มารีวิว (?) การผ่าตัดรอบ 2 ค่ะ ไม่ติดใจการผ่าตัดนะคะ แต่แบบหมออีกโรงบาลที่จะทำการฉายรังสีให้ เขาบอกว่ายังเหลือเนื้องอกใหญ่ไปรังสีอาจจะรักษาไม่ไหว เอาออกอีก
มาเริ่มเลยนะคะ
เรื่องของการผ่าครั้งที่ 2 นี่เริ่มมาจากกการถูกส่งตัวไปฉายรังสีเพื่อรักษาเนื้องอกต่อที่อีกโรงบาล เนื่องจากโรงบาลที่ทำการผ่าตัดไม่มีแผนกฉายารังสีค่ะ การไปอีกโรงบาลก็ค่อนข้างวุ่นๆค่ะ แบบไปวันแรกคือต้องที่แผนกศัลยกรรมก่อน พอเจอหมอศัลยกรรมเสร็จถึงจะถูกส่งไปที่แผนกรังสีได้ ที่แผนกรังสีก็วุ่นไม่แพ้กันพอไปถึงจะถูกลงประวัติอย่างเดียว แล้วนัดมาพบวันอื่น แล้วพอมาถึงวันพบหมอรังสีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไรอีก เพราะเอกสารไม่ครบ หมอให้ไปเอาเอกสารมาเพิ่มก่อน เอกสารที่ต้องการเพิ่มก็ผลตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติมที่ละเอียดกว่านี้ ผลสแกนก่อนผ่าตัดกับหลังผ่าตัด และใบนัดครั้งต่อไป กลายเป็นว่าครั้งนี้ก็ไม่ได้อะไรอีกแล้ว เราเลยต้องเดินทางไปรพ.ที่ผ่าตัดเรา ไปยื่นเรื่องตรวจเนื้อเพิ่มเติม ขอผลสแกนก่อนผ่าตัด ตอนแรกเขาก็บอกให้ไปแล้วไงอยู่ในแผ่น cd ที่ให้ไป เราเลยต้องบอกว่าหมอดูแล้วค่ะ แต่ในนั้นไม่มีมีแต่สแกนส่วนอื่นที่ไม่ใช่ส่วนหัวที่เราผ่าตัด เจ้าหน้าที่เลยแจ้งว่าต้องไปเอาที่รพ.ที่คุณสแกน เราฟังเสร็จนี่แทบล้มเพราะต้องไปต่ออีกเหรอ (เราไม่มั่นใจว่าเพราะเป็นข้อมูลส่งต่อมารึเปล่า เขาเลยส่งต่อไม่ได้ ) แล้วเราก็ต้องไปอีกแผนกเพื่อทำเรื่องสแกนหลังผ่าตัด ก็ไปยื่นเรื่องไว้ พยาบาลบอกยังสแกนไม่ได้นะคะ ต้องทำเรื่องขออนุมัติก่อนเดี๋ยวจะโทรไปเรียกให้มาสแกนนะคะ หลังจากนั้นเราก็ต้องเดินทางไปอีกรพ.เพื่อทำเรื่องขอผลสแกนก่อนผ่าตัด ก็พอไปถึงรพ.ก็ยื่นเรื่องไปว่าต้องการผลก่อนตัด ตอนที่มาแบบฉุกเฉินเขาก็ทำ cd ให้เราพร้อมค่าใช้จ่ายอีก 180 บาท เสร็จหมอนี่เราแทบทรุดคือเหนื่อยมาก แต่ละที่ก็ค่อนข้างไกลด้วย กว่าจะถึงบ้านคือเกือบสลบ
หลังจากนั้นไม่นานมากทางโรงบาลก็ให้เราไปรับใบส่งตัวไป MRI ที่ภายนอก เพราะเป็นเครื่องที่โรงบาลไม่มี สถานที่เราไป MRI ดูแลดีมากๆเลยค่ะ เราาได้เข้าเครื่อง mri แบบ 40 นาทีไป เครื่องหนวกหูไปซักหน่อยแต่ยังดีที่มีเครื่องอุดหูให้ ไม่งั้นคงแย่แน่ๆ รอเวลาออกฟิล์ม+cdประมาณ 1.30 ชม.ได้ พอได้ผล MRI เราต้องเอากลับไปที่โรงบาลผ่าตัดเราด้วย เพื่อยื่อผลการ MRI
