีฬาสีในระยะ 1500 เมตร เป็นระยะไกลสุดของกีฬาสี ผลคือ เหรียญทอง ซึ่งนำแบบม้วนเดียวจบ โคตรดีใจไปอีกง้ะ เราคิดว่าคุ้มแล้วที่อดทนซ้อมมาเกือบ2ปีเพื่อการได้เป็นนักกีฬาสี แล้วสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราก็มาถึง เมื่อคุณครูหมวดพละที่ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมกรีฑาของโรงเรียน ได้เดินเข้ามาหาเราตอนเราแข่งกีฬาสีเสร็จ แล้วบอกกับเราประมาณว่า สนใจเล่นกรีฑาโรงเรียนไหม อีกสองเดือนแข่งกรีฑาระดับจังหวัด จะให้มาเก็บตัวซ้อมด้วย เราเลยแบบ โอ้โห อึ้งไปพักนึง แต่ก็นะ โอกาสมาหาขนาดนี้แล้ว ถ้าเราไม่รับไว้ คงจะไม่มีโอกาสได้เล่นอีก เราเลยตอบรับไปทันที
....เมื่อถึงวันเก็บตัวสำหรับทีมกรีฑาของโรงเรียน...
....ตื่นเช้าก็ออกกำลังกายรุ่งเช้า อาบน้ำไปโรงเรียนเป็นปกติประจำวันของเรา แต่วันนี้พิเศษหน่อยคือ หิ้วกระเป๋าที่ใส่รองเท้าวิ่งคู่ใจกับชุดซ้อม และชุดต่างๆ ใส่กระเป๋าไปด้วย แทบจะย้ายบ้านได้เลย555 เมื่อเลิกเรียน ก็เข้าห้องทีมกรีฑา เพื่อทำการประชุมทีมจากครูผู้ฝึกสอนและคุมทีม เราก็ตื่นเต้น ได้เจอทั้งพี่ๆน้องๆ ที่เป็นนักกรีฑาโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว หันมาต้อนรับ ทั้งรับน้องใหม่ ทั้งแกล้งทั้งหยอก แต่สนุกและเราสัมผัสถึงความเป็นครอบครัวเดียวกับของทีมกรีฑาของโรงเรียนที่นี่ จากนั้นก็ฟังครูชี้แจงประชุม ซึ่งจัดการแจกแจกว่าแต่ละคนจะได้แข่งระยะไหน เผอิญว่า ในทีมกรีฑา มีแต่นักวิ่งระยะสั้น คือ จำพวก วิ่ง 100 เมตร 200 เมตร 400 เมตร วิ่งผลัด อะไรทำนองนี้สำหรับประเภทลู่ ครูเลยมอบระยะให้เราคือ ระยะ 1500 เมตร กับระยะ 5000 เมตร (โดยรวมเราถนัด 1500 เมตรมากกว่า) ก็เลยทำการฝึกซ้อมและเก็บตัวด้วยกันจนถึงวันก่อนแข่ง 1 วันที่ครูจะปล่อยให้พักกลับบ้าน เมื่อตอนอยู่ร่วมกัน กินนอนร่วมกันกับพี่ๆน้องๆ บางครั้งมีการทำกิจกรรมร่วมกัน หยอกล้อแกล้งกันตามประสา มีเล่นเกมส์ยามว่างต่างๆนานา เห้ย มันได้อะไรมากกว่าการเป็นนักกรีฑาโรงเรียนเลยนะ แถมยังได้ฝึกระเบียบวินัยไปในตัวด้วย โดยตื่นเช้ามารุ่งเช้าก็ทำการฝึกซ้อมจากโปรแกรมซ้อมที่ครูได้วางไว้ให้ ซ้อมเสร็จก็อาบน้ำ รับประทานอาหารเช้า เดินไปเรียนด้วยกันกับพวกพี่ๆน้องๆที่อยู่ในทีมด้วยกันนี่แหล่ะ แยกกันเข้าแถวตามห้อง เข้าเรียน เมื่อตกเย็นเลิกเรียน ก็มาที่ห้องทีม เพื่อรอครูมาชี้แจงและรับโปรแกรมซ้อมในช่วงเย็นแล้วก็ไปซ้อม ซ้อมเสร็จก็เกือบค่ำ ก็ไปอาบน้ำ รับประทานอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัยส่วนตัว