หากจะมีซีรีส์เรื่องไหนในปี 2022 ที่ทำให้ผมน้ำตาซึมได้
ตั้งแต่ 4 ตอนแรก ที่เริ่มดู ซีรีส์ที่ว่าด้วยชีวิตของ “อูยองอู”
ทนายความสาว วัย 27 ปี ที่มีอาการออทิสติก คงเป็นซีรีส์เรื่องแรก
ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนที่เริ่มดูเรื่อง Hometown Cha Cha Cha
แต่ก่อนอื่นต้องสารภาพว่า ผมตกหลุมรักการแสดงของ พัคอึนบิน
ตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง The King’s Affection : ราชันผู้งดงาม บน Netflix
ผมว่าพรสวรรค์อย่างหนึ่งของ พัคอึนบิน คือการตีความตัวละคร
และดึงเอาเสน่ห์ของคาแรคเตอร์นั้น ออกมาสู่สายตาผู้ชม
ในเรื่อง The King’s Affection อึนบิน รับบทเป็นองค์รัชทายาท
ที่ร่างกายเป็นผู้หญิง แต่ต้องซ่อนความจริงไว้ภายใต้ชื่อของฝาแฝดตัวเอง
แม้ว่าหัวใจที่แท้จริงจะตกหลุมรัก “จองจีอุน” ผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง
และเป็นคนเดียวกับเด็กผู้ชายที่เธอเคยรักตั้งแต่วัยเยาว์
การจะสื่อสารให้คนเชื่อว่าเธอเป็นได้ทั้งผู้ชายในยามที่เป็นกษัตริย์
และเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในยามที่อยู่ต่อหน้า จีอุน
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบท
และอารมณ์ของตัวละครเป็นอย่างมาก
ในซีรีส์เรื่องนี้ที่เธอต้องรับบทเป็น “อูยองอู” ก็เช่นกัน
อึนบิน ต้องแสดงคาแรคเตอร์ที่เปิดเผยความรู้สึกไม่ได้
เพราะคนที่มีอาการออทิสติก จะมีความบกพร่องเรื่องการเข้าสังคม
ไม่กล้าสบตาคน เวลาถูกคนแปลกหน้าแตะตัวก็จะเกร็ง จนทำตัวไม่ถูก
ติดอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป บ่อยครั้งที่พูดตรงเกินไป
และพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจจนดูน่ารำคาญ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวละครแบบนี้ ไม่ใช่ตัวละครแรก
ที่ทำให้ผู้ชมที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีรู้สึกตกหลุมรัก
เพราะเราเคยอยากมีพี่ชายที่ชื่อ “ซังแท”
จากซีรีส์เรื่อง it's okay to not be okay
และเราเคยเอ็นดูความไร้เดียงสาของ “กือรู”
จากมินิซีรีส์เรื่อง Move to Heaven
การมาถึงของตัวละครอย่าง “อูยองอู” สำหรับผม
จึงไม่ใช่ความแปลกใหม่ในการดูซีรีส์
แต่เป็นความรู้สึกของการได้ตกหลุมรัก
ตัวละครที่มีจิตใจแสนบริสุทธ์อีกครั้ง
ผมขอให้บทความนี้พาคุณไปสู่โลกของ “อูยองอู”
ไปสัมผัสกับความรักที่เธอมีต่อโลกใบนี้
และสำหรับใครยังไม่ได้ตัดสินใจดู
หรือดูแล้วอยากเติมเต็มอรรถรสในการชมมากขึ้น
ผมหวังว่าบทความนี้จะมีคุณค่าสำหรับคุณเช่นกัน
“ยองอูน่าจะเป็นออทิสติกครับ”
คำกล่าวของคุณหมอ ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อหนักอึ้ง
เธอไม่ยอมคุยกับเขา ไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียว
ทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆตามทางกลับบ้านที่เคยเดิน
เสียงเจ้าของบ้านตะโกนด่า หาว่าเขามายุ่งกับเมียชาวบ้าน
ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้ทันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชายคนนั้นก็พุ่งตัวมาทำร้ายร่างกายเขาต่อหน้าลูก
“ข้อหาทำร้ายร่างกาย” คือคำพูดแรกของ ยองอู
ใช่แล้ว ลูกสาวผู้เงียบงันของเขาพูดได้เป็นครั้งแรก
มันคือข้อความในหนังสือกฎหมายอาญาเล่มหนา
ที่ผู้เป็นพ่อวางไว้ในชั้นหนังสือของบ้าน
นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็รู้ว่าลูกสาวคนเดียวของเขา
คือ “อัจฉริยะ” ที่ติดอยู่กับคำว่า “เด็กออทิสติก”
โลกของเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่น
17 พฤศจิกายน ปี 2000 คือ วันที่พ่อรู้ว่า
“ลูกสาวของเขาคือคนพิเศษ”
.
