สวัสดีค่ะนี่เป็นกระทู้ที่2ของเราค่ะ จะมาแชร์ประสบการณ์+ขอแนวคิด+ขอกำลังใจนิดหน่อยให้แม่เลี้ยงแบบเราหน่อยนะคะ
เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ตรวจเจอ2ขีดที่ไม่ใช่โควิดแล้วค่ะช่วงนั้นโควิดกำลังระบาดใหม่ๆ ค่าใช้จ่ายความรับผิดชอบของลูกคือเรา100%ค่ะ (โชคดีที่ยายๆคอยเลี้ยงให้เวลาไปทำงาน น้องสาวช่วยบ้างเวลาเราไม่ไหวจริงๆ) ตอนนี้น้องอายุ1ขวบ5เดือนแล้วค่ะ ร่างกายแข็งแรง เริ่มพูดได้หลายคำแล้ว กินเก่ง ชอบอ่านคำศัพท์ต่างๆ และซนแสบซ่าส์มากๆๆๆๆสงสารยายวิ่งไล่จับทุกวัน ตั้งแต่รู้ว่าท้องอุ้มท้องไปฝากครรภ์ ขับรถไปหาหมอคนเดียวตามนัดจนวันคลอดก็ขับไปคลอดเอง วันคลอดมีแม่เราไปนั่งรอหน้าห้องผ่าตัด(เราผ่าคลอดค่ะ)มีคุณพยาบาล อาจารย์หมอ น้องๆนศพ. เข้าร่วมผ่าคลอดครั้งนี้น้องๆเดินมาบีบมือให้กำลังใจตลอดเวลาที่อยู่ในห้องคลอด 3วัน2คืนที่อยู่รพ.คือทรหดมากค่ะช่วยเหลือตัวเองให้ได้ตั้งแต่หลังผ่า ไม่มีใครมาเฝ้าค่ะ และเราเลยตัดสินใจอยู่ห้องรวม อุ้มลูกด้วยมือเดียวหอบท้องแผลผ่าคลอดอีกมือ5555 วันจะออกจะออกจากรพ.ก็หอบสังขารตัวเองชุดรพ.+สายน้ำเกลือ ออกไปแจ้งเกิดลูก ฝากลูกไว้กับพี่ที่ทำงานที่แวะมาเยี่ยมและน้องๆนศ.พยาบาล ตอบแทนน้ำใจน้องด้วยกาแฟคนละแก้ว เดินบันไดใช่ค่ะบันไดจากชั้น3ห้องท้องแผลผ่าคลอดเดินมาหน้ารพ.แล้วต่อtaxi ไปที่อำเภอซึ่งห่างจากรพ.1km.มีแม่กับยายนั่งไปข้างๆขอบคุณมากกกกที่อยู่ข้างๆมาตลอด ไปถึงก็แจ้งเกิดน้องค่ะจนท.ถามว่าจะใส่ชื่อพ่อน้องไหม เราตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ค่ะ เขาไม่ให้ใส่ เพราะก็โทรเขาในวันนั้นตอนนั้นพอดี
ส่วนพ่อของลูกไม่สิ!!คนที่ทำให้เขาเกิดมา ไม่เคยมาแยแสและดูดำดูดีใดๆทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คำพูดถามไถ่ ไม่เคยมาดูมาหาตั้งแต่วันที่บอกเขาว่าท้องจนปัจจุบันเงินแม้แต่บาทเดียวก็ไม่เคยให้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะต่างคนต่างอยู่ มีแต่ทัก/โทรมายืมเงินเรา(ถ้าเคยช่วยเหลือเราจะพร้อมที่จะช่วยนะคะแต่นี่ไม่เคยเลยขอเป็นคนใจร้ายแล้วกันไม่ให้ยืม) ทักมาด่ามาว่าเราหาว่าลูกเราไม่ใช่ลูกเขา แล้วก็นัดเราจะขอตรวจDNAแต่พอใกล้วันจริงๆก็ไม่มา นัดมา3รอบก็ไม่มา3รอบ สรุป!!ก็ต่างคนต่างไปต่างใช้ชีวิตของใครของมันค่ะ
