ต้องขอท้าวความก่อนนะครับ ผมตามจีบคนๆนึงมาตั้งแต่สมัยเรียนปี1แล้ว แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่เล่นด้วยเลยจนผมรู้สึกว่าไปทำให้เธออึดอัดซะมากกว่าเพราะเธอก็บอกชัดเลยว่าไม่อยากมีใครและไม่ได้ชอบใครเลย ซึ่งผมก็เคารพการตัดสินใจของเธอเลยเป็นฝ่ายหยุดตื้อหยุดรุกเธอไปครับ แต่การหยุดของผมไม่ใช่ว่าตัดขาดเลยนะครับ เพราะผมพยายามมองว่าเธอเป็นเพื่อของผมคนนึง พวกเราสองคนมีงานอดิเรกเหมือนๆกัน ชอบอะไรคล้ายๆกันเลยทำให้เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ ผมเองก็คอยช่วยเหลือเธอมาตลอดเล็กน้อยบ้าง เรื่องใหญ่บ้างในนามเพื่อนม ซึ่งผมเองก็เริ่มทำใจได้และเปิดใจให้กับใครหลายๆคนเข้ามาใหม่ แต่ผมก็ยังไม่เจอคนที่ยังถูกใจอยู่ดี และดูเหมือนว่าเรื่องมันก็เหมือนจะจบลงอย่างงี้ใช่ไหมครับ
แต่เรื่องนี้มันมีภาคต่อน่ะสิครับ
เพราะต่อมาตอน ปี 3 เธอเริ่มที่จะคุยกับผมมากยิ่งขึ้น หนังที่ผมอยากดูเธอก็อยากดู เธอก็เป็นฝ่ายเข้ามาชวนผมไป ทั้งๆที่เมื่อตอนปี 1 ไม่ว่าผมจะชวนเธอไปไหน จะเป็นสิ่งที่เธอชอบหรือไม่เธอก็จะปฏิเสธผมทุกๆครั้งไป อย่างเช่นผมชวนเธอไปงานๆหนึ่งซึ่งเธอเองก็ตอบปฏิเสธผมว่าไม่อยากไปไม่ชอบไปงานแบบนี้ ซึ่งผมเองก็เข้าใจและไม่ได้ติดใจอะไร แต่ที่พีคคือเย็นวันนั้นผมเห็นเธอลงสตอรี่ไปที่งานกับเพื่อนี่สิครับ555
ที่นี้เราก็มาตต่อเรื่องของผมกันดีกว่า ด้วยความที่ผมก็รู้สึกพิเศษกับเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วผมเลยเริ่มกลับมาชอบเธอนี่สิครับ แต่ด้วยความที่เธอก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรผมก็เลยเผื่อใจเอาใว้เกิน80% เพราะเธออาจจะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือเธอมาตลอดรึเปล่า? แต่มีอยู่วันนึ่ง ที่ผมกับเขาได้มีโอกาสทำกิจกรรมของคณะในฝ่ายเดียวกัน มันเลยทำให้ผมกับเขามีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น ผมเองก็ได้คุยกับเธอแบบตัวต่อตัวมากขึ้น บางทีก็คุยนอกเรื่องไปต่างๆนาๆอารมณ์แบบคนที่มีสิ่งที่ชอบเหมือนๆกันคุยกัน ซึ่งผมเองรู้สึกดีมากๆ ที่ได้คุยกับเธอ และต่อมาประมารสองวันเธอก้มาบอกว่าชอบผม และอยากจะรู้ความรุ้สึกผม ซึ่งผมก็ตอบไปว่าก็ชอบเหมือนกัน เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะเพิ่มระดับความสัมพันธ์กัน ในระหว่างนั้นเราสองคนก็ไปคาเฟ่ ดูหนังกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เธอเริ่มเปิดใจเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัว และผมเองก็เริ่มเปิดใจเช่นกัน และเราสองคนก็ไม่ได้ปิดบังเพื่อนในคณะนะครับเพื่อคนอื่นก็รู้ประมาณว่าไม่เปิดตัวแต่ก็ไม่ปิดบัง(งงไหมครับ555) เพราะตอนปกติทั่วไปเราจะไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ ซึ่งสำหรับผมมันเป้นอะไรที่ดีมากๆ
แล้วเวลาก้ผ่านมาสองเดือนได้
มันมีจังหวะนึงที่ผมเผลอพูดเล่นว่าเราเป็นอะไรกัน เธอก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะเธอไม่อยากมีพันธะไม่อยากผูกมัด เธอต้องการอิสระ ซึ่งผมก็ไม่ค้านในเรื่องนี้ครับ ผมก็เลยถามว่าแล้วผมยังมีหวังไหมถ้าจะให้รอ เธอก็บอกว่าไม่ เพราะถ้าทำงานเธอก็ต้องไปทำงานที่บ้านเกิดซึ่งอยู่คนละที่กับผมอยู่ดี เธอชอบความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มากกว่าไม่อยากเป็นมากกว่านี้ แล้วผมเองก็ยังถามต่อไปอีกว่าลองเปิดใจได้ไหมจริงๆแล้วอาจจะดีก็ได้(แต่ในใจผมอยากบอกว่าเรื่องอิสระไม่ใช่ปัญหา ผมให้ได้ หรือเรื่องทำงานไกลบ้านผมก็มองว่าถ้าปัจจัยอื่นมันดีมันต้องมีทางออก ถ้ามันไปได้สวยจะให้ผมย้ายตามไปก็ยังได้เลยนะ555) แต่ผมก็ไม่อยากดึงมู้ดการคุยให้มันแย่ไปนานๆแลยถามแค่สั้นๆ แต่เธอก็ตอบว่าขอโทษจริงๆที่เธอเห็นแก่ตัวเธอไม่อยากผูกมมัดจริงๆ ผมจึงโอเคว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก่อนก็ได้...