ชื่อของฉัน คือ “อูยองอู”
ไม่ว่าอ่านตามตรงหรือกลับด้านอ่านก็ยังเป็นอูยองอู
กนก บวบ นลิน ยาย วาดดาว “อูยองอู”
เธอชื่นชอบความเป็นระเบียบ
ชื่นชอบเรื่องราวของ “วาฬ”
ชื่นชอบ คิมบับ ของพ่อที่ทำให้
เธอบอกว่ามันไว้ใจได้
เพราะมองเห็นวัตถุดิบข้างใน
จึงไม่มีทางตกใจกับเนื้อสัมผัส
หรือรสชาติที่คาดไม่ถึง
เธอใส่หูฟังตัดเสียงรบกวนเป็นประจำ
เพราะเธอไม่ชอบเสียงดัง
และบ่อยครั้งที่จินตนาการของเธอ
มักจะมี “น้องวาฬ” แหวกว่ายอยู่ใกล้ๆ
วันแรกที่เธอไปทำงาน
อุปสรรคสำคัญที่ขวางอยู่ตรงหน้า
คือ "ประตูหมุน" ที่เธอผ่านไปไม่ได้
เธอจับจังหวะไม่ถูก หวดกลัวที่จะเดินเข้าไป
พอตัดสินใจจะเข้า ก็ไม่รู้จะออกจา่กตรงนั้น
เพื่อเข้าไปข้างในอาคารได้ยังไง
สุดท้ายเธอเลยถูกหมุนกลับมาที่เดิม
อูยองอู ทนายออทิสติกอัจฉริยะ
ที่ขึ้นชื่อว่าจำหนังสือได้ทุกเล่ม
กลับเดินผ่านแม้แต่ประตูหมุนไม่ได้
ใครบางคนเดินผ่านมาเห็น
เลยเอื้อมมือมาหยุดประตูหมุนเอาไว้
เพื่อให้เธอเข้าไปในอาคารได้
"จะไปไหนเหรอครับ?" เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"ไปออฟฟิศทนายจองมยองซอกค่ะ"
รอยยิ้ม และเสียงตกใจเล็กน้อยดังมาจากชายคนนั้น
"โอ๊ะ... ผมก็จะไปทางนั้นเหมือนกัน
เราเดินไปด้วยกันไหมครับ?"
เขาคือ จุนโฮ ทนายความหนุ่มหน้าตาดี
ที่ป็อปปูล่ามากที่สุดในสำนักงานกฎหมายแห่งนี้
Resume หน้าที่สองหายไป
เธอถามย้ำกับคนที่อยู่ตรงหน้าว่าได้อ่านหรือยัง
เขาไม่ทันได้เห็นหน้าที่สอง และจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าวันที่ทนายความคนใหม่จะเข้ามาในทีมคือวันนี้
ยองอู บอกเขาไปอย่างไม่ลังเลว่าเธอเป็น ออทิสติก
เขาคือ จองมยองซ็อก ทนายความอาวุโส
ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าของ อูยองอู
วินาทีนั้น เขาเดินไปหาหัวหน้าที่ห้องทำงาน
พร้อมกับตั้งคำถามว่า ผมจสอนคนแบบนี้ได้ยังไง
เพราะเขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่า ยองอู ที่เขาเห็นง
จะมีคุณสมบัติมากพอจะว่าความในศาลได้ยังไง
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ได้เห็นความทุ่มเท
ได้เห็นความรักในกฎหมายที่ ยองอู ทำให้
เขายิ่งรู้สึกว่า ทีมของเขาขาดคนๆนี้ไปไม่ได้
ในวันที่แม้แต่ลูกความก็ไม่เชื่อใจให้ยองอูทำงาน
เขาคือคนเดียวที่เดินไปหาหัวหน้าของตัวเอง
เพื่อยืนยันว่า ยองอู มีความสามารถพอจะว่าความได้
แม้แต่ในวันที่ ยองอู ยื่นจดหมายลาออก
เพราะรู้สึกว่าตัวเองช่วยเหลือจำเลยไม่ได้
เขาก็ไม่ยอมส่งเรื่องลาออกของ ยองอู ออกไป
เพราะเชื่อมั่นว่าสุดท้าย ความรักในกฎหมายของเธอ
จะทำให้เธอกลับมาเป็น "ทนายความ" อีกครั้ง
"คุณยองอู ไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกับผมเหรอครับ"
เขาเอ่ยถามคำถามนั้น หลังจากฟังเรื่องวาฬทุกวัน
ตามที่เคยตกลงว่าจะรับฟังเรื่องวาฬจากยองอู
"ไม่มีค่ะ" เสียงตอบดังมาจาก ยองอู แทบจะทันที
"งั้นเรามากำหนดเวลาคุยเรื่องวาฬไหมครับ?
