ไทยติดเชื้อใหม่ 2,607 สลดดับ 23 ราย ยอด ATK ย้อนหลัง 7 วันติดสะสมกว่า 1.4 แสน
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3464875
 
ไทยติดเชื้อใหม่ 2,607 สลดดับ 23 ราย ยอด ATK ย้อนหลัง 7 วันติดสะสมกว่า 1.4 แสน

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ศูนย์ข้อมูลโควิดรายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม ดังนี้
ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,607 ราย จำแนกเป็น
ผู้ป่วยในประเทศ 2,607 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,345,026 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 2,318 ราย
หายป่วยสะสม 2,345,449 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
ผู้ป่วยกำลังรักษา 23,445 ราย
เสียชีวิต 23 ราย
เสียชีวิตสะสม 9,375 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ
รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 854 ราย
 
* เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม

---

ชัชชาติ ยังไม่หลับ ลุยดูน้ำท่วมยามดึก รับคนเลิกงานเดินลุยน้ำขึ้นรถไปส่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7172639

ชัชชาติ ยังไม่หลับ ลุยดูน้ำท่วมกทม. ยามดึก หลังฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ แวะรับคนเลิกงานเดินลุยน้ำในซอยขึ้นรถไปส่ง
 
21 ก.พ. 2565 – จากกรณีที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-24 ก.ค. ทำให้กรุงเทพมหานครในหลายพื้นที่ มีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา และมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ได้ลงพื้นที่ศูนย์ควบคุมระบบน้ำท่วม ดินแดง ห้วยขวาง และ รัชดา อโศก สุขุมวิท เพื่อสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน
 
นายชัชชาติ ได้ขึ้นรถตรวจสอบที่ประชาสงเคราะห์ ซึ่งใกล้กับจุดศูนย์ควบคุมระบบน้ำท่วม โดยระบุว่า ไม่ได้ลืมจุดอื่น แต่มาจุดนี้ก่อนเพราะใกล้ แต่ได้ตรวจสอบในแต่ละจุดด้วย ทั้งนี้ยังได้มีประชาชนเดินทางมาบอกว่า บริเวณดังกล่าวน้ำท่วมตลอด ซึ่งนายชัชชาติได้ฝากให้ช่วยดูเรื่องขยะด้วย ระหว่างทางยังพบกับประชาชนที่รถดับ เพราะน้ำท่วมจำนวนมาก
 
ต่อมา นายชัชชาติ ได้ลงพื้นที่ไปยังซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รัยรายงานว่า มีน้ำท่วมสูง โดยตลอดเส้นทางได้มีน้ำท่วมสูง ทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้บริเวณทางเท้าภายในซอย ยังพบประชาชนที่ต้องเดินลุยน้ำจำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าฯกทม. ได้กล่าวทักทาย ให้กำลังใจ และรับปากว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมให้เร็วที่สุด
 
ช่วงหนึ่งขณะที่อยู่ในซอย นายชัชชาติ ได้สอบถามหญิงคนหนึ่ง ที่กำลังเดินลุยน้ำในชุดทำงานว่ากำลังจะไปไหน ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวตอบว่า กำลังจะไปปากซอย นายชัชชาติ จึงเรียกให้มาขึ้นรถ พร้อมพูดคุยสอบถาม หญิงคนเดิมเล่าว่า ตนทำงานอยู่ร้านอาหารอาหรับภายในซอย และกำลังจะออกไปหน้าซอยเพื่อต่อรถกลับบ้านที่ย่านซอยอ่อนนุช 44 จากนั้น นายชัชชาติ พร้อมทีมงานได้ขับรถมาส่งหญิงสาวบริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า พร้อมอวยพรให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

---

น้ำนมดิบขึ้นราคา 2.25 บาท/กก.เสนอ ครม.เคาะ 2 ส.ค.นี้
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/301880
 
วันนี้ นายนัยฤทธิ์ จำเล ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย พร้อมสมาชิก เข้ายื่นหนังสือ ผ่านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เพื่อขอให้เร่งรัดขั้นตอนในการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบกิโลกรัมละ 2.25 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ กว่า 18,000 ครอบครัว ที่กำลังประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมากกว่า 30% ทั้งจากราคาอาหารข้นสำหรับเลี้ยงวัว ที่มีส่วนผสมจากกากปาล์มน้ำมัน และถั่วเหลืองที่ต้องนำเข้า รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้า ค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้น ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือ มิลค์บอร์ด ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำนมกิโลกรัมละ 2.25 บาท ซึ่งจะทำให้เกษตรกรจำหน่ายน้ำนมดิบได้ในราคากิโลกรัมละ 19.75 บาท สอดคล้องกับต้นุทนที่พุ่งถึงกิโลกรัมละ 16 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างที่มิลล์บอร์ด จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้
 
ด้านผู้ผลิตนมกล่อง กล่าวว่า ราคารับซื้อน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัม 2.25 บาท ทำให้จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกอีก 5 บาทต่อกล่อง เช่น นมสด ขนาด 200 ซีซี ที่ปัจจุบันขายขวดละ 13 บาท ขึ้นเป็นขวดละ 18 บาท แต่โชคดีที่ภาครัฐจ่ายชดเชยให้ศูนย์รวบรวมนมดิบกิโลกรัมละ 75 สตางค์ เป็นเวลา 3 เดือน จึงคาดว่าจะปรับขึ้นราคาขายปลีกเพียง 2 บาท จากขวดละ 13 บาท เป็นขวดละ 15 บาท ซึ่งเชื่อว่าผู้บริโภคยังพอรับได้
ขณะที่อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า พร้อมที่จะพิจารณาให้ปรับราคา โดยใช้หลักผู้ผลิต เกษตรกร และประชาชนอยู่ได้ และไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน
ส่วนกรณีบริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ผู้ผลิตนมโฟร์โมสต์ ประกาศเลิกผลิตนมพาสเจอไรซ์ในประเทศไทยนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนโยบายเรื่องการตรึงราคา แต่อาจเป็นผลมาจากการปรับบิสซิเนสโมเดลของธุรกิจ ที่มองว่าผลิตภัณฑ์นมตัวไหนที่ไม่สามารถทำตลาดได้ก็ต้องหยุดผลิต เพียงชั่วคราว