ส่วนพ่อแม่เขา(ปู่,ย่า ลูกเรา)เขาก็ไม่เคยโทรมาหาเลยแม้แต่สายเดียวหรือมาหามาเยี่ยมอะไรเรากับลูกตั้งแต่วันแรกที่เราโทรไปบอกว่าเราท้องกับลูกชายเขาค่ะ ไม่มีประโยคถามไถ่ ไม่มีมาหา ไม่มีเลย บางทีเราก็น้อยใจนะคะว่าเขาเป็นถึงพ่อแม่คนแล้วทำไมเขาใจร้ายกับเรากับลูกจังแต่ก็นั่นล่ะค่ะผ่านมานานแล้ว ตั้งแต่กลางปี63จนปัจจุบันกลางปี65
ยอมรับนะคะว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆๆแต่ก็ยอมเหนื่อยยอมทำเพื่อตัวเราและลูก แอบอิจฉาคนที่เขามีพ่อของลูกมาคอยช่วยซัพพอร์ตกันและกัน แอบน้อยใจในหลายๆอย่าง กังวลกลัวว่าตัวเองจะเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ และแอบกลัวการตอบคำถามเรื่องพ่อเขามากถ้าเขาถามก็จะตอบตามความจริงไปค่ะแต่ถ้าไม่ถามก็แล้วไป
ส่วนตัวเรานั้นเรื่องงานตอนนี้ไม่ไหวกับที่เก่าแล้วค่ะงืออออได้เงินเดือนน้อย3จะ4ปีไม่ขยับเลยแถมไม่มีคนสนับสนุนอีกต่างหากเห้อท้อแท้ใจมากๆเลยค่ะยิ่งหัวหน้านะอืมมมมมมมมมยาวๆเลยค่ะ ฟหกด่าสว สุดจะบรรยายใช้งานคุ้มค่าจ้างจริงๆค่ะเงินเดือนตอนนี้ 16k(รวมเบี้ยขยัน+ค่าที่พัก1000บาท)สวัสดิการอื่นๆก็เบสิคที่ได้รับค่ะไม่เอาเปรียบแต่ไม่ได้มีออฟชั่นเสริมมากไปกว่านี้ค่ะแต่มันใกล้บ้านห่างจากบ้าน16km. เคยมีที่เรียกไปสัมฯแล้วเสนอให้21k(ไม่รวมค่าที่พัก,ค่าเดินทาง,ค่าเบี้ยขยัน,ค่าครองชีพ,OT)แต่แม่ไม่ให้ไปอ้างว่ารอให้ลูกได้สัก5ขวบก่อนค่อยไปงี้ ซึ่งเราเสียดายมากๆเลยค่ะที่ปฏิเสธไปมันตรงกับที่เราทำงานตอนนี้ กว่าจะหาได้ใหม่ก็คงนาน ทนก้มหน้าก้มตาทำต่อไป เพราะงานหายากยังตกงานไม่ได้เพราะเรามีอีก1ชีวิตที่ยังรอเราอยู่จะอดไม่ได้ ต้องอิ่มและอุ่นเสมอ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้พร้อมให้มากให้ดีขึ้นแล้วจะยื่นเรซูเม่อีกครั้งต้องปังค่ะ
ปล.เราต้องมีดีลงานกับคนที่ทำให้ลูกเราเกิดบ่อยๆเราทำใจไม่ค่อยได้ค่ะมันเจ็บมันจุกมันไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงแต่ต้องทนทำเพราะยังหาที่ใหม่ไม่ได้
ปล.ค่าใช้จ่ายส่วนตัว งวดรถยนต์+นม+แพสเพิส+เน็ตรายเดือน+อื่นๆๆๆ งวดรถหนักมากค่ะถ้าไม่มีคือบอกเลยว่าสบายมากๆๆค่ะ(เหนื่อยกับงวดลดมากๆค่ะผ่อนมาจะ4ปีแล้วค่ะ)