ใครจะออกไปซื้อขนมข้างนอกหรือเข้าเซเว่นหรือเดินเล่นที่ไหนก็ได้(แต่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ซึ่งโดยรวมเราและพี่ๆน้องในทีมก็มักจะเดินเข้าเซเว่นเพื่อหาขนม555 และเดินเล่นบริเวณโรงเรียนนั่นแหล่ะ) จากนั้นก็กลับห้องทีม ฟังครูประชุม แล้วก็เข้านอน ซึ่งนอนที่ห้องทีมนั่นแหล่ะ(แต่แยกชายหญฺิงนะ) เก็บตัวอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอด จนถึงวันก่อนแข่ง 1 วัน ครูก็ได้ปล่อยพัก เมื่อตกเย็นก็รับชุดแข่ง เราตื่นเต้นมาก นี่เรากำลังจะได้ลงแข่งรายการระดับจังหวัดแล้วหรอ ซึ่งเราไม่เคยลงแข่งระดับนี้ นี่คือครั้งแรกเลยเว้ย เมื่อถึงวันแข่ง ก็นั่งรถไปกันที่สนาม ก็นั่งประชุมกันที่พักนักกีฬาของโรงเรียนที่สนาม ได้เจอได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆนักกีฬาจากต่างโรงเรียนจากต่างสถาบัน และเมื่อถึงเราต้องลงแข่ง ซึ่งเราแข่งระยะ 5000 เมตรก่อน เป็นรายการแรกๆที่ต้องแข่งเช้า ยื่นตรวจสอบบัตรประจำตัวนักกีฬา พร้อมเดินลงสู่สนามเพื่อทำการแข่งขัน (ในใจเราแบบ เห้ย มันเป็นอะไรที่แบบดีสุดๆในชีวิตเราเลย ตื่นเต้นมากๆ) ซึ่งครูผู้คุมทีมก็ได้คอยเดินตามรั้วมาหาเรา แล้วบอกเราว่า ไม่ต้องสนใจผลแข่ง เต็มที่ก็พอนะ แล้วก็คอยสอนเทคนิคและวางแผนให้ว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละรอบ และเมื่อเสียงปืนปล่อยตัวดังขึ้น เราก็วิ่งไปตามที่เราได้ซ้อมมา แข่งไปแข่งมาเหลือเรากับอีกคนของต่างโรงเรียนคอยวิ่งตามหลังเรา เราก็แทบไม่เหลือแรงแล้วด้วย55 ก็เลยวิ่งเกาะคู่กัน มิตรภาพจะเกิดอะไรกันตรงนั้นก๊อนนนน!!!555 แต่เสียงผู้ชมที่นั่งบนอัฒจรรย์คอยปรบมือให้คอยเชียร์ให้กำลังใจในแต่ละรอบที่วิ่งผ่าน ก็เลยวิ่งจนจบการแข่งขัน แม้เราจะได้ผลออกมาแบบนี้ แต่เสียงเชียร์เสียงปรบมือทำให้เรามีกำลังใจดีๆมีความรู้สึกดีๆที่ทำให้วิ่งจบ และอีกเสียงข้างสนามอีกเสียงนึงที่คอยตะโกนบอกเราให้ทำอะไรพร้อมกับจดบันทึกให้เราในแต่ละรอบ นั่นคือคุณครูทีมกรีฑานั่นแล้ะ ผลเราออกมาแบบนี้ แต่ครูก็ไม่ว่าอะไรเราเลย ออกจะชมด้วยซ้ำว่าเราทำได้ตามที่ครูสั่งและแผนของแก เมื่อเข้าที่พักนักกีฬา เราก็บอกครูว่า เริ่มล้าๆ เหนื่อยๆ ในใจก็อยากถอนอีกระยะ แต่แกกลับพูดสวนเรามาว่า "จะถอดใจยังไงก็ให้นึกถึงชุดแข่งที่เธอใส่ เธอกำลังแบกชื่ออะไรมา แข่งจบดีกว่าถอดใจสู้นะ" โห มันรู้สึกฮึกเหิมเลยเว้ย ก็เลยสู้ และแล้วช่วงเย็นต้องลงแข่งระยะ 1500 เมตรต่อ ก็ทำเหมือนเดิมเหมือนตอนแข่งระยะแรกช่วงเช้า แต่คราวนี้ระยะถนัดเรา พร้อมกับนึกถึงคำพูดครูเมื่อกี้ เราเลยแบบฮึกเหิม เสียงปืนปล่อยตัวดังขึ้น ก็วิ่งไปให้ดีที่สุด แต่ผลก็คือ เราก็ยังได้ที่รองสุดท้ายเหมือนเดิม เมื่อเข้าที่พัก