"ปรัชญา" กล้าถาม/สงสัย/วิภาษ/จับผิดแม้แต่คำสั่งสอนของศาสนาของตนของอาจารย์ตน (ไม่ใช่ของคนอื่น)

ปรัชญา (ตะวันตก) มาจาก philosophy ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญคือ methodical doubt หรือ dialectical criticism. เป็นคนละคำกับ ปัญญา (wisdom) และ วิจิกิจฉา ซึ่งเป็นตัวโมหะ. แต่ปรัชญา น่าจะใกล้เคียงกันกับ (แม้จะไม่เหมื่อนกันกับ) สัทธา ญาณะสัมปะยุตโต (ใน โพธิปักขิยธรรม). ศัพท์เทคนิคเฉพาะใน ปรัชญาตกวัน อีก สองคำคือ "bad faith" และ "investigation" สองคำนี้ นักปรัชญาตะวันตกยืมมาใช้จากคำสามัญ แต่มีความหมายเฉพาะเมื่อนำมาใช้ในทางปรัชญาตะวันตก.

ข้อมูลที่ยกมานี้ ต้องการให้ไว้สำหรับปลุกชาวพุทธไทยบางหมู่บางคณะ ที่หลงคัมภีร์ ติดอาจารย์ตน เพื่อฟอกทิฏฐิตนให้บริสุทธิ์. และเพื่อบริหาร "โยนิโสมนการ" และ "ธัมมานุธัมมะปฏิบัติ" และ "การสั่งสมสุตตะ" ที่ไม่คับแคบ แต่ก็หนักแน่น ไม่เลอะเลีอนหลงลืม แต่ตื่นรู้ (พาหุสัจจัญจะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง). เพื่อน้อมตนเข้าไปหาธรรม (โอปนยิโก) แต่ไม่กดธรรมเข้ามาหาตน ไม่เบื่อหน่ายการคบหาบัณฑิตย์และฟังธรรมจากท่านเหล่านั้น.

ป.ล.

๑. แม้แต่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง สมัยเมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมารโพธิสัตว์มหาสัตว์ หากมิทรงตั้งคำถามในคำสั่งสอนของครูหรือคณาจารย์ที่ท่านยอมตัวเองศิษย์ และศึกษาให้เข้าพระทัยในคำสั่งสอนเหล่านั้นอย่างท่องแท้แล้ว พระธรรมจักรอันไม่มีใครหมุนกลับได้ กล่าวคือ พระพุทธศาสนา อันพระกอบด้วยพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ อันว่าพุทธสาวกร่วมด้วย พุทธบริษัท ๔ จึงเกิดอุบัติขึ้นในโลก.
๒. เมื่อตอนตรัสรู้ทรงพบเองอีกด้วยลำพังพระองค์ในสิ่งที่เรียกว่า "การโคจรไม่ในโคตรอันเป็นวิสัยสืบมาแต่บิดาตน" .. ของเก่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่