ครึ่งปีนี้นับว่าหนักหนาสาหัสพอควรสำหรับการลงทุน แหะๆ
เอาจริงๆ มันไม่ใช่ครึ่งปีหรอก มันเริ่มตั้งแต่ 15 November 2021 ละฮะ แต่แค่มันยังไม่ลามไป big tech
จริงๆ ภาพปิดปลายปีมันเรื่มแย่มากละ เพราะเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น ตามมาด้วย QT ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมาเร็ว
มกราคม-ดอกเบี้ยขึ้นแรง+ QT + หุ้นเทคเทกระจาด พี่วิลถือหุ้นนอกตัวนึงลุ้นคืน 24 มกราเหนียวคอเลยครับ ปิดตลาด ลงไป 5% พองบออกขึ้นไป 8% เหนื่อยมากตอนตีสี่
กุมภา- สงครามเริ่ม
มีนา-รัสเซียยิงจรวดลงรฟฟ นิวเคลียร์ + FED ขึ้นดอกครั้งแรก
เมษา-ไม่มีข่าวร้ายหนักมาก แต่ราคาคอมโมวิ่งหนักมาก
พฤษภา-เริ่มเล่นข่าว recession พีคคนกลัวสุดคือ 13 May
มิถุนายน-เริ่มเล่นข่าว stagflation จะเหมือน 1973 เกิด lost decade ไป 10 ปี + FED อัด 75 basis point ทำเอานักลงทุนขวัญหนีดีฝ่อ ห่อเหี่ยว
แต่พี่วิล เดาแบบมโนว่า
มันจะไม่เหมือนในช่วงปี 1970-1980 ที่เกิด oil shock แล้วทำให้เกิด stagflation แล้วก็เกิด self-fulfilling prophecy inflation จากความที่ Fed don't know what they are doing เลยต้องจบแบบเข้า ICU ไปหลายปี
ในยุคนี้เวลาน้ำมันแพง ตัวเลือกเรามีเยอะมาก ในยุคนี้เวลาอาหารนอกบ้างแพง ตัวเลือกอื่นในการหาอาหารกินก็มีเยอะมาก
=> ละถ้ามันแพงมาก ก้องดออกนอกบ้าน หาความบันเทิงที่บ้านราคาถูกเอา หรือทำกับข้าวที่บ้านเอาน่ะนะ
สินค้าจำเป็น ที่มี impact กับคนส่วนมาก พี่วิลว่าปัจจุบันมีกลไกหลายๆ อย่างที่จะลดผลกระทบกับชีวิตคนได้ ในขณะที่ FED ก็มีบทเรียนแบบหนักๆ ในปี 1973-1980 จากในอดีตมากพอจนไม่น่าจะปล่อยให้เกิด runaway inflation อีกแล้ว (อย่าลืมว่า คน US 60-70% ใช้ SP500 เป็นกองทุนเกษียณอายุ ถ้า FED ทำอะไรโง่ๆ เจอดีแน่)
เมื่อเช้าเฮียกานต์พูดเรื่องการกลับสู่สมดุลของเงินเฟ้อ ผมเลยตอบเรื่อง MMT ตราบเท่าที่เงินเฟ้อยังคุมได้ กล่าวคือ เงินเฟ้อ พอรับได้ ดอกเบี้ยระดับ 2-3% ไม่ต้อง QE ก้อได้ ศก.โลก ก้อหมุนไปได้แล้วเรื่อยๆ
อย่าลืมครับว่า เราอยู่ในยุค digitalization แบบกึ่งสมบูรณ์ (เรามี Automation, AI, Robot) แล้ว ไม่ได้อยู่ในยุค 1970 ที่ไม่มีองค์ความรู้ใดๆ ในการคุมเงินเฟ้อ
ขนาดโควิดเรายังผ่านกันมาได้ กับแค่นี้ ทำไมเราจะผ่านไปไม่ได้ละครับ
ปล. ผมมโนอย่าเชื่อผม
