กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวเราได้ไปเที่ยว อิตาลีกันเอง แนวการเที่ยวเป็นแบบไปเที่ยวตามจุดยอดนิยมทั้งหลาย ถ่ายรูปตามมุมมหาชนไม่มีอะไรซับซ้อน ข้อมูลหลายๆเรื่องที่ใช้วางแผนท่องเที่ยว ทริปนี้ก็ได้มาจากห้องบลูฯ กลับมาแล้วก็อยากเอาประสบการณ์ที่ได้เจอมาแบ่งปันกันที่นี่ เป็นการขอบคุณและส่งต่อข้อมูลให้กับผู้ที่สนใจครับ ในส่วนรีวิวก็ไม่ได้เจาะลึกอะไรนัก คงจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ช่ำชองในการท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว รูปภาพประกอบส่วนใหญ่ก็ถ่ายมาจากมือถือธรรมดาและมีรูปประกอบจาก internet เสริมด้วยบางส่วน
เมื่อเดือนมี.ค.เราเริ่มมาวางแผนว่าจะไปเที่ยวอิตาลีกัน โดยอยู่บนพื้นฐานการประเมินว่า Covid กำลังอ่อนแรงลง(ชั่วคราว) ข้อจำกัดและเงื่อนไขการเข้าออกต่างประเทศเริ่มมีการผ่อนปรนลง ก็มาลงตัวเป็น trip นี้ในกลางเดือน มิ.ย. มีเวลาอยู่ในอิตาลี 7วัน 6คืน
เริ่มจองตั๋วเครื่องบินกลางเดือน มี.ค. โชคดีที่ช่วงนั้นราคาตั๋วยังไม่สูงมาก เหมือนว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนเดินทางกัน ทำให้ได้ตั๋ว Turkish Airline แบบ Multi-City กรุงเทพ-มิลาน 11 มิ.ย. / โรม –กรุงเทพ 18 มิ.ย. (แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน อิสตันบูล ตุรเคีย) ราคาคนละ 21,000 บ.
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบิน เราก็ลุยจองตั๋วรถไฟระหว่างเมืองที่เราใช้เป็นพาหนะหลักในการเดินทางระหว่างเมือง (จองล่วงหน้าแบบ fix วันและเที่ยวเดินทาง มักจะมี promotion ถูกๆ) จองโรงแรมแบบจ่ายเงินตอนเข้าพัก โดยใช้บริการ booking.com เน้นเลือกโรงแรมที่ไม่แพงมากและอยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักของเมืองไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล (อย่าลืมใส่ชื่อคนเข้าพักทุกคนในทุก booking เพื่อเอาไว้เป็นเอกสารขอ Visa)
จองวันขอ visa กับ VFS เตรียมเอกสารตามข้อกำหนดให้เรียบร้อย จองได้วันที่ 26 เม.ย. (หลังยื่นกว่าสถานทูตจะอนุมัติ Visa EMSส่ง Passport กลับมาก็วันที่ 21 พ.ค.) ถึงตอนนี้เราพร้อมเดินทางแล้ว
วันแรก กรุงเทพ –อิสตันบูล –มิลาน
Turkish airline ที่สุวรรณภูมิ counter check in เปิดเร็วดีมาก บิน 23.00 ประมาณทุ่มนิดๆก็เปิดให้ check in แล้ว การบริการบนเครื่องก็ตามมาตรฐาน เครื่องขึ้นก็เสิร์ฟอาหารมื้อแรกกันเลย (ตอนเที่ยงคืน) และมีมื้อก่อนถึงปลายทางอีกหนึ่งครั้ง สนามบินใหม่ใหญ่โตอลังการมากๆๆ ผู้โดยสารที่มาต่อเครื่องก็เยอะมาก เช่นกัน Free Wi-Fi ที่สนามบินให้ 1 ชม.ครับ (โดยลงทะเบียนผ่านมือถือ รับcode ทาง SMS หรือใช้ passport scanรับสิทธิที่ตู้ Kiosk )
