เหตุและผล

กระทู้คำถาม
เคยสงสัยไหมครับ ว่าเวลาเราฟังเรื่องเล่า เกี่ยว
กับยมบาลหรือยมทูต ทำไม
ทุกคนจึงพร้อมใจกันบอก
ลักษณะว่า ตัวใหญ่ ใส่ผ้าแดง หน้าดุ  เหมือนๆกัน
หมด  

อันนี้ผมเคยสงสัยมาตั้งแต่
เด็ก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเถียงกับเขายังไง เพราะตัวเองก็ไม่เคยเห็น ก็เลยได้แต่แอบคิดต่างอยู่แบบนั้น

จน...ผมได้ไปเยี่ยมเด็กคน
หนึ่ง(หลานของเพื่อน)
ซึ่งประสบอุบัติเหตุ จนนอนสลบไปถึงครึ่งเดือน

ตอนนั้นน้องเรียนอยู่ป.3
อาการบาดเจ็บที่ได้รับคือ
ขาขวาท่อนบนหัก สมองบวม และน้องหยุดหายใจ
ก่อนที่จะได้รับการ cprจน
สัญญาณชีพกลับมา

ช่วงนั้นครอบครัวเพื่อนลำบากมาก เรา(ผมและครอบครัว)ก็เลยได้มีโอกาส
เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเงิน อาหารและอื่นๆ(จนทุกวันนี้รักและดูแลกันเหมือน
พี่น้องไปแล้ว)

ช่วงที่น้องยังอยู่ร.พ. ผมได้
ไปเยี่ยมน้องหลายครั้ง
จนรู้ว่า มิตรภาพที่เกิดใน
ช่วงยากลำบากของชีวิตนี้
บางทีก็ยั่งยืนจนได้ต่อยอด
มาจนถึงทุกวันนี้  โดยที่เรา
ไม่ได้คาดหวัง

  ช่วงนั้นเพื่อนผมแทบไม่ได้
ทำโอทีเลย  เพราะกลางคืน
ต้องไปช่วยเข้าเวร เฝ้าหลานบ้าง เฝ้าบ้านบ้าง
ผมเองก็ได้แต่ถามข่าวคราว
รวมทั้งฝากเงินบ้าง ของเยี่ยมบ้าง เพราะคนเฝ้าไข้
ต้องใช้ต้องกิน เราก็เลย
ต้องช่วยกันเท่าที่ทำได้

กว่าน้องจะฟื้น กว่าจะออกจากร.พ.และกว่าผมจะได้ไปเยี่ยมก็เป็นเวลา1เดือน
พอดี

อาการโดยรวมดีขึ้นมาก
น้องจำทุกคนได้ แม้จะตอบเท่าที่ถาม โดยไม่ตั้งคำถาม
ใครเลยก็ตาม
แผลทุกแผลคือตกสะเก็ด
หมด แม้ตายังลอย แต่ก็กิน
เก่ง อร่อยทุกอย่าง และนอนหลับได้นาน

วันนั้นผมไปเยี่ยมน้องและอยู่คุยด้วยนานมาก
เพราะ อยู่ๆน้องก็เล่าให้ผม
ฟังว่า

ที่ใครๆคิดว่า พี่ชายขับรถพาน้องไปชนท้ายรถอิแต๋น
นั้นไม่เป็นความจริง
น้องต่างหากที่เป็นคนขับ
ผมก็เลยถามคุณแม่น้อง
เธอก็ทำหน้างง จนต้องเรียกพี่ชายมาถาม(ก่อนหน้านี้ ทุกคนจะรู้ว่าพี่เป็น
คนขับน้องเป็นคนซ้อน)

ความจริงก็เลยเปิดเผยตอน
นั้นเอง (คงเพราะเหตุนี้ พี่ก็เลยกองอยู่กับซากรถมอเตอร์ไซค์และนิ้วเท้าข้างขวาหักแค่สองนิ้วในขณะที่น้องกระเด็นเข้าไปใต้ท้องอิแต๋นและบาดเจ็บสาหัส)
ผมถามแกว่าทำไมถึงจำได้แกก็บอกว่า

"หนูจำไม่ได้หรอกแต่หนูเห็น"

"เห็นที่ไหน"

"ในกระจก..มีผู้ชายหล่อมากสองคนเอากระจกมาให้
หนูดู เขาบอกว่า เพราะความดื้อแท้ๆเลยต้องเจ็บตัวแบบนี้"

จากนั้นน้องก็เล่าเป็นช่องเป็นฉากว่า ผู้ชายรูปหล่อสองคนนั้นเอาสมุดปกสีดำ
มาให้น้องเปิดดู ซึ่งพอเปิดไปหน้าแรก น้องก็เจอชื่อญาติคนหนึ่งของแก
(ในตอนนั้นเขายังมีชีวิตอยู่)
และเมื่อเปิดไปอีกหน้าก็เจอชื่อของผู้ใหญ่หมู่บ้านที่ผมอยู่  และเขาระบุการตายว่า
เป็นมะเร็ง  และแน่นอนว่า
อีกหลายใบต่อมาเขาก็เจอชื่อของพ่อผม

