สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากมาระบาย และรับฟังความเห็นในมุมต่างๆ ของเพื่อนๆบนพันทิปค่ะ

ขอเริ่มด้วยการแนะนำตัวเองก่อน ปัจจุบันตั้งครรถ์ได้ 2 เดือนค่ะ โดยอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกากับแฟนชาวต่างชาติ
โดยเรามาอาศํยอยู่ที่นี่ด้วยวีซ่าทำงานค่ะ ย้ายตามเขามาด้วยการสมัครงานมาจากที่ประเทศไทย 
ปัจจุบันอาศัยอยู่กับแฟนได้ 6 เดือนค่ะ ซึ่งการตั้งครรภ์ครั้งนี้ไม่ได้แพลนกันมาก่อน เพราะตั้งใจจะแต่งงานกันช่วงเดือน กันยา - ตุลา

ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน ก็มีเหตุให้ทะเลาะ เกือบเลิกกันสองครั้งค่ะ โดยทุกครั้งเขาจะไล่ให้เรากลับไทย และขอเลิกกับเรา แต่สุดท้ายเราก็รอให้เขาอารมณ์เย็น และอธิบายให้เขาฟัง ซึ่งสาเหตุการทะเลาะทั้งสองครั้งคือ เขาคิดมากไปเองว่าเราไม่รัก ไม่สนใจ เพราะเราตีตัวห่างค่ะ ซึ่งก็เกิดจากการที่เขามีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์โมโหค่ะ ชอบดุเรา พูดอะไรก็ไม่เข้าหูก็โดนว่าค่ะ แต่เราก็พยายามเข้าใจเขา ด้วยว่าอาการนี้มาจากปัญหาครอบครัวของเขา

แต่หลายๆเหตุการ์ณล่าสุดที่ทำให้เราเสียใจมาก ซึ่งทุกวันนี้ตื่นเช้ามาก็ร้องไห้ทุกวันคือ
1. เรานั่งรถกับเขา ละเราบอกเขาว่ารู้สึกคลื่นไส้ เขาหันมาถามว่า Are you faking it? ซึ่งเราไม่เข้าใจค่ะ ว่าจะแกล้งไปทำไม สุดท้ายพอถึงบ้าน เราก็อ้วกพุ่งยาวๆ ครึ่งชั่วโมงอยู่ในห้องน้ำคนเดียว
2. ตอนที่เอาผลตรวจให้เขาดูครั้งแรก เขาก็แบบใช่ลูกของฉันหรอ เธอไม่ได้ท้องมาจากไทยใช่ไหม แล้วเขาก็นับ timeline ดูว่า เออมาอยู่กันหกเดือนแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้
3. ไม่กระตือรือร้น จะพาเราไปฝากครรภ์ เราบอกแค่ว่า เออเดี๋ยวเราจะสมัคร health insurance นะ (พอดีออฟฟิชเราเป็นขนาดเล็กค่ะ ยังไม่มี health benefits ให้ในปีนี้ แต่คุยกับทางเจ้าของแล้ว ต้นปีหน้าเขาจะ apply ให้ทุกคนค่ะ) เขาก็คอยบอกแต่ว่าไม่ต้อง มันไม่ครอบคลุม ให้ไปสมัคร Medicaid / CHIP ซึ่งเราหาข้อมูลแล้วว่ามันไม่ได้ เพราะรายได้เราคนเดียวก็เกินแล้ว แต่เขาก็ยืนยันให้สมัครตัวนี้ และยังไม่ทำการค้นคว้าอะไรทั้งนั้น
4. ล่าสุด ดูข่าวดารา แล้วลูกดาราออกมาไม่ใช่พ่อแท้ๆของลูก บอกจะตรวจ Paternity Test แล้วบอกเราว่า no offense ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าทุกวันหลังเลิกงาน ก็กลับบ้านมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เสาร์-อาทิตย์ก็อยู่ด้วยกันตลอด ไม่มีปัญหาเรื่องมือที่สาม แม้แต่นิดเดียว แต่พอเขาดูข่าวนี้ปุ๊ป เขารีบกระตือรือร้นหาข็อมูลเลยค่ะว่า ตรวจ DNA ได้ตอนกี่เดือน ราคาเท่าไหร่
5. ทุกๆอย่างที่บ้านหารสองกันค่ะ รวมทั้งค่าเช่าบ้าน ซึ่งวันนึงเราโอนเงินค่าเช่าให้เขา เขาก็บอกเรามาว่า Ok you can stay for here as long as you pay the rent. ซึ่งไม่เข้าใจว่านี่คือแนวคิดคนเป็นแฟนกันหรอ ซึ่งตอนเราไม่สนใจเขา เขาว่าๆเราว่า เรา treat เขาเหมือนเขาเป็น roommate
6. เขาเคยโมโหใส่เรามาก เพราะเราซื้อไอติมกระปุกละ $10 แทนที่จะซื้อพวกยี่ห้อ ฮาเกนดาส ไรพวกนี้ที่ราคา $5 พอเราโอนเงินทั้งบิล grocery ไปให้ $60 ก็ยังโกรธเราไม่หาย แถมสุดท้ายกินไอติมเราไปทั้งกระปุก เหนื่อยค่ะ เหนื่อยเป็นที่รองรับอารมณ์ และเราเป็นคนไม่ชอบทะเลาะเรื่องเงินค่ะ ไม่ชอบที่เอาเรื่องเงินมาเป็นปัญหา นิสัยเราก็ค่อนข้างสปอร์ตแหละ นิดๆหน่อยๆก็จ่าย
7. เขาใช้ให้เราช่วยยกเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะจัดห้องนั่งเล่นใหม่ พอเราอิดโอยไม่อยากก เพราะมันหนัก ละเราก็ปวดท้อง กลัวเสี่ยงแท้ง เขาก็ไม่พอใจ จนสุดท้ายเราก็ต้องช่วยเขา ละมานั่งปวดท้องอีกเป็นชั่วโมง

ทุกวันนี้เริ่มคิดค่ะว่า ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่กับเขาเนี่ยะ เราลำบากขึ้นเยอะมาก แต่ก็ยังอยู่กับเขาเพราะรักแหละ แต่ตอนนี้เริ่มเหม็นหน้าแล้วค่ะ ไม่อยากคุยด้วย
ควรปรับทัศนคติของเรายังไงดีคะ? ทุกวันนี้ตอนเช้า ร้องไห้คิดถึงบ้านที่ไทยค่ะ ถ้าอยู่ไทยมีทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อนๆที่พร้อมดูแลเรา ให้กำลังใจเราได้ดีกว่านี้

ในเรื่องอื่นๆ เขาก็เหมือนคนทั่วไปค่ะ มีทั้งข้อดี ข้อเสีย เราก็ยอมรับได้ เพราะเราก็ไม่ได้เพอร์เฟ้ค แต่มีเหตุการ์ณที่เล่ามาข้างบน ที่ทำให้เรารู้สึกถึงจุดที่ว่า จะไม่ไหวแล้ว ซึ่งเราพยายามจะใจเย็น ค่อยๆคิดทบทวน แต่ด้วยเรามีโรควิตกกังวล ทานยา escitalopram มาต่อเนื่องได้สามปีแล้วค่ะ เลยพยายามคิดว่าความคิดพวกนี้ นี่อาจจะเป็นเพราะโรคที่เราเป็น

เสียใจจังค่ะ