พ่อค้าวัวต่างปะทะผีกะยักษ์ + บ้านผีเฮี้ยน





คำว่าต่างก็คือ การใช้ภาชนะจักสานทรงกระบอก ปากผาย ก้นสอบเล็กน้อย บรรจุสิ่งของเพื่อการขนย้ายด้วยสัตว์ มักใช้เป็นคู่หรือสองข้าง โดยมีคานพาดไว้บนหลังสัตว์พาหนะหรือสัตว์ต่าง ให้ห้อยลงมาทั้งสองข้างแล้วใช้หมอนหนุนคานหรือไม้ค้ำต่าง แล้วผูกเชือกมัดระหว่างต่างกับวัว เพื่อไม่ให้สิ่งของตกในระหว่างเดินทาง

บ้านร้างมักมีความน่ากลัวอยู่ในตัว ยิ่งบ้านที่มีประวัติที่น่าขนลุกด้วยแล้ว ยิ่งน่ากลัวไปใหญ๋

พ่อค้าวัวต่างปะทะผีกะยักษ์

ล. วิลิศมาหรา

ย้อนไปในสมัยเมื่อร้อยปีก่อน ตอนที่ล้านนายังมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร ถนนหนทางยังเป็นแค่ทางคนเดิน หรือทางเกวียน การสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านและต่างเมือง ค่อนข้างลำบาก ยังต้องใช้ช้างม้า ลาและวัวเป็นพาหนะ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ทำนา หรือหาของป่ามาทำอาหารกิน แต่มีอาชีพหนึ่งที่พิเศษออกไป นั่นก็คืออาชีพพ่อค้าวัวต่าง ซึ่งเปรียบไปแล้วก็คล้ายกับนายฮ้อยที่คุมกองคาราวานวัว-ควายไปขาย ของทางภาคอีสานนั่นเอง

พ่อค้าวัวต่างจะใช้วัวบรรทุกสินค้า ออกเดินทางไปค้าขายยังหมู่บ้านต่าง ๆ หลังฤดูเก็บเกี่ยวไปแล้ว หรือในช่วงฤดูแล้ง อาชีพนี้ไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำก็ทำได้ คนที่เป็นพ่อค้าวัวต่างได้ จะต้องเป็นคนที่มีฝีมือในการต่อสู้ มีจิตใจอันห้าวหาญ และมีคาถาอาคมไว้ใช้ป้องกันตัว จากสัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจ ในระหว่างการเดินทางอันทุรกันดาร พ่อค้าวัวต่างจึงได้รับการยอมรับนับถือจากชาวบ้านทั่วไป เมื่อเลิกทำการค้าขายแล้ว ผู้คนทั้งหลายก็มักจะเลือกพวกเขามาเป็นนายเหมือง นายฝาย หรือผู้ใหญ่บ้านในชุมชนของตน

หนานอินถากับหนานแสนเมืองเป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าปี ทั้งสองคนเป็นพ่อค้าวัวต่าง ที่ได้เดินทางออกจากหมู่บ้านของตน เพื่อนำสินค้าไปขายในหมู่บ้านต่าง ๆ จุดหมายปลายทางคือกาดหลวงในตัวเวียง วัวต่างในขบวนมีจำนวนสิบตัว แวะแลกเปลี่ยนสินค้ามาตามรายทาง ซึ่งการเดินทางไปยังกาดหลวง มีระยะทางอีกยาวนาน

พวกเขาเดินทางรอนแรมมาถึงพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อหมู่บ้านห้วยยาบ เมื่อมาถึงในหมู่บ้านเป็นเวลาเย็นมากแล้ว คนทั้งสองจึงมองหาสถานที่สำหรับหยุดพักค้างแรม และเป็นธรรมดาของคนต่างถิ่น สถานที่พักซึ่งสะดวกและหาง่ายที่สุดก็คือวัดในหมู่บ้านนั่นเอง คนทั้งสองมาพักขบวนวัวที่หน้าวัด แล้วพากันเข้าไปกราบเจ้าอาวาสวัด ที่ชื่อว่าหลวงตาอุ่น ขอหยุดพักในวัดสักคืนหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางกันต่อ หลวงตาอนุญาตให้ไปพักในศาลาวัด ส่วนฝูงวัวก็ให้เอาผูกไว้ในบริเวณวัดได้

ยุคสมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงตะเกียงลาน เทียนไข และตะเกียงน้ำมันก๊าด เมื่อยามตะวันตกดินไปแล้ว ความมืดมิดจึงเข้าปกคลุมบรรยากาศ สองหนานหนุ่มเร่งก่อกองไฟให้ความอบอุ่นและแสงสว่างแก่ขบวนวัวของตน แล้วจึงนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน พูดคุยกันอยู่ที่หน้ากองไฟใกล้กับศาลานั่นเอง
ในเวลานั้นมีผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อว่าผู้ใหญ่ผา ได้เดินเข้ามาหาพ่อค้าทั้งสอง พร้อมกับหลวงตาอุ่น เพื่อมาหารือในเรื่องบางอย่าง

หลังทักทายกันเสร็จ ผู้ใหญ่ผาได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ผีกะยักษ์ตนหนึ่งได้เข้าสิงร่างของสาวสวยที่ชื่อคำแก้ว เธอเสียชีวิตไปแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่จู่ ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา ซึ่งความจริงมันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับคำแก้วเสียก่อน

“พอฟื้นขึ้นมาแล้ว คำแก้วมันก็มีนิสัยที่เปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คำแก้วคนเดิม ชอบกินเนื้อสด ๆ ซดหลู้เลือดเป็นชาม ๆ ทั้งที่ก่อนตาย มันไม่เคยกินหลู้เลือดมาก่อน พูดจาก็แข็งกระด้าง ไม่เคารพคนเฒ่าคนแก่ เห็นคนแก่นั่งอยู่ เวลามันเดินผ่าน แทบจะเอาชายผ้าซิ่นคลุมหัวคนแก่”

บ้านผีเฮี้ยนนำมาอัดเสียงใหม่ค่ะ ติดตามทั้งสองเรื่องได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ https://youtu.be/129N6QJbjoo
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่