แล้วก็มาถึงวันพบหมอรังสี มาแบบของที่ต้องการไม่ครบด้วย ขายผลตรวจชิ้นเนื้อไป เพราะผลยังไม่ออก แต่พอหมอเห็นผลสแกนหลังผ่าแล้ว บอกไปผ่าอีกรอบเถอะนะ ยังเหลือเยอะไปอาจจะฉายรังสีไม่ได้ผล (คือของเราเหลือประาณ 5 ซม.) เรานี่แทบเป็นลมอีกรอบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเราไม่อยากโดนผ่าอีกแล้ว หมอเลยบอกลองคิดดูดีนะ แต่จะทำนัดเครื่องฉายรังสีไว้ให้ก่อน แต่ไปคิดดูให้ดีๆละ แล้วก็วันนี้จะส่งไปคุยกับหมอศัลยกรรมดูจะได้คิดดีๆอีกรอบ เลยได้ไปคุยหมอศัลยกรรมอีกรอบซึ่งออกมมาหมือนกันเลยว่าควรผ่าอีกรอบก่อน แล้วค่อยฉายรังสี แล้วเขาก็ทำจดหมายแนะนำกลับไปหาหมอต้นทางให้ เราเลยไปคุยกับหมอผ่าตัดเราต่อว่าทางหมอรังสีเขาแจ้งมาว่าเนื้องอกยังใหญ่ไปอาจทำให้ฉายรังสีรักษาไม่ได้ผลได้ พอหมอได้ฟังแบบนั้นก็เลยจะผ่ารอบ 2 ให้ แต่หมอเขาก็บอกเลยว่าจะอาจเจอผลข้างเคียงเพิ่มนะ เพราะเอาออกมากขึ้น เรานี่ได้แต่บอกหมอช่วยลดผลข้างเคียงด้วยเถอะค่ะ ที่บ้านไม่แข็งแรงมาช่วยดูแลเราขนาดนั้นแล้ว จากนั้นหมอก็ให้พรุ่งนี้มาเข้ารพ.ได้เลย เพราะต้องเตรียมตัวก่อนผ่าตัดวันพฤ. (อันนี้เป็นการรีบของเราเอง ไม่ต้องตกใจนะคะ)
วันรุ่งขึ้นก็มาเตรียมตัวทั้งหมดที่โรงบาลค่ะ คือโกนหัว และใส่สายปัสสาวะ (ยังไงเราก็เกลียดสายปัสสาวะจริงๆ) แล้วก็ตื่นมารับวันผ่าแล้วค่ะ ก็เหมือนครั้งที่แล้วเลยคือวางยาสลบไป ไม่รู้สึกตัวตอนผ่าเหมือนเดิม ไปรู้สึกตัวตอนอยู่ห้อง icu เหมือนเดิม มีสายพ่วงเต็มตัวเหมือนเดิมคือ สายน้ำเกลือ+สายยา สายปัสสาวะ สายระบายเลือด แต่อาการหนักกว่าที่แล้วเพราะคราวนี้เราเป็นไข้และต้องให้ท่อออกซิเจนแบบสอดคอเลย (ครั้งที่แล้วไม่หนักขนาดนี้ จะได้แบบอันเล็กๆเสียบจมูก) และโดนมัดแขนมัดขา (อันนี้เพราะเรางอแงเพราะความเจ็บด้วยเป็นอะไรที่ไม่ดีนะคะ ไม่ควรงอแงแบบเราแต่เราไม่ไหวจริง) เวลาเสียบท่อนี้จะมีการดูดเสมหะออกจากคอเป็นพักๆด้วย อันนี้ยิ่งเจ็บสำหรับเราซะเราดิ้นเลย สงสารพยาบาลที่ต้องดูแลเราเลย แล้วเหมือนอาการหนักประมาณนึงด้วยทางพยาบาลเอาเลือดไปตรวจแล้วค่าน่าตกระนาว เลยต้องให้เลือดเพิ่ม แล้วประมาณวันที่ 2 นี่คือต้องให้อาหารทางสายจมูกเนืองจากกินอาหารไม่ได้ แต่วันที่ 3 นี่คืออาการดีขึ้นเยอะมาก ท่อออกซิเจนก็ลดเหลือแค่สายแบบเล็กๆ ที่เสียบทางจมูก