“บ้าน” เป็นปัจจัย 4 เพื่อการดำรงชีวิตของทุกคน เมื่อหน้าที่การงาน รายได้ที่มั่นคงหลายคนก็อยากเติมเต็มความฝันด้วยการมีบ้านสักหลัง แต่การจะเตรียมตัวที่จะเป็นเจ้าของบ้านจะต้องคำถึงปัจจัยรอบตัวไม่ว่าจะเป็นการสำรวจ “รายได้” และ “ค่าใช้จ่าย” ของตนเองที่จะมีผลต่อความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ โดยหากมีค่าใช้จ่าย เช่น การผ่อนรถ บัตรเครดิต ในทุกๆเดือน ก็จะต้องประเมินว่าเหลือรายได้เท่าไรในการผ่อนชำระบ้าน เมื่อรู้แบบนี้แล้วจึงค่อยคิดหาซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสมกับรายได้แล้วนั้นเอง
หลังจากคำนวนค่าใช้จ่ายของตนเองแล้ว ก็สามารถหาแบบบ้านที่ถูกใจและเหมาะสมกับรายได้แล้ว จะต้องวางแผนสำหรับเงินดาวน์ประมาณ 5-30% ของราคาบ้าน ซึ่งมีหลายคนที่เลือกจ่ายเงินดาวน์ให้น้อยที่สุด ข้อดี คือ ใช้เงินตัวเองไม่เยอะ ข้อเสีย คือ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับดาวน์บ้านให้มากที่สุด เช่น 20% หรือ 30% ก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยในอนาคตได้ในขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินมักเกิดปัญหาการร้องเรียนตามมาในช่วงเวลานี้ หลังจากที่ผู้ซื้อได้มีการทำสัญญาและวางเงินจองซื้อบ้านกับผู้ประกอบธุรกิจ โดยปัญหาที่พบได้บ่อยๆ เกิดจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ใช้สิทธิยึดเงินจองในเงื่อนไขในสัญญา เนื่องจากผู้ซื้อไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้ผู้ซื้อไม่มีเงินมาชำระได้ตามสัญญาที่ตกลงกับผู้ประกอบธุรกิจ ในกรณีนี้จะถือว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยตามข้อสัญญาแล้วผู้ซื้อจะได้เงินคืนบ้างกรณีนอกเหนือจากเงินตามเงื่อนไขที่ตกลงในสัญญา เช่น การชำระค่างวดล่วงหน้า การชำระเงินดาวน์ ซึ่งจะเป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ประกอบธุรกิจตามมาตามมา
สคบ. จึงขอแนะนำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านควรตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองกับสถาบันการเงินในเบื้องต้น เพื่อประเมินความสามารถก่อนจะทำสัญญาจองหรือสัญญาจะซื้อจะขายกับผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อป้องกันปัญหาการผิดสัญญา และหากถูกเอาเปรียบหรือผู้ประกอบธุรกิจไม่คืนเงินดาวน์สามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำได้ที่สายด่วน สคบ. 1166
วางแผนสักนิดก่อน…คิดซื้อบ้าน
หลังจากคำนวนค่าใช้จ่ายของตนเองแล้ว ก็สามารถหาแบบบ้านที่ถูกใจและเหมาะสมกับรายได้แล้ว จะต้องวางแผนสำหรับเงินดาวน์ประมาณ 5-30% ของราคาบ้าน ซึ่งมีหลายคนที่เลือกจ่ายเงินดาวน์ให้น้อยที่สุด ข้อดี คือ ใช้เงินตัวเองไม่เยอะ ข้อเสีย คือ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสูง ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับดาวน์บ้านให้มากที่สุด เช่น 20% หรือ 30% ก็จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยในอนาคตได้ในขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินมักเกิดปัญหาการร้องเรียนตามมาในช่วงเวลานี้ หลังจากที่ผู้ซื้อได้มีการทำสัญญาและวางเงินจองซื้อบ้านกับผู้ประกอบธุรกิจ โดยปัญหาที่พบได้บ่อยๆ เกิดจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจได้ใช้สิทธิยึดเงินจองในเงื่อนไขในสัญญา เนื่องจากผู้ซื้อไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้ผู้ซื้อไม่มีเงินมาชำระได้ตามสัญญาที่ตกลงกับผู้ประกอบธุรกิจ ในกรณีนี้จะถือว่าผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยตามข้อสัญญาแล้วผู้ซื้อจะได้เงินคืนบ้างกรณีนอกเหนือจากเงินตามเงื่อนไขที่ตกลงในสัญญา เช่น การชำระค่างวดล่วงหน้า การชำระเงินดาวน์ ซึ่งจะเป็นปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ประกอบธุรกิจตามมาตามมา
สคบ. จึงขอแนะนำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านควรตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองกับสถาบันการเงินในเบื้องต้น เพื่อประเมินความสามารถก่อนจะทำสัญญาจองหรือสัญญาจะซื้อจะขายกับผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อป้องกันปัญหาการผิดสัญญา และหากถูกเอาเปรียบหรือผู้ประกอบธุรกิจไม่คืนเงินดาวน์สามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำได้ที่สายด่วน สคบ. 1166