ครูก็คอยบอกว่า "เต็มที่แล้วก็ไม่มีอะไรเสียใจแล้ว" เพราะในระดับจังหวัด ต้องเจอพวกนักกรีฑาหัวกะทิทั้งนั้น ทั้งตัวทีมชาติ ตัวแถวหน้าของจังหวัด (เรายังห่างจากพวกเขาอีกเยอะ) จากนั้นก็คอยเชียร์พี่ๆน้องๆแข่งกันต่อตลอดระยะจนวันสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วเข้าเก็บตัวอีกทีในปีถัดไป แล้วเราก็ได้เล่นกรีฑาของโรงเรียนอีกปีเมื่อขึ้น ม.6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่เราจะออกจากโรงเรียนเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
....กล่าวโดยสรุปจากการที่เราได้มีโอกาสได้เป็นนักกรีฑาโรงเรียนตลอด 2 ปี คือ เราได้รับอะไรเยอะมาก ทั้งเรื่องของระเบียบวินัยที่เก็บตัวซ้อม ทั้งได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ และได้รู้จักเพื่อนๆจากต่างโรงเรียนต่างสถาบันที่ถึงแม้ในสนามเราจะใส่กันเต็มที่ แต่นอกสนามมีแต่มิตรภาพ ทั้งได้เทคนิคต่างๆจากครูที่คอยคุมซ้อมและกำลังใจดีๆ และได้มีโอกาสได้เล่นในรายการใหญ่ระดับนี้ ได้สัมผัสกับรายการที่ต้องมาเจอกับคนเก่งๆ ทำให้ได้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย จากที่เราได้แค่นั่งมองดูนักกรีฑาโรงเรียนบนอัฒจรรย์เอง จากที่ได้ดูแต่คนอื่นแข่ง จนได้มีโอกาสลงแข่งเอง มันเป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่เราไม่มีวันลืมเลยจริงๆ
....ท้ายนี้เราก็อยากฝากทุกคนหรือคนที่อยากจะเล่นกีฬาเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ไม่ว่าจะกีฬาอะไรก็แล้วแต่ ว่าโอกาสเมื่อมันมาหาเรา หรือเราได้รับมันแล้วนั้น ให้รีบรับเอาไว้เถอะ ให้รีบคว้าโอกาสไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป เพราะนั่นคือโอกาสที่ดีที่ทำให้เราได้แสดงในสิ่งที่เรารักเราชอบและแสดงความสามารถของเรา ผลจะออกมาแบบไหนก็ไม่สำคัญขอแค่ให้เราได้มีเวทีได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถก็พอ แล้วมันจะเป็นความทรงจำ ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมได้ลงเลยกับการที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กนักเรียนธรรมดาๆได้มาเป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียน
....สำหรับใครที่มีเรื่องราวคล้ายกันกับเราสามารถแบ่งปันกันได้หรือใครอยากจะแชร์ประสบการณ์อะไรในสมัยเรียน ก็สามารถแชร์กันได้ เล่าแบ่งปันกันได้เลยนะ ปัจจุบันเราเรียนมหาลัยแล้วก็ได้แต่นั่งนึกย้อนอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก555 ได้แต่นึกถึงแหล่ะ แต่กลับไปไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่กลับมาออกกำลังกาย ฝึกซ้อมตามประสาเราต่อไป
***ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องราวของเราจนจบนะค้าบบบ
ความทรงจำดีๆกับครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เป็นนักกรีฑาของโรงเรียน
....เมื่อเริ่มเข้าเรียนมัธยมต้น ซึ่งโรงเรียนที่เราเรียนไม่ใช่โรงเรียนกีฬา แต่ก็มีการสนับสนุนให้แก่เด็กในทุกๆด้านที่มีความสามารถ แต่เราเริ่มเบื่อๆ เริ่มท้อแท้ กับการที่เราเล่นกีฬาแต่ก็ประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บ การเล่นกีฬาของเราไม่พัฒนาเอาซะเลย ประกอบกับการที่เราได้ไปเจอสิ่งใหม่ๆอย่างด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี หรือเกมส์ ทำให้การเล่นกีฬาของเราต้องหยุดชะงักไปตลอดที่เรียนมัธยมต้น แล้วโรงเรียนมัธยมก็จะมีกีฬาสี ส่งแข่งกีฬากรีฑาระดับจังหวัดเป็นประจำทุกปี เราก็ได้แต่ทำหน้าที่อย่างอื่นไป เช่น เดินพาเหรดบ้าง กองเชียร์บ้าง ผสมๆกันไป ได้แต่มองนักกีฬาของโรงเรียนแข่งเท่านั้น เรามีความคิดที่ฉุกขึ้นมาว่า เราเองก็เคยเล่นกีฬาระดับโรงเรียนมาก่อนสมัยประถม เมื่อเข้ามัธยมแล้วทำไมต้องมาเปลี่ยนไปแบบนี้ ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ เห็นแล้วก็อยากเป็นอ่ะเนอะ มันเลยทำให้เรากลับไปซ้อม เพื่อตั้งเป้าหมายไว้ว่า ขึ้นมัธยมปลาย ม.4 ต้องได้เล่นกีฬาสี แต่แล้ว...เราก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อคัดตัวทีมกรีฑาคณะสี เราคัดไม่ผ่าน!!! ก็เลยอดเป็นไปอีกปีนึง เริ่มท้อแท้นะ แต่ก็อดทนสู้ต่ออีกปี เพื่อที่จะได้เป็นนักกีฬา ก็เลยกลับไปซ้อมต่อ
....เมื่อเข้าเรียน ม.5 เราคัดตัวนักกีฬาคณะสีในระยะ 1500 เมตร และแล้วความสำเร็จก็มาถึง เราผ่านการคัดตัวของคณะสีได้แล้วว งื้อออ ดีใจนะ แบบ การที่เราต้องนั่งดูนักกีฬาเขาแข่งบนอัฒจรรย์ คราวนี้ได้เวลาที่เรามาแข่งเองแล้ว ก็เลยลงแข่งกีฬาสีในระยะ 1500 เมตร เป็นระยะไกลสุดของกีฬาสี ผลคือ เหรียญทอง ซึ่งนำแบบม้วนเดียวจบ โคตรดีใจไปอีกง้ะ เราคิดว่าคุ้มแล้วที่อดทนซ้อมมาเกือบ2ปีเพื่อการได้เป็นนักกีฬาสี แล้วสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเราก็มาถึง เมื่อคุณครูหมวดพละที่ทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมกรีฑาของโรงเรียน ได้เดินเข้ามาหาเราตอนเราแข่งกีฬาสีเสร็จ แล้วบอกกับเราประมาณว่า สนใจเล่นกรีฑาโรงเรียนไหม อีกสองเดือนแข่งกรีฑาระดับจังหวัด จะให้มาเก็บตัวซ้อมด้วย เราเลยแบบ โอ้โห อึ้งไปพักนึง แต่ก็นะ โอกาสมาหาขนาดนี้แล้ว ถ้าเราไม่รับไว้ คงจะไม่มีโอกาสได้เล่นอีก เราเลยตอบรับไปทันที
....เมื่อถึงวันเก็บตัวสำหรับทีมกรีฑาของโรงเรียน...