สายอาหารทางจมูกก็ถอดกับสายน้ำเกลือก็ถอดออกแล้ว ตอนนี้เหลือแต่สายระบายเลือดอย่างเดียวแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ถูกย้ายไปห้องปกติต่อก็อยู่ต่อยาวๆเกือบ 2 อาทิตย์เหมือนครั้งที่แล้ว มีฉีดยาทุก 6 ชม. เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ยาแรงขึ้นทำเส้นเลือดแสบบ่อยมาก จนเราต้องเจาะเส้นใหม่เรื่อยๆเลย แต่พยาบาลก็บอกไว้แล้วว่ายานี้แรง ต้องเจาะเส้นใหม่เป็นพักๆ ของเราคือเจาะใหม่ไป 6 รอบได้ (อันนี้พยายาลบอกเพราะเส้นเล็ก แล้วเหมือนจะบางด้วยเลยเปลี่ยนบ่อยขึ้น) แต่ที่ขัดใจที่สุดตอนอยู่ห้องปกติคืออาหารเป็นอาหารอ่อนค่ะ เป็นอาหารอ่อนทุกวันทุกมื้อที่อยู่เลย เราเบื่อไปเลย 555+ ที่เหลือก็คล้ายๆ เดิมค่ะ แบบเบื่อๆ หน่อยเพราะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ เราก็แบบเล่นมือถือ เดินไปมา อ่านนิยาย นอนกลางวันไปเรื่อง
สำหรับสายระบายเลือดก็คล้ายคราวที่แล้วคือเอาหลังมาอยู่ห้องปกติได้ 3-4 วัน อันนี้ต้องขึ้นกัยร่างกายคนนะคะ ถ้าเลือดหยุดเพิ่มปริมาณก็สามารถเอาได้ และการเอาออกได้คือดีค่ะ มันอาบน้ำได้ซะที เพราะที่ผ่านมาคือเช็ดตัวอย่างเดียวเลย ยังไงมันก็ไม่สดชื่นเท่าอาบน้ำ
หลังจากเวลาผ่านไปก็มาถึงเวลาระบมค่ะ คือการถอดแม็กเย็บนี่เองครั้งนี้ก็ 2 วันเหมือนเดิมค่ะ ถอดแบบวันละตัวเว้นตัว ถอดเสร็จก็คือปวดระบมจนต้องขอพาราไปเลย แต่ครั้งนี้หลังถอดเสร็จยังต้องอยู่โรงบาลเพิ่มอีกวัน เพราะวันรุ่งขึ้นเขาจะพาไปสแกน mri นอกสถานที่เพื่อเอาผลหลังผ่าตัดไปให้หมอรังสี
สำหรับวันพา mri คือไปแต่เช้าเลยค่ะ พารับเราตอนประมาณ 7 โมง มาเจอเราพึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังแต่งตัวเลยดีนะเราอาบน้ำแต่งเช้า ออกมาคือนั่งเก้าอี้เข็นไปขึ้นรถฉุกเฉยไปเลย หอบมือถือไปด้วย ไปถึงก็เหมือนเดิมค่ะ โดนยัดเครื่องไป 40 นาที แต่ครั้งนี้ได้ผลสแกนเร็วรอไม่นาน กลับมาถึงโรงบาลประมาณ 10 โมงเศษๆได้ ความรู้สึกคือหิวค่ะ แบบปกติกินตอน 7 โมงกว่าแต่วันนี้คืออดกินไปวาร์ปเดินทางแทน 555+ พอกลับถึงห้องคือรีบซัดข้าวไปเลย พอบ่ายๆมาเจ้าหน้าที่ก็ทำเอกสารกลับบ้าน ในที่สุดก็ได้กลับซักที!! เบื่อการอยู่โรงบาลจะแย่แล้ว หลังจากนี้ก็เหมือนครั้งที่แล้วเช่นกันค่ะ พักฟื้นที่บ้านนต่อจนถึงสิ้นเดือน