เอาล่ะเข้ามาถึงประเด็นที่ผมอยากถามแล้ว
ผมเองคิดว่า ด้วยความที่เธอเป็นโสดมานานมีโลกส่วนตัวสูกมาก อันนี้จากที่ผมสังเกตนะครับ เพราะเธอเป็นสาววายที่ซึ่งผมไม่ติดอะไร จึงมีความติสและชอบการอยู่คนเดียวเป็นหลัก เลยอาจจะกลัวการผูกมัดไปก่อนรึปล่าว อารมณ์เหมือนตีตนไปก่อนใข้ อย่างตอนปี1ที่บอกว่าไม่อยากมีใครไม่ชอบใคร พอมาปี3ยังเปลี่ยนมาบอกชอบผมได้เลย ผมเลยอยากรู้ว่า ถ้าผมเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คอยเอาใจใส่ค่อยอยู่เป็นเพื่อนคุยเพื่อนดูหนัง ไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยไม่ได้สนระยะเวลาขนาดนั้น มันพอจะเปลี่ยนความคิดคนๆนึงได้ไหมครับ เหมือนกับว่าค่อยๆเข้าไปใกล้เซฟโซนของเขาทีละนิดๆ มันจะพอเป็นไปได้ไหมครับ
จนบางทีผมเองก็คิดว่าผมรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเธอเร็วเกินไปรึเปล่า 2 เดือนนี่มันน้อยมากเลยนะถ้าหลายๆเดือนถึงเกือบปีว่าไปอย่าง แต่หลังจากวันนผมก็หยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ และอยากลองมาถามเพื่อนๆพี่ๆ เพิ่มเติมจากเพื่อนที่ผมได้ไปคุยด้วยคนสองคน เพราะผมมีเพื่อนที่ใว้ใจน้อยน่ะครับ555
ป.ล.ถ้าเพื่อนที่มาอ่านรู้ว่าเป็นผมช่วยเหยียบใว้ทีนะครับ ผมยังอยากจะคีพบุคลิกเฮฮาสนุกสนานอยู่ไม่อยากให้ใครมามองว่าผมอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้น่ะครับ
คนที่ไม่อยากผูกมัดหรือจริงจังในความสัมพันธ์นี่ เขามีโอกาสที่จะเปลี่ยนความคิดไหมครับ
แต่เรื่องนี้มันมีภาคต่อน่ะสิครับ
เพราะต่อมาตอน ปี 3 เธอเริ่มที่จะคุยกับผมมากยิ่งขึ้น หนังที่ผมอยากดูเธอก็อยากดู เธอก็เป็นฝ่ายเข้ามาชวนผมไป ทั้งๆที่เมื่อตอนปี 1 ไม่ว่าผมจะชวนเธอไปไหน จะเป็นสิ่งที่เธอชอบหรือไม่เธอก็จะปฏิเสธผมทุกๆครั้งไป อย่างเช่นผมชวนเธอไปงานๆหนึ่งซึ่งเธอเองก็ตอบปฏิเสธผมว่าไม่อยากไปไม่ชอบไปงานแบบนี้ ซึ่งผมเองก็เข้าใจและไม่ได้ติดใจอะไร แต่ที่พีคคือเย็นวันนั้นผมเห็นเธอลงสตอรี่ไปที่งานกับเพื่อนี่สิครับ555
ที่นี้เราก็มาตต่อเรื่องของผมกันดีกว่า ด้วยความที่ผมก็รู้สึกพิเศษกับเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วผมเลยเริ่มกลับมาชอบเธอนี่สิครับ แต่ด้วยความที่เธอก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรผมก็เลยเผื่อใจเอาใว้เกิน80% เพราะเธออาจจะอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือเธอมาตลอดรึเปล่า? แต่มีอยู่วันนึ่ง ที่ผมกับเขาได้มีโอกาสทำกิจกรรมของคณะในฝ่ายเดียวกัน มันเลยทำให้ผมกับเขามีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น ผมเองก็ได้คุยกับเธอแบบตัวต่อตัวมากขึ้น บางทีก็คุยนอกเรื่องไปต่างๆนาๆอารมณ์แบบคนที่มีสิ่งที่ชอบเหมือนๆกันคุยกัน ซึ่งผมเองรู้สึกดีมากๆ ที่ได้คุยกับเธอ และต่อมาประมารสองวันเธอก้มาบอกว่าชอบผม และอยากจะรู้ความรุ้สึกผม ซึ่งผมก็ตอบไปว่าก็ชอบเหมือนกัน เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะเพิ่มระดับความสัมพันธ์กัน