....ตื่นเช้าก็ออกกำลังกายรุ่งเช้า อาบน้ำไปโรงเรียนเป็นปกติประจำวันของเรา แต่วันนี้พิเศษหน่อยคือ หิ้วกระเป๋าที่ใส่รองเท้าวิ่งคู่ใจกับชุดซ้อม และชุดต่างๆ ใส่กระเป๋าไปด้วย แทบจะย้ายบ้านได้เลย555 เมื่อเลิกเรียน ก็เข้าห้องทีมกรีฑา เพื่อทำการประชุมทีมจากครูผู้ฝึกสอนและคุมทีม เราก็ตื่นเต้น ได้เจอทั้งพี่ๆน้องๆ ที่เป็นนักกรีฑาโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว หันมาต้อนรับ ทั้งรับน้องใหม่ ทั้งแกล้งทั้งหยอก แต่สนุกและเราสัมผัสถึงความเป็นครอบครัวเดียวกับของทีมกรีฑาของโรงเรียนที่นี่ จากนั้นก็ฟังครูชี้แจงประชุม ซึ่งจัดการแจกแจกว่าแต่ละคนจะได้แข่งระยะไหน เผอิญว่า ในทีมกรีฑา มีแต่นักวิ่งระยะสั้น คือ จำพวก วิ่ง 100 เมตร 200 เมตร 400 เมตร วิ่งผลัด อะไรทำนองนี้สำหรับประเภทลู่ ครูเลยมอบระยะให้เราคือ ระยะ 1500 เมตร กับระยะ 5000 เมตร (โดยรวมเราถนัด 1500 เมตรมากกว่า) ก็เลยทำการฝึกซ้อมและเก็บตัวด้วยกันจนถึงวันก่อนแข่ง 1 วันที่ครูจะปล่อยให้พักกลับบ้าน เมื่อตอนอยู่ร่วมกัน กินนอนร่วมกันกับพี่ๆน้องๆ บางครั้งมีการทำกิจกรรมร่วมกัน หยอกล้อแกล้งกันตามประสา มีเล่นเกมส์ยามว่างต่างๆนานา เห้ย มันได้อะไรมากกว่าการเป็นนักกรีฑาโรงเรียนเลยนะ แถมยังได้ฝึกระเบียบวินัยไปในตัวด้วย โดยตื่นเช้ามารุ่งเช้าก็ทำการฝึกซ้อมจากโปรแกรมซ้อมที่ครูได้วางไว้ให้ ซ้อมเสร็จก็อาบน้ำ รับประทานอาหารเช้า เดินไปเรียนด้วยกันกับพวกพี่ๆน้องๆที่อยู่ในทีมด้วยกันนี่แหล่ะ แยกกันเข้าแถวตามห้อง เข้าเรียน เมื่อตกเย็นเลิกเรียน ก็มาที่ห้องทีม เพื่อรอครูมาชี้แจงและรับโปรแกรมซ้อมในช่วงเย็นแล้วก็ไปซ้อม ซ้อมเสร็จก็เกือบค่ำ ก็ไปอาบน้ำ รับประทานอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัยส่วนตัว ใครจะออกไปซื้อขนมข้างนอกหรือเข้าเซเว่นหรือเดินเล่นที่ไหนก็ได้(แต่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ซึ่งโดยรวมเราและพี่ๆน้องในทีมก็มักจะเดินเข้าเซเว่นเพื่อหาขนม555 และเดินเล่นบริเวณโรงเรียนนั่นแหล่ะ) จากนั้นก็กลับห้องทีม ฟังครูประชุม แล้วก็เข้านอน ซึ่งนอนที่ห้องทีมนั่นแหล่ะ(แต่แยกชายหญฺิงนะ) เก็บตัวอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอด จนถึงวันก่อนแข่ง 1 วัน ครูก็ได้ปล่อยพัก เมื่อตกเย็นก็รับชุดแข่ง เราตื่นเต้นมาก นี่เรากำลังจะได้ลงแข่งรายการระดับจังหวัดแล้วหรอ ซึ่งเราไม่เคยลงแข่งระดับนี้ นี่คือครั้งแรกเลยเว้ย เมื่อถึงวันแข่ง ก็นั่งรถไปกันที่สนาม ก็นั่งประชุมกันที่พักนักกีฬาของโรงเรียนที่สนาม ได้เจอได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆนักกีฬาจากต่างโรงเรียนจากต่างสถาบัน และเมื่อถึงเราต้องลงแข่ง ซึ่งเราแข่งระยะ 5000 เมตรก่อน เป็นรายการแรกๆที่ต้องแข่งเช้า ยื่นตรวจสอบบัตรประจำตัวนักกีฬา พร้อมเดินลงสู่สนามเพื่อทำการแข่งขัน (ในใจเราแบบ เห้ย มันเป็นอะไรที่แบบดีสุดๆในชีวิตเราเลย ตื่นเต้นมากๆ) ซึ่งครูผู้คุมทีมก็ได้คอยเดินตามรั้วมาหาเรา แล้วบอกเราว่า ไม่ต้องสนใจผลแข่ง เต็มที่ก็พอนะ แล้วก็คอยสอนเทคนิคและวางแผนให้ว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละรอบ และเมื่อเสียงปืนปล่อยตัวดังขึ้น เราก็วิ่งไปตามที่เราได้ซ้อมมา แข่งไปแข่งมาเหลือเรากับอีกคนของต่างโรงเรียนคอยวิ่งตามหลังเรา เราก็แทบไม่เหลือแรงแล้วด้วย55 ก็เลยวิ่งเกาะคู่กัน มิตรภาพจะเกิดอะไรกันตรงนั้นก๊อนนนน!!!555 แต่เสียงผู้ชมที่นั่งบนอัฒจรรย์คอยปรบมือให้คอยเชียร์ให้กำลังใจในแต่ละรอบที่วิ่งผ่าน ก็เลยวิ่งจนจบการแข่งขัน แม้เราจะได้ผลออกมาแบบนี้ แต่เสียงเชียร์เสียงปรบมือทำให้เรามีกำลังใจดีๆมีความรู้สึกดีๆที่ทำให้วิ่งจบ และอีกเสียงข้างสนามอีกเสียงนึงที่คอยตะโกนบอกเราให้ทำอะไรพร้อมกับจดบันทึกให้เราในแต่ละรอบ นั่นคือคุณครูทีมกรีฑานั่นแล้ะ ผลเราออกมาแบบนี้ แต่ครูก็ไม่ว่าอะไรเราเลย ออกจะชมด้วยซ้ำว่าเราทำได้ตามที่ครูสั่งและแผนของแก เมื่อเข้าที่พักนักกีฬา เราก็บอกครูว่า เริ่มล้าๆ เหนื่อยๆ ในใจก็อยากถอนอีกระยะ แต่แกกลับพูดสวนเรามาว่า "จะถอดใจยังไงก็ให้นึกถึงชุดแข่งที่เธอใส่ เธอกำลังแบกชื่ออะไรมา แข่งจบดีกว่าถอดใจสู้นะ" โห มันรู้สึกฮึกเหิมเลยเว้ย ก็เลยสู้ และแล้วช่วงเย็นต้องลงแข่งระยะ 1500 เมตรต่อ ก็ทำเหมือนเดิมเหมือนตอนแข่งระยะแรกช่วงเช้า แต่คราวนี้ระยะถนัดเรา พร้อมกับนึกถึงคำพูดครูเมื่อกี้ เราเลยแบบฮึกเหิม เสียงปืนปล่อยตัวดังขึ้น ก็วิ่งไปให้ดีที่สุด แต่ผลก็คือ เราก็ยังได้ที่รองสุดท้ายเหมือนเดิม เมื่อเข้าที่พัก ครูก็คอยบอกว่า "เต็มที่แล้วก็ไม่มีอะไรเสียใจแล้ว" เพราะในระดับจังหวัด ต้องเจอพวกนักกรีฑาหัวกะทิทั้งนั้น ทั้งตัวทีมชาติ ตัวแถวหน้าของจังหวัด (เรายังห่างจากพวกเขาอีกเยอะ) จากนั้นก็คอยเชียร์พี่ๆน้องๆแข่งกันต่อตลอดระยะจนวันสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วเข้าเก็บตัวอีกทีในปีถัดไป แล้วเราก็ได้เล่นกรีฑาของโรงเรียนอีกปีเมื่อขึ้น ม.6 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนที่เราจะออกจากโรงเรียนเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