เราก็ยังไม่ได้ฉายรังสีซักที ยังต้องรอต่อไป ถ้าได้ฉายรังสีก็จะมาต่ออีกกระทู้นะคะ
แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง รอบ 2
มาเริ่มเลยนะคะ
เรื่องของการผ่าครั้งที่ 2 นี่เริ่มมาจากกการถูกส่งตัวไปฉายรังสีเพื่อรักษาเนื้องอกต่อที่อีกโรงบาล เนื่องจากโรงบาลที่ทำการผ่าตัดไม่มีแผนกฉายารังสีค่ะ การไปอีกโรงบาลก็ค่อนข้างวุ่นๆค่ะ แบบไปวันแรกคือต้องที่แผนกศัลยกรรมก่อน พอเจอหมอศัลยกรรมเสร็จถึงจะถูกส่งไปที่แผนกรังสีได้ ที่แผนกรังสีก็วุ่นไม่แพ้กันพอไปถึงจะถูกลงประวัติอย่างเดียว แล้วนัดมาพบวันอื่น แล้วพอมาถึงวันพบหมอรังสีแล้วค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไรอีก เพราะเอกสารไม่ครบ หมอให้ไปเอาเอกสารมาเพิ่มก่อน เอกสารที่ต้องการเพิ่มก็ผลตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติมที่ละเอียดกว่านี้ ผลสแกนก่อนผ่าตัดกับหลังผ่าตัด และใบนัดครั้งต่อไป กลายเป็นว่าครั้งนี้ก็ไม่ได้อะไรอีกแล้ว เราเลยต้องเดินทางไปรพ.ที่ผ่าตัดเรา ไปยื่นเรื่องตรวจเนื้อเพิ่มเติม ขอผลสแกนก่อนผ่าตัด ตอนแรกเขาก็บอกให้ไปแล้วไงอยู่ในแผ่น cd ที่ให้ไป เราเลยต้องบอกว่าหมอดูแล้วค่ะ แต่ในนั้นไม่มีมีแต่สแกนส่วนอื่นที่ไม่ใช่ส่วนหัวที่เราผ่าตัด เจ้าหน้าที่เลยแจ้งว่าต้องไปเอาที่รพ.ที่คุณสแกน เราฟังเสร็จนี่แทบล้มเพราะต้องไปต่ออีกเหรอ (เราไม่มั่นใจว่าเพราะเป็นข้อมูลส่งต่อมารึเปล่า เขาเลยส่งต่อไม่ได้ ) แล้วเราก็ต้องไปอีกแผนกเพื่อทำเรื่องสแกนหลังผ่าตัด ก็ไปยื่นเรื่องไว้ พยาบาลบอกยังสแกนไม่ได้นะคะ ต้องทำเรื่องขออนุมัติก่อนเดี๋ยวจะโทรไปเรียกให้มาสแกนนะคะ หลังจากนั้นเราก็ต้องเดินทางไปอีกรพ.เพื่อทำเรื่องขอผลสแกนก่อนผ่าตัด ก็พอไปถึงรพ.ก็ยื่นเรื่องไปว่าต้องการผลก่อนตัด ตอนที่มาแบบฉุกเฉินเขาก็ทำ cd ให้เราพร้อมค่าใช้จ่ายอีก 180 บาท เสร็จหมอนี่เราแทบทรุดคือเหนื่อยมาก แต่ละที่ก็ค่อนข้างไกลด้วย กว่าจะถึงบ้านคือเกือบสลบ
หลังจากนั้นไม่นานมากทางโรงบาลก็ให้เราไปรับใบส่งตัวไป MRI ที่ภายนอก เพราะเป็นเครื่องที่โรงบาลไม่มี สถานที่เราไป MRI ดูแลดีมากๆเลยค่ะ เราาได้เข้าเครื่อง mri แบบ 40 นาทีไป เครื่องหนวกหูไปซักหน่อยแต่ยังดีที่มีเครื่องอุดหูให้ ไม่งั้นคงแย่แน่ๆ รอเวลาออกฟิล์ม+cdประมาณ 1.30 ชม.ได้ พอได้ผล MRI เราต้องเอากลับไปที่โรงบาลผ่าตัดเราด้วย เพื่อยื่อผลการ MRI