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ
มาขอคำแนะนำและกำลังใจนิดหน่อยค่ะ
เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ตรวจเจอ2ขีดที่ไม่ใช่โควิดแล้วค่ะช่วงนั้นโควิดกำลังระบาดใหม่ๆ ค่าใช้จ่ายความรับผิดชอบของลูกคือเรา100%ค่ะ (โชคดีที่ยายๆคอยเลี้ยงให้เวลาไปทำงาน น้องสาวช่วยบ้างเวลาเราไม่ไหวจริงๆ) ตอนนี้น้องอายุ1ขวบ5เดือนแล้วค่ะ ร่างกายแข็งแรง เริ่มพูดได้หลายคำแล้ว กินเก่ง ชอบอ่านคำศัพท์ต่างๆ และซนแสบซ่าส์มากๆๆๆๆสงสารยายวิ่งไล่จับทุกวัน ตั้งแต่รู้ว่าท้องอุ้มท้องไปฝากครรภ์ ขับรถไปหาหมอคนเดียวตามนัดจนวันคลอดก็ขับไปคลอดเอง วันคลอดมีแม่เราไปนั่งรอหน้าห้องผ่าตัด(เราผ่าคลอดค่ะ)มีคุณพยาบาล อาจารย์หมอ น้องๆนศพ. เข้าร่วมผ่าคลอดครั้งนี้น้องๆเดินมาบีบมือให้กำลังใจตลอดเวลาที่อยู่ในห้องคลอด 3วัน2คืนที่อยู่รพ.คือทรหดมากค่ะช่วยเหลือตัวเองให้ได้ตั้งแต่หลังผ่า ไม่มีใครมาเฝ้าค่ะ และเราเลยตัดสินใจอยู่ห้องรวม อุ้มลูกด้วยมือเดียวหอบท้องแผลผ่าคลอดอีกมือ5555 วันจะออกจะออกจากรพ.ก็หอบสังขารตัวเองชุดรพ.+สายน้ำเกลือ ออกไปแจ้งเกิดลูก ฝากลูกไว้กับพี่ที่ทำงานที่แวะมาเยี่ยมและน้องๆนศ.พยาบาล ตอบแทนน้ำใจน้องด้วยกาแฟคนละแก้ว เดินบันไดใช่ค่ะบันไดจากชั้น3ห้องท้องแผลผ่าคลอดเดินมาหน้ารพ.แล้วต่อtaxi ไปที่อำเภอซึ่งห่างจากรพ.1km.มีแม่กับยายนั่งไปข้างๆขอบคุณมากกกกที่อยู่ข้างๆมาตลอด ไปถึงก็แจ้งเกิดน้องค่ะจนท.ถามว่าจะใส่ชื่อพ่อน้องไหม เราตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ค่ะ เขาไม่ให้ใส่ เพราะก็โทรเขาในวันนั้นตอนนั้นพอดี
ส่วนพ่อของลูกไม่สิ!!คนที่ทำให้เขาเกิดมา ไม่เคยมาแยแสและดูดำดูดีใดๆทั้งสิ้น ไม่มีแม้แต่คำพูดถามไถ่ ไม่เคยมาดูมาหาตั้งแต่วันที่บอกเขาว่าท้องจนปัจจุบันเงินแม้แต่บาทเดียวก็ไม่เคยให้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะต่างคนต่างอยู่ มีแต่ทัก/โทรมายืมเงินเรา(ถ้าเคยช่วยเหลือเราจะพร้อมที่จะช่วยนะคะแต่นี่ไม่เคยเลยขอเป็นคนใจร้ายแล้วกันไม่ให้ยืม) ทักมาด่ามาว่าเราหาว่าลูกเราไม่ใช่ลูกเขา แล้วก็นัดเราจะขอตรวจDNAแต่พอใกล้วันจริงๆก็ไม่มา นัดมา3รอบก็ไม่มา3รอบ สรุป!!ก็ต่างคนต่างไปต่างใช้ชีวิตของใครของมันค่ะ