....กล่าวโดยสรุปจากการที่เราได้มีโอกาสได้เป็นนักกรีฑาโรงเรียนตลอด 2 ปี คือ เราได้รับอะไรเยอะมาก ทั้งเรื่องของระเบียบวินัยที่เก็บตัวซ้อม ทั้งได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ และได้รู้จักเพื่อนๆจากต่างโรงเรียนต่างสถาบันที่ถึงแม้ในสนามเราจะใส่กันเต็มที่ แต่นอกสนามมีแต่มิตรภาพ ทั้งได้เทคนิคต่างๆจากครูที่คอยคุมซ้อมและกำลังใจดีๆ และได้มีโอกาสได้เล่นในรายการใหญ่ระดับนี้ ได้สัมผัสกับรายการที่ต้องมาเจอกับคนเก่งๆ ทำให้ได้ประสบการณ์ต่างๆมากมาย จากที่เราได้แค่นั่งมองดูนักกรีฑาโรงเรียนบนอัฒจรรย์เอง จากที่ได้ดูแต่คนอื่นแข่ง จนได้มีโอกาสลงแข่งเอง มันเป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่เราไม่มีวันลืมเลยจริงๆ
....ท้ายนี้เราก็อยากฝากทุกคนหรือคนที่อยากจะเล่นกีฬาเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ไม่ว่าจะกีฬาอะไรก็แล้วแต่ ว่าโอกาสเมื่อมันมาหาเรา หรือเราได้รับมันแล้วนั้น ให้รีบรับเอาไว้เถอะ ให้รีบคว้าโอกาสไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป เพราะนั่นคือโอกาสที่ดีที่ทำให้เราได้แสดงในสิ่งที่เรารักเราชอบและแสดงความสามารถของเรา ผลจะออกมาแบบไหนก็ไม่สำคัญขอแค่ให้เราได้มีเวทีได้มีโอกาสได้แสดงความสามารถก็พอ แล้วมันจะเป็นความทรงจำ ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมได้ลงเลยกับการที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเด็กนักเรียนธรรมดาๆได้มาเป็นนักกีฬาตัวแทนโรงเรียน
....สำหรับใครที่มีเรื่องราวคล้ายกันกับเราสามารถแบ่งปันกันได้หรือใครอยากจะแชร์ประสบการณ์อะไรในสมัยเรียน ก็สามารถแชร์กันได้ เล่าแบ่งปันกันได้เลยนะ ปัจจุบันเราเรียนมหาลัยแล้วก็ได้แต่นั่งนึกย้อนอยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก555 ได้แต่นึกถึงแหล่ะ แต่กลับไปไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่กลับมาออกกำลังกาย ฝึกซ้อมตามประสาเราต่อไป
***ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องราวของเราจนจบนะค้าบบบ