แล้วก็มาถึงวันพบหมอรังสี มาแบบของที่ต้องการไม่ครบด้วย ขายผลตรวจชิ้นเนื้อไป เพราะผลยังไม่ออก แต่พอหมอเห็นผลสแกนหลังผ่าแล้ว บอกไปผ่าอีกรอบเถอะนะ ยังเหลือเยอะไปอาจจะฉายรังสีไม่ได้ผล (คือของเราเหลือประาณ 5 ซม.) เรานี่แทบเป็นลมอีกรอบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเราไม่อยากโดนผ่าอีกแล้ว หมอเลยบอกลองคิดดูดีนะ แต่จะทำนัดเครื่องฉายรังสีไว้ให้ก่อน แต่ไปคิดดูให้ดีๆละ แล้วก็วันนี้จะส่งไปคุยกับหมอศัลยกรรมดูจะได้คิดดีๆอีกรอบ เลยได้ไปคุยหมอศัลยกรรมอีกรอบซึ่งออกมมาหมือนกันเลยว่าควรผ่าอีกรอบก่อน แล้วค่อยฉายรังสี แล้วเขาก็ทำจดหมายแนะนำกลับไปหาหมอต้นทางให้ เราเลยไปคุยกับหมอผ่าตัดเราต่อว่าทางหมอรังสีเขาแจ้งมาว่าเนื้องอกยังใหญ่ไปอาจทำให้ฉายรังสีรักษาไม่ได้ผลได้ พอหมอได้ฟังแบบนั้นก็เลยจะผ่ารอบ 2 ให้ แต่หมอเขาก็บอกเลยว่าจะอาจเจอผลข้างเคียงเพิ่มนะ เพราะเอาออกมากขึ้น เรานี่ได้แต่บอกหมอช่วยลดผลข้างเคียงด้วยเถอะค่ะ ที่บ้านไม่แข็งแรงมาช่วยดูแลเราขนาดนั้นแล้ว จากนั้นหมอก็ให้พรุ่งนี้มาเข้ารพ.ได้เลย เพราะต้องเตรียมตัวก่อนผ่าตัดวันพฤ. (อันนี้เป็นการรีบของเราเอง ไม่ต้องตกใจนะคะ)
วันรุ่งขึ้นก็มาเตรียมตัวทั้งหมดที่โรงบาลค่ะ คือโกนหัว และใส่สายปัสสาวะ (ยังไงเราก็เกลียดสายปัสสาวะจริงๆ) แล้วก็ตื่นมารับวันผ่าแล้วค่ะ ก็เหมือนครั้งที่แล้วเลยคือวางยาสลบไป ไม่รู้สึกตัวตอนผ่าเหมือนเดิม ไปรู้สึกตัวตอนอยู่ห้อง icu เหมือนเดิม มีสายพ่วงเต็มตัวเหมือนเดิมคือ สายน้ำเกลือ+สายยา สายปัสสาวะ สายระบายเลือด แต่อาการหนักกว่าที่แล้วเพราะคราวนี้เราเป็นไข้และต้องให้ท่อออกซิเจนแบบสอดคอเลย (ครั้งที่แล้วไม่หนักขนาดนี้ จะได้แบบอันเล็กๆเสียบจมูก) และโดนมัดแขนมัดขา (อันนี้เพราะเรางอแงเพราะความเจ็บด้วยเป็นอะไรที่ไม่ดีนะคะ ไม่ควรงอแงแบบเราแต่เราไม่ไหวจริง) เวลาเสียบท่อนี้จะมีการดูดเสมหะออกจากคอเป็นพักๆด้วย อันนี้ยิ่งเจ็บสำหรับเราซะเราดิ้นเลย สงสารพยาบาลที่ต้องดูแลเราเลย แล้วเหมือนอาการหนักประมาณนึงด้วยทางพยาบาลเอาเลือดไปตรวจแล้วค่าน่าตกระนาว เลยต้องให้เลือดเพิ่ม แล้วประมาณวันที่ 2 นี่คือต้องให้อาหารทางสายจมูกเนืองจากกินอาหารไม่ได้ แต่วันที่ 3 นี่คืออาการดีขึ้นเยอะมาก ท่อออกซิเจนก็ลดเหลือแค่สายแบบเล็กๆ ที่เสียบทางจมูก สายอาหารทางจมูกก็ถอดกับสายน้ำเกลือก็ถอดออกแล้ว