ในระหว่างนั้นเราสองคนก็ไปคาเฟ่ ดูหนังกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เธอเริ่มเปิดใจเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟังทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัว และผมเองก็เริ่มเปิดใจเช่นกัน และเราสองคนก็ไม่ได้ปิดบังเพื่อนในคณะนะครับเพื่อคนอื่นก็รู้ประมาณว่าไม่เปิดตัวแต่ก็ไม่ปิดบัง(งงไหมครับ555) เพราะตอนปกติทั่วไปเราจะไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ ซึ่งสำหรับผมมันเป้นอะไรที่ดีมากๆ
แล้วเวลาก้ผ่านมาสองเดือนได้
มันมีจังหวะนึงที่ผมเผลอพูดเล่นว่าเราเป็นอะไรกัน เธอก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน เพราะเธอไม่อยากมีพันธะไม่อยากผูกมัด เธอต้องการอิสระ ซึ่งผมก็ไม่ค้านในเรื่องนี้ครับ ผมก็เลยถามว่าแล้วผมยังมีหวังไหมถ้าจะให้รอ เธอก็บอกว่าไม่ เพราะถ้าทำงานเธอก็ต้องไปทำงานที่บ้านเกิดซึ่งอยู่คนละที่กับผมอยู่ดี เธอชอบความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มากกว่าไม่อยากเป็นมากกว่านี้ แล้วผมเองก็ยังถามต่อไปอีกว่าลองเปิดใจได้ไหมจริงๆแล้วอาจจะดีก็ได้(แต่ในใจผมอยากบอกว่าเรื่องอิสระไม่ใช่ปัญหา ผมให้ได้ หรือเรื่องทำงานไกลบ้านผมก็มองว่าถ้าปัจจัยอื่นมันดีมันต้องมีทางออก ถ้ามันไปได้สวยจะให้ผมย้ายตามไปก็ยังได้เลยนะ555) แต่ผมก็ไม่อยากดึงมู้ดการคุยให้มันแย่ไปนานๆแลยถามแค่สั้นๆ แต่เธอก็ตอบว่าขอโทษจริงๆที่เธอเห็นแก่ตัวเธอไม่อยากผูกมมัดจริงๆ ผมจึงโอเคว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก่อนก็ได้...
เอาล่ะเข้ามาถึงประเด็นที่ผมอยากถามแล้ว
ผมเองคิดว่า ด้วยความที่เธอเป็นโสดมานานมีโลกส่วนตัวสูกมาก อันนี้จากที่ผมสังเกตนะครับ เพราะเธอเป็นสาววายที่ซึ่งผมไม่ติดอะไร จึงมีความติสและชอบการอยู่คนเดียวเป็นหลัก เลยอาจจะกลัวการผูกมัดไปก่อนรึปล่าว อารมณ์เหมือนตีตนไปก่อนใข้ อย่างตอนปี1ที่บอกว่าไม่อยากมีใครไม่ชอบใคร พอมาปี3ยังเปลี่ยนมาบอกชอบผมได้เลย ผมเลยอยากรู้ว่า ถ้าผมเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คอยเอาใจใส่ค่อยอยู่เป็นเพื่อนคุยเพื่อนดูหนัง ไปไหนมาไหนด้วยกัน โดยไม่ได้สนระยะเวลาขนาดนั้น มันพอจะเปลี่ยนความคิดคนๆนึงได้ไหมครับ เหมือนกับว่าค่อยๆเข้าไปใกล้เซฟโซนของเขาทีละนิดๆ มันจะพอเป็นไปได้ไหมครับ
จนบางทีผมเองก็คิดว่าผมรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเธอเร็วเกินไปรึเปล่า 2 เดือนนี่มันน้อยมากเลยนะถ้าหลายๆเดือนถึงเกือบปีว่าไปอย่าง แต่หลังจากวันนผมก็หยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ และอยากลองมาถามเพื่อนๆพี่ๆ เพิ่มเติมจากเพื่อนที่ผมได้ไปคุยด้วยคนสองคน เพราะผมมีเพื่อนที่ใว้ใจน้อยน่ะครับ555
ป.ล.ถ้าเพื่อนที่มาอ่านรู้ว่าเป็นผมช่วยเหยียบใว้ทีนะครับ ผมยังอยากจะคีพบุคลิกเฮฮาสนุกสนานอยู่ไม่อยากให้ใครมามองว่าผมอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้น่ะครับ