ส่วนพ่อแม่เขา(ปู่,ย่า ลูกเรา)เขาก็ไม่เคยโทรมาหาเลยแม้แต่สายเดียวหรือมาหามาเยี่ยมอะไรเรากับลูกตั้งแต่วันแรกที่เราโทรไปบอกว่าเราท้องกับลูกชายเขาค่ะ ไม่มีประโยคถามไถ่ ไม่มีมาหา ไม่มีเลย บางทีเราก็น้อยใจนะคะว่าเขาเป็นถึงพ่อแม่คนแล้วทำไมเขาใจร้ายกับเรากับลูกจังแต่ก็นั่นล่ะค่ะผ่านมานานแล้ว ตั้งแต่กลางปี63จนปัจจุบันกลางปี65
ยอมรับนะคะว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆๆแต่ก็ยอมเหนื่อยยอมทำเพื่อตัวเราและลูก แอบอิจฉาคนที่เขามีพ่อของลูกมาคอยช่วยซัพพอร์ตกันและกัน แอบน้อยใจในหลายๆอย่าง กังวลกลัวว่าตัวเองจะเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ และแอบกลัวการตอบคำถามเรื่องพ่อเขามากถ้าเขาถามก็จะตอบตามความจริงไปค่ะแต่ถ้าไม่ถามก็แล้วไป
ส่วนตัวเรานั้นเรื่องงานตอนนี้ไม่ไหวกับที่เก่าแล้วค่ะงืออออได้เงินเดือนน้อย3จะ4ปีไม่ขยับเลยแถมไม่มีคนสนับสนุนอีกต่างหากเห้อท้อแท้ใจมากๆเลยค่ะยิ่งหัวหน้านะอืมมมมมมมมมยาวๆเลยค่ะ ฟหกด่าสว สุดจะบรรยายใช้งานคุ้มค่าจ้างจริงๆค่ะเงินเดือนตอนนี้ 16k(รวมเบี้ยขยัน+ค่าที่พัก1000บาท)สวัสดิการอื่นๆก็เบสิคที่ได้รับค่ะไม่เอาเปรียบแต่ไม่ได้มีออฟชั่นเสริมมากไปกว่านี้ค่ะแต่มันใกล้บ้านห่างจากบ้าน16km. เคยมีที่เรียกไปสัมฯแล้วเสนอให้21k(ไม่รวมค่าที่พัก,ค่าเดินทาง,ค่าเบี้ยขยัน,ค่าครองชีพ,OT)แต่แม่ไม่ให้ไปอ้างว่ารอให้ลูกได้สัก5ขวบก่อนค่อยไปงี้ ซึ่งเราเสียดายมากๆเลยค่ะที่ปฏิเสธไปมันตรงกับที่เราทำงานตอนนี้ กว่าจะหาได้ใหม่ก็คงนาน ทนก้มหน้าก้มตาทำต่อไป เพราะงานหายากยังตกงานไม่ได้เพราะเรามีอีก1ชีวิตที่ยังรอเราอยู่จะอดไม่ได้ ต้องอิ่มและอุ่นเสมอ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้พร้อมให้มากให้ดีขึ้นแล้วจะยื่นเรซูเม่อีกครั้งต้องปังค่ะ
ปล.เราต้องมีดีลงานกับคนที่ทำให้ลูกเราเกิดบ่อยๆเราทำใจไม่ค่อยได้ค่ะมันเจ็บมันจุกมันไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงแต่ต้องทนทำเพราะยังหาที่ใหม่ไม่ได้
ปล.ค่าใช้จ่ายส่วนตัว งวดรถยนต์+นม+แพสเพิส+เน็ตรายเดือน+อื่นๆๆๆ งวดรถหนักมากค่ะถ้าไม่มีคือบอกเลยว่าสบายมากๆๆค่ะ(เหนื่อยกับงวดลดมากๆค่ะผ่อนมาจะ4ปีแล้วค่ะ)
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