ผมได้ยินก็แอบขำ และอดคิดไม่ได้เลยว่า กำลังฟังนิทานของเด็กเลี้ยงแกะ

แล้วจากนั้นเขาก็เอาสมุดไปเก็บและพาน้องเดินเหมือน
ลอยๆไป แกเล่าว่าเหมือน
ไม่ได้ขึ้นสูงอะไรเลยแต่พอ
มองลงมาข้างล่างกลับดูลึกมากและมีไฟสีเขียวซึ่งไม่มี
ฟืนหรืออะไรที่น่าจะเป็น เชื้อเพลิงได้ คือลุกเองแต่ร้อนมาก น้องก็ร้องไห้และบอกว่าร้อน หนึ่งในนั้นก็ยิ้ม
แล้วเอามือลูบตาน้อง พอเอามือออก น้องก็รู้สึกว่า
ความร้อนนั้นหายไป และเขาก็พาน้องลงไปเดินดูใกล้ๆ
แกบอกว่าที่จำได้ขึ้นใจคือ
จุดที่เขาจับผู้หญิงท้องไปนอนพาดเขียง จากนั้นก็เอา
เลื่อยมาดึงผ่าท้อง แล้วก็จับ
เด็กน่าตาน่ารักทั้งหญิงและชายออกมาวาง
ในคำบอกเล่า น้องบอกว่าไม่เห็นเลือด แต่ผู้หญิงพวกนั้นก็ชักดิ้นชักงอ
น้องกลัวก็เอามือปิดหน้าไม่ยอมมอง

เขาพาน้องไปดูอีกสองสาม
ที่ น้องจำได้ว่าเป็นกะทะทองแดง แต่กะทะไม่ได้ใหญ่โตอะไร และคนก็ไม่ได้ลงไปนั่งในกะทะ เขาตักเอาของเหลวในกะทะกรอกปากคนที่นอนอยู่ต่างหาก

ตลอดเวลาที่น้องเล่า ผมบอกตรงๆว่าไม่เชื่อถือเลย
สักคำ ในใจคิดว่าคงเป็น
อาการช๊อตของคนที่เจ็บ
ปางตาย ร่างกายก็เลยรวน
เหมือนระบบไฟฟ้า สักระยะ
ก็คงเข้าที่เข้าทางเอง
ที่นั่งฟัง ก็แค่อยากให้กำลังใจคนป่วยเท่านั้น

และต่อมาหลังจากหลวงปู่และคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้านไปทำพิธีผูกแขน
เรียกขวัญให้น้องในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ผมก็กลับไปถามน้องถึง
เรื่องนี้อีก  แต่..แกจำไม่ได้
แล้วครับก็เลยยิ่งตอกย้ำ
ความเชื่อของผมที่ว่า
สมองแกรวนเพราะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักมา


แต่...หลังจากนั้นอีกไม่ถึง
หนึ่งปี บุคคลที่น้องระบุว่าเห็นรายชื่อว่าเสียชีวิตเป็น
คนแรก ก็เสียชีวิตจริงๆครับ
แกไปธุระแล้วเกิดอุบัติเหตุ

แม้จะตายไปแล้วหนึ่งผมก็ยัง50-50อยู่นะครับ
แม้จะเริ่มมองลุงผู้ใหญ่แบบห่วงๆอยู่บ้าง  แต่แกก็ดูแข็งแรงดี รูปร่างรึก็สูงใหญ่
หล่อสมาร์ทเกินหน้าคนวัย
เดียวกันหลายขุมด้วยซ้ำ
แต่หลังจากนั้นอีกหกปีต่อมาแกก็เสียชีวิตจากโรค
มะเร็งจริงๆ

ผมไม่รู้หรอกครับ ว่ายมบาลจะรูปหล่อ สูงขาว
เหมือนคำบอกเล่าของน้อง
หรือไม่ แต่หลังจากลุงผู้ใหญ่ตาย ผมก็หันมาดูแล
เอาใจใส่พ่อของผม ชนิดที่เรียกว่าแทบไม่ให้ขาดตก
บกพร่อง  เพราะอย่างน้อย
ถึงจะไม่ได้ดูแลชนิดอย่างดีที่สุด แต่อย่างไรเสียผมก็จะไม่ยอมมานั่งพิลาปรำพัน
ว่ายังไม่ได้ทำนั่น ไม่ทันทำนี่ตอนเคาะฝาโลงเด็ดขาด
อะไรที่คิดว่าดี ผมทำให้พ่อผมทุกอย่าง ยิ่งของกินนี่
แพงแค่ไหน ขอให้พ่ออยากกินเถอะ ผมไม่เคยขัดใจเลย

ตอนนี้พ่อผมก็จากไปแล้ว
หลังจากที่อยู่ให้ผมปรนนิบัติช่วงป่วยอยู่เจ็ดปี
และก่อนหน้านั้นอีกสามปี
สิบปีพอดีแม้ไม่ใช่เวลามากมายอะไร แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสได้ทำหน้าที่
ลูกที่ดี ได้พึงกระทำ

แต่ขนาดว่าไม่เชื่อ  ผมก็ไม่
กล้าถามน้องนะครับว่าเห็น
รายชื่อผมไหม...แอบกลัวครับ ถ้ารู้แล้วชีวิตอาจไม่ปกติสุขอย่างนี้ก็ได้
แต่..ทุกวันนี้ก็พยายามใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดนะครับ
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น  ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวัน  แบ่งปัน
และดูแลผู้อื่นตามโอกาส
และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จะได้อยู่ดูแลนายแม่ไปจน
ตราบอายุของท่าน
ขอแค่นั้นก็พอแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่