ตอนนี้เหลือแต่สายระบายเลือดอย่างเดียวแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ถูกย้ายไปห้องปกติต่อก็อยู่ต่อยาวๆเกือบ 2 อาทิตย์เหมือนครั้งที่แล้ว มีฉีดยาทุก 6 ชม. เหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ยาแรงขึ้นทำเส้นเลือดแสบบ่อยมาก จนเราต้องเจาะเส้นใหม่เรื่อยๆเลย แต่พยาบาลก็บอกไว้แล้วว่ายานี้แรง ต้องเจาะเส้นใหม่เป็นพักๆ ของเราคือเจาะใหม่ไป 6 รอบได้ (อันนี้พยายาลบอกเพราะเส้นเล็ก แล้วเหมือนจะบางด้วยเลยเปลี่ยนบ่อยขึ้น) แต่ที่ขัดใจที่สุดตอนอยู่ห้องปกติคืออาหารเป็นอาหารอ่อนค่ะ เป็นอาหารอ่อนทุกวันทุกมื้อที่อยู่เลย เราเบื่อไปเลย 555+ ที่เหลือก็คล้ายๆ เดิมค่ะ แบบเบื่อๆ หน่อยเพราะไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ เราก็แบบเล่นมือถือ เดินไปมา อ่านนิยาย นอนกลางวันไปเรื่อง
สำหรับสายระบายเลือดก็คล้ายคราวที่แล้วคือเอาหลังมาอยู่ห้องปกติได้ 3-4 วัน อันนี้ต้องขึ้นกัยร่างกายคนนะคะ ถ้าเลือดหยุดเพิ่มปริมาณก็สามารถเอาได้ และการเอาออกได้คือดีค่ะ มันอาบน้ำได้ซะที เพราะที่ผ่านมาคือเช็ดตัวอย่างเดียวเลย ยังไงมันก็ไม่สดชื่นเท่าอาบน้ำ
หลังจากเวลาผ่านไปก็มาถึงเวลาระบมค่ะ คือการถอดแม็กเย็บนี่เองครั้งนี้ก็ 2 วันเหมือนเดิมค่ะ ถอดแบบวันละตัวเว้นตัว ถอดเสร็จก็คือปวดระบมจนต้องขอพาราไปเลย แต่ครั้งนี้หลังถอดเสร็จยังต้องอยู่โรงบาลเพิ่มอีกวัน เพราะวันรุ่งขึ้นเขาจะพาไปสแกน mri นอกสถานที่เพื่อเอาผลหลังผ่าตัดไปให้หมอรังสี
สำหรับวันพา mri คือไปแต่เช้าเลยค่ะ พารับเราตอนประมาณ 7 โมง มาเจอเราพึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังแต่งตัวเลยดีนะเราอาบน้ำแต่งเช้า ออกมาคือนั่งเก้าอี้เข็นไปขึ้นรถฉุกเฉยไปเลย หอบมือถือไปด้วย ไปถึงก็เหมือนเดิมค่ะ โดนยัดเครื่องไป 40 นาที แต่ครั้งนี้ได้ผลสแกนเร็วรอไม่นาน กลับมาถึงโรงบาลประมาณ 10 โมงเศษๆได้ ความรู้สึกคือหิวค่ะ แบบปกติกินตอน 7 โมงกว่าแต่วันนี้คืออดกินไปวาร์ปเดินทางแทน 555+ พอกลับถึงห้องคือรีบซัดข้าวไปเลย พอบ่ายๆมาเจ้าหน้าที่ก็ทำเอกสารกลับบ้าน ในที่สุดก็ได้กลับซักที!! เบื่อการอยู่โรงบาลจะแย่แล้ว หลังจากนี้ก็เหมือนครั้งที่แล้วเช่นกันค่ะ พักฟื้นที่บ้านนต่อจนถึงสิ้นเดือน
เราก็ยังไม่ได้ฉายรังสีซักที ยังต้องรอต่อไป ถ้าได้ฉายรังสีก็จะมาต่ออีกกระทู้นะคะ