เรามาคุยเรื่องวาฬกันเฉพาะตอนเที่ยง"
12.00 น. ที่โรงอาหารชั้นใต้ดินของบริษัท
ยองอู ที่ด้านหน้ามีกล่องคิมบับ
กำลังพูดแต่เรื่องของวาฬให้ จุนโฮ ฟัง
มันอาจเป็นมื้อเที่ยงที่ จุนโฮ
ไม่ได้รู้จัก ยองอู มากขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอเอาแต่พูดเรื่องของวาฬ
แต่มันกลับเป็นมื้อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพราะเขาสัญญากับเธอว่านี่คือเวลานั้น
เวลาที่จะคุยเรื่อง "วาฬ" กันแค่สองคน
ตลอดการเดินเรื่องทั้ง 4 ตอน ของซีรีส์เรื่องนี้
มีประเด็นที่ถูกแทรกมาไว้ในแต่ละคดี
คดีภรรยาที่ทุบตีสามีด้วยเตารีด
แฝงไว้ด้วยแง่คิดของความรัก
ที่แม้จะไม่ถูกกันไปบ้าง
แต่ก็พร้อมจะดูแลไปชั่วชีวิต
คดีชุดแต่งงานที่หลุดลงมา
สะท้อนถึงการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
ที่จิตใจไม่ผู้ติดอยู่กับความต้องการของพ่อแม่
.
คดีสามพี่น้องแบ่งมรดก สะท้อนถึงความโลภ
และความมืดบอดในจิตใจของมนุษย์
เมื่อมีเรื่องของเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่คดีที่แตะกับชีวิตของ อูยองอู มากที่สุด
คงหนีไม่พ้นคดีทำร้ายร่างกายพี่ชายตัวเอง
ที่จำเลยในคดีนี้ เป็นออทิสติก เหมือนกันกับเธอ
"คนที่ไม่ควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่"
นั่นคือคำนิยามที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปี
คนที่เป็นออทิสติกต้องแบกรับความเจ็บปวด
ที่ถูกคนอื่นมองว่าติ๊งต๊อง ไร้ค่า อายุสมองไม่พัฒนา
ไม่สมควรเติบโตขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตบนโลกใบนี้
ความพิการแต่ละอย่างมีอุปสรรค
และนี่คือน้ำหนักของความพิการ
ที่คนเป็นออทิสติกบนโลกต้องแบกรับ
ท่าทักทายแบบ Hip Hop
ความป่วน ความแสบ และความน่ารัก
เกิดขึ้นทุกครั้งที่เพื่อนรักสองคนเจอกัน
"ดงกือรามี" และ "อูยองอู"
ทั้งสองคนมาจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน
พ่อพาเธอย้ายมาจากเมืองหลวง
ด้วยความหวังที่ว่า โรงเรียนในชนบท
จะไม่มีการแกล้งกันแบบที่ ยองอู เคยเจอ
แต่ดูเหมือนพ่อของเธอจะคิดผิด
เธอถูกเรียกว่า "ยับต๊อง" ประจำโรงเรียน
และเกมที่ฮิตที่สุดที่โรงเรียน ก็คือ "อุ๊ย ขอโทษที"
ทุกคนดูสนุกกับการได้แกล้งเธอ
แต่มีแค่คนเดียว ที่ไม่สนุกด้วย
และออกหน้าปกป้องเธอตลอดมา
คนๆนั้น คือ "ดงกือรามี" คนไม่มีเพื่อน
ผู้หญิงตัวแสบที่ถูกเรียกว่า "ยัยประสาท"
กลายเป็นคนเดียวในโรงเรียน
ที่ ยองอู อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัย
.