*** : Turkish Airline ทำ check in online ได้ 24 ชม.ก่อนออกเดินทาง แต่ตอน check in เราเลือกที่นั่งเองไม่ได้ ระบบ Random ที่นั่งให้เลย แต่ก็จัดให้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ไม่ได้แยกพ่อไปทาง แม่ไปทาง ลูกไปทาง เหมือน Low-cost บางสาย ถ้าต้องการย้ายที่นั่งต้องเสียเงินอย่างเดียว ค่าเลือกที่นั่งใหม่ (ประมาณ 1100 บ./คน ช่วง กรุงเทพ-อิสตันบูล ถ้าช่วงสั้นเช่น ช่วงบินในยุโรปค่าที่นั่งตำแหน่งธรรมดาประมาณ 5xx บ./คน)
Milan
มาถึงสนามบิน Malpensa Milan ประมาณ 9.30 ตอนเข้าเมืองใช้เวลานานมากทีเดียว ตรงตม.นั้นไม่นาน ไม่มีการถามหรือขอดูข้อมูลเกี่ยวกับโควิด หรือวัคซีนใดๆทั้งสิ้น แต่ไปช้าตรงต้องเข้าแถวสแกนกระเป๋า carry on ทุกคน กระเป๋าที่โหลดก็รอที่สายพานนานมาก(น่ากลัวว่าทุกกระเป๋าจะโดนสแกนกันอีกรอบ)
การเข้าตัวเมืองเราใช้วิธีนั่งรถไฟที่อยู่ชั้นใต้ดินของ สนามบินครับ ซื้อตั๋วจาก counter หรือตู้กดได้เลย13 Euro/คน อย่าลืม Validate ตั๋วกับเครื่องก่อนลง ไปที่ชานชาลา นั่งรถไฟสาย Malpensa Express อีกทางเลือกคือนั่ง airport bus ครับ ราคาถูกกว่า เราเลือกรถที่ไปจอดที่ Milan Centrale สถานีรถไฟหลักของเมือง เพราะจองโรงแรมไว้แถวนี้ชื่อ 43 Station Hotel สภาพห้องดี อาหารเช้าok Staff ช่วยเหลือดี แนะนำเลยครับ (โรงแรมนี้แพงสุดใน trip ครั้งนี้แต่ก็เป็นที่เดียวที่มีตู้เย็นใบเล็กให้แช่ของครับ)
สถานีรถไฟ Milan Centrale ใหญ่โต อลังการ
สนามฟุตบอล San Siro (จูเซปเป เมอัซซา สเตเดี้ยม)
คนที่เป็นแฟนบอลยุโรปทุกคนต้องรู้จักสนามเก่าแก่ ถูกใช้งานใน Match สำคัญๆมาตลอดแห่งนี้ ความพิเศษนอกจากประวัติศาสตร์มากมาย คือ San Siro นั้นเป็นสนามเหย้าของทีมประจำเมือง Milan ทั้ง 2 ทีม AC Milan และ Inter Milan ดังนั้น Mega Store ใต้ถุนสนามก็จะมีของขายทั้งสองทีมอยู่รวมกัน ปกติเราจะสามารถจองทัวร์ชมสนามได้ในวันที่ไม่มี Match แข่งขัน แต่วันนี้ไม่เปิดให้จองครับ
สาเหตุที่ไปทัวร์สนามไม่ได้คือพรุ่งนี้มี Concert เขาใช้พื้นที่เต็มสนามเลย เสียดายจริง ดีว่าข่าวเรื่องจะทุบสนามสร้างใหม่เหมือนจะยกเลิกไปแล้ว ยังมีโอกาสที่วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่ได้