$€£¥ Recession แบบเบาๆ soft landing แบบนุ่มๆ มโนไปกับพี่วิลครับ
เอาจริงๆ มันไม่ใช่ครึ่งปีหรอก มันเริ่มตั้งแต่ 15 November 2021 ละฮะ แต่แค่มันยังไม่ลามไป big tech
จริงๆ ภาพปิดปลายปีมันเรื่มแย่มากละ เพราะเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น ตามมาด้วย QT ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมาเร็ว
มกราคม-ดอกเบี้ยขึ้นแรง+ QT + หุ้นเทคเทกระจาด พี่วิลถือหุ้นนอกตัวนึงลุ้นคืน 24 มกราเหนียวคอเลยครับ ปิดตลาด ลงไป 5% พองบออกขึ้นไป 8% เหนื่อยมากตอนตีสี่
กุมภา- สงครามเริ่ม
มีนา-รัสเซียยิงจรวดลงรฟฟ นิวเคลียร์ + FED ขึ้นดอกครั้งแรก
เมษา-ไม่มีข่าวร้ายหนักมาก แต่ราคาคอมโมวิ่งหนักมาก
พฤษภา-เริ่มเล่นข่าว recession พีคคนกลัวสุดคือ 13 May
มิถุนายน-เริ่มเล่นข่าว stagflation จะเหมือน 1973 เกิด lost decade ไป 10 ปี + FED อัด 75 basis point ทำเอานักลงทุนขวัญหนีดีฝ่อ ห่อเหี่ยว
แต่พี่วิล เดาแบบมโนว่า
มันจะไม่เหมือนในช่วงปี 1970-1980 ที่เกิด oil shock แล้วทำให้เกิด stagflation แล้วก็เกิด self-fulfilling prophecy inflation จากความที่ Fed don't know what they are doing เลยต้องจบแบบเข้า ICU ไปหลายปี
ในยุคนี้เวลาน้ำมันแพง ตัวเลือกเรามีเยอะมาก ในยุคนี้เวลาอาหารนอกบ้างแพง ตัวเลือกอื่นในการหาอาหารกินก็มีเยอะมาก
=> ละถ้ามันแพงมาก ก้องดออกนอกบ้าน หาความบันเทิงที่บ้านราคาถูกเอา หรือทำกับข้าวที่บ้านเอาน่ะนะ
สินค้าจำเป็น ที่มี impact กับคนส่วนมาก พี่วิลว่าปัจจุบันมีกลไกหลายๆ อย่างที่จะลดผลกระทบกับชีวิตคนได้ ในขณะที่ FED ก็มีบทเรียนแบบหนักๆ ในปี 1973-1980 จากในอดีตมากพอจนไม่น่าจะปล่อยให้เกิด runaway inflation อีกแล้ว (อย่าลืมว่า คน US 60-70% ใช้ SP500 เป็นกองทุนเกษียณอายุ ถ้า FED ทำอะไรโง่ๆ เจอดีแน่)
เมื่อเช้าเฮียกานต์พูดเรื่องการกลับสู่สมดุลของเงินเฟ้อ ผมเลยตอบเรื่อง MMT ตราบเท่าที่เงินเฟ้อยังคุมได้ กล่าวคือ เงินเฟ้อ พอรับได้ ดอกเบี้ยระดับ 2-3% ไม่ต้อง QE ก้อได้ ศก.โลก ก้อหมุนไปได้แล้วเรื่อยๆ
อย่าลืมครับว่า เราอยู่ในยุค digitalization แบบกึ่งสมบูรณ์ (เรามี Automation, AI, Robot) แล้ว ไม่ได้อยู่ในยุค 1970 ที่ไม่มีองค์ความรู้ใดๆ ในการคุมเงินเฟ้อ
ขนาดโควิดเรายังผ่านกันมาได้ กับแค่นี้ ทำไมเราจะผ่านไปไม่ได้ละครับ
ปล. ผมมโนอย่าเชื่อผม