วันหนึ่งตอนที่กำลังเดินมาโรงเรียน
รามี เห็น ยัยต๊อง เดินตามเธอมาต้อยๆ
เลยหันไปตะโกนถามว่าเดินตามเธอมาทำไม
ตอนนั้นเอง ที่ยองอู กล้าที่จะตัดสินใจ
ว่าจะขอเป็นเพื่อนกับ รามี ตลอดไป
รามี หัวเราะกับคำตอบนั้น แล้วถามกลับไปว่า
แล้วฉันได้อะไรจากการอยู่กับเธอ?
คำตอบง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ออกมาจากปากของ "อูยองอู
"ฉันจะเป็นเพื่อนเธอเอง เธอไม่มีเพื่อนนี่นา"
ในตอนนั้น รามี ไม่ได้ตอบรับ
ว่าจะเป็นเพื่อนกับ ยองอู ไหม
เธอแค่หัวเราะ พูดกับตัวเอง แล้วเดินต่อไป
ในวินาทีที่ ยองอู ไม่รู้ว่าคำขอของเธอ
ได้รับคำตอบกลับมาหรือไม่
รามี ก็หันกลับมาเร่งเธอให้เดินต่อด้วยคำว่า
"มัวทำอะไรอยู่ ไหนว่าสายแล้วไง"
และนี่คือจุดเริ่มต้นมิตรภาพระหว่าง ยองอู กับ รามี
"เราไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันไหมครับ?"
คำเชิญชวนจาก จุนโฮ พุ่งตรงมาที่ ยองอู
ระหว่างที่เขาขับรถกลับจากต่างจังหวัดกับเธอ
หลังจากที่เขารู้ว่าเธอยื่นจดหมายลาออก
มีหนึ่งเรื่องที่ติดค้างในใจของเขามาตลอด
นั่นคือเขาไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงลาออก
มันเกี่ยวข้องกับวันที่เขาเดินไปกับเธอ
แล้วเจอรุ่นน้องถามว่าเขาทำงานอาสาสมัครอยู่เหรอ
เขาเลยเลือกจังหวะที่อยู่กันแค่สองคน
ถามคำถามที่ว่านี้กับ ยองอู
และคำตอบที่เขาได้รับกลับมา ก็คือ
"ขนาดตอนที่ฉันทำงานเป็นทนายความอูยองอู
ฉันยังรู้สึกว่าในสายตาคนอื่น
ฉันก็ยังเป็นอูยองอู ที่เป็นออทิสติกอยู่ดี
อูยองอูที่เป็นออทิสติกคือหมาหัวเน่าค่ะ
อยู่ข้างเดียวกับฉันก็มีแต่จะแพ้
ฉันไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่าค่ะ"
วินาทีนั้นหัวใจของ จุนโฮ รู้ทันทีว่าต้องพูดอะไร
และมันคือคำพูดที่เปลี่ยนแววตาของ ยองอู
จากหม่นเศร้าให้กลับมามีความหวังได้ทันที
เขาพูดว่า
"ผมอยากอยู่ข้างเดียวกับคุณทนายนะครับ
ผมอยากได้ทนายแบบคุณ
มาอยู่ข้างผมนะครับ"
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
แต่หัวใจของ ยองอู กลับลอยตัวไปมา
เหมือน "วาฬ" ที่แหวกว่ายอยู่ในจินตนาการของเธอ
RECAP Extraordinary Attorney Woo : อูยองอู ทนายอัจฉริยะ EP.1-4 By Nottchakun
หากจะมีซีรีส์เรื่องไหนในปี 2022 ที่ทำให้ผมน้ำตาซึมได้
ตั้งแต่ 4 ตอนแรก ที่เริ่มดู ซีรีส์ที่ว่าด้วยชีวิตของ “อูยองอู