เดินเข้าไป Maga Store ในร้านแบ่งเป็น 2 ฝั่ง AC Milan มาใน concept สีสรรตามฉายาปีศาจแดงดำ ช่วงนี้ดูครึกครื้นกว่าเพราะเป็นแชมป์บอล Series A ฤดูกาล ที่ผ่านมา มีเสื้อ T-shirt version ฉลองแชมป์ครั้งที่ 19 ขาย อีกฝั่งเป็นของ Inter Milan คุมโทน น้ำเงินดำ ตามสีสโมสร แต่เวลาซื้อของเขาก็ไม่ได้แบ่งฝั่งสโมสรอะไรนะครับ ผมซื้อเสื้อ Inter Milan ก็ไปจ่ายเงิน Counter ฝั่ง AC Milan ได้
*** : การเดินทางมาสนาม San Siro ง่ายมากครับ เราซื้อตั๋ว Milan 24 hr. จากตู้ในสถานีรถไฟใต้ดิน นั่งรถไฟใต้ดินสาย 5 สีม่วงมาสุดสายที่สถานี San Siro Stadium ออกจากสถานีก็มองเห็นภาพสนามใหญ่โต มีเอกลักษณ์เป็นทางลาดที่วนเวียนรอบตัวสนาม
ขากลับจะเข้าเมือง แนะนำนั่งรถ Tram สาย16 ต้นสายอยู่หน้าสนามเลย รถมาทุก 10 นาที นั่งชมเมืองไปเรื่อยๆ 30 นาทีก็ถึงใจกลางเมือง ลงจาก Tram ที่ป้าย Cordusio M1 จะเจอ Starbucks Reserve Roastery เป็นสาขาที่พิเศษที่มีอยู่แค่ 6 แห่งในโลก (แห่งเดียวในยุโรป) มีเครื่องผลิตกาแฟอันใหญ่มากตั้งอยู่กลางร้าน โชว์ขั้นตอนตั้งแต่จากคั่วเมล็ดกาแฟจนเสร็จสมบูรณ์ เราเข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่ม ดูเครื่องทำงานมีความสุขดีครับ
ออกจาก Starbucks เดินมาอีกนิดเดียวก็ถึง Duomo มหาวิหารหลักของเมือง กับ ห้างสุดหรู Galleria Vittorio Emanuele II ที่อยู่ข้างๆกัน แวะทานไอติมร้าน Savini ในห้างกัน
*** : ถ้ามาเที่ยวในประเทศที่เป็นสุดยอดเจ้าแห่งกาแฟอย่างอิตาลี จะหา Starbucks ทานไม่ได้ง่ายๆนะครับ ทั้งประเทศมี Starbucksแค่สิบกว่าสาขาเท่านั้นและส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือโซน Milan นี่แหละ
Duomo เป็นจุดตัดของ รถไฟใต้ดิน สายสีเหลืองกับสีแดง เดินทางสะดวกมาก ตอนเย็นคนเยอะมากเช่นกัน ถ้าอยากถ่ายรูปสงบๆคนน้อยๆคงต้องมาช่วงเช้าเลย หรือ ดึกหน่อยถ่ายกับแสงไฟก็สวยอีกแบบ
[CR] เที่ยวอิตาลีใน 1 สัปดาห์ เริ่มที่มิลานจบที่โรม
เมื่อเดือนมี.ค.เราเริ่มมาวางแผนว่าจะไปเที่ยวอิตาลีกัน โดยอยู่บนพื้นฐานการประเมินว่า Covid กำลังอ่อนแรงลง(ชั่วคราว) ข้อจำกัดและเงื่อนไขการเข้าออกต่างประเทศเริ่มมีการผ่อนปรนลง ก็มาลงตัวเป็น trip นี้ในกลางเดือน มิ.ย. มีเวลาอยู่ในอิตาลี 7วัน 6คืน
เริ่มจองตั๋วเครื่องบินกลางเดือน มี.ค. โชคดีที่ช่วงนั้นราคาตั๋วยังไม่สูงมาก เหมือนว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่มีแผนเดินทางกัน ทำให้ได้ตั๋ว Turkish Airline แบบ Multi-City กรุงเทพ-มิลาน 11 มิ.ย. / โรม –กรุงเทพ 18 มิ.ย. (แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน อิสตันบูล ตุรเคีย) ราคาคนละ 21,000 บ.
หลังจากได้ตั๋วเครื่องบิน เราก็ลุยจองตั๋วรถไฟระหว่างเมืองที่เราใช้เป็นพาหนะหลักในการเดินทางระหว่างเมือง (จองล่วงหน้าแบบ fix วันและเที่ยวเดินทาง มักจะมี promotion ถูกๆ) จองโรงแรมแบบจ่ายเงินตอนเข้าพัก โดยใช้บริการ booking.com เน้นเลือกโรงแรมที่ไม่แพงมากและอยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักของเมืองไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าไกล (อย่าลืมใส่ชื่อคนเข้าพักทุกคนในทุก booking เพื่อเอาไว้เป็นเอกสารขอ Visa)
จองวันขอ visa กับ VFS เตรียมเอกสารตามข้อกำหนดให้เรียบร้อย จองได้วันที่ 26 เม.ย. (หลังยื่นกว่าสถานทูตจะอนุมัติ Visa EMSส่ง Passport กลับมาก็วันที่ 21 พ.ค.) ถึงตอนนี้เราพร้อมเดินทางแล้ว
วันแรก กรุงเทพ –อิสตันบูล –มิลาน
Turkish airline ที่สุวรรณภูมิ counter check in เปิดเร็วดีมาก บิน 23.00 ประมาณทุ่มนิดๆก็เปิดให้ check in แล้ว การบริการบนเครื่องก็ตามมาตรฐาน เครื่องขึ้นก็เสิร์ฟอาหารมื้อแรกกันเลย (ตอนเที่ยงคืน) และมีมื้อก่อนถึงปลายทางอีกหนึ่งครั้ง สนามบินใหม่ใหญ่โตอลังการมากๆๆ ผู้โดยสารที่มาต่อเครื่องก็เยอะมาก เช่นกัน Free Wi-Fi ที่สนามบินให้ 1 ชม.ครับ (โดยลงทะเบียนผ่านมือถือ รับcode ทาง SMS หรือใช้ passport scanรับสิทธิที่ตู้ Kiosk )
Milan
มาถึงสนามบิน Malpensa Milan ประมาณ 9.30 ตอนเข้าเมืองใช้เวลานานมากทีเดียว ตรงตม.นั้นไม่นาน ไม่มีการถามหรือขอดูข้อมูลเกี่ยวกับโควิด หรือวัคซีนใดๆทั้งสิ้น แต่ไปช้าตรงต้องเข้าแถวสแกนกระเป๋า carry on ทุกคน กระเป๋าที่โหลดก็รอที่สายพานนานมาก(น่ากลัวว่าทุกกระเป๋าจะโดนสแกนกันอีกรอบ)
การเข้าตัวเมืองเราใช้วิธีนั่งรถไฟที่อยู่ชั้นใต้ดินของ สนามบินครับ ซื้อตั๋วจาก counter หรือตู้กดได้เลย13 Euro/คน อย่าลืม Validate ตั๋วกับเครื่องก่อนลง ไปที่ชานชาลา นั่งรถไฟสาย Malpensa Express อีกทางเลือกคือนั่ง airport bus ครับ ราคาถูกกว่า เราเลือกรถที่ไปจอดที่ Milan Centrale สถานีรถไฟหลักของเมือง เพราะจองโรงแรมไว้แถวนี้ชื่อ 43 Station Hotel สภาพห้องดี อาหารเช้าok Staff ช่วยเหลือดี แนะนำเลยครับ (โรงแรมนี้แพงสุดใน trip ครั้งนี้แต่ก็เป็นที่เดียวที่มีตู้เย็นใบเล็กให้แช่ของครับ)
สาเหตุที่ไปทัวร์สนามไม่ได้คือพรุ่งนี้มี Concert เขาใช้พื้นที่เต็มสนามเลย เสียดายจริง ดีว่าข่าวเรื่องจะทุบสนามสร้างใหม่เหมือนจะยกเลิกไปแล้ว ยังมีโอกาสที่วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่ได้
ขากลับจะเข้าเมือง แนะนำนั่งรถ Tram สาย16 ต้นสายอยู่หน้าสนามเลย รถมาทุก 10 นาที นั่งชมเมืองไปเรื่อยๆ 30 นาทีก็ถึงใจกลางเมือง ลงจาก Tram ที่ป้าย Cordusio M1 จะเจอ Starbucks Reserve Roastery เป็นสาขาที่พิเศษที่มีอยู่แค่ 6 แห่งในโลก (แห่งเดียวในยุโรป) มีเครื่องผลิตกาแฟอันใหญ่มากตั้งอยู่กลางร้าน โชว์ขั้นตอนตั้งแต่จากคั่วเมล็ดกาแฟจนเสร็จสมบูรณ์ เราเข้าไปนั่งจิบเครื่องดื่ม ดูเครื่องทำงานมีความสุขดีครับ
Duomo เป็นจุดตัดของ รถไฟใต้ดิน สายสีเหลืองกับสีแดง เดินทางสะดวกมาก ตอนเย็นคนเยอะมากเช่นกัน ถ้าอยากถ่ายรูปสงบๆคนน้อยๆคงต้องมาช่วงเช้าเลย หรือ ดึกหน่อยถ่ายกับแสงไฟก็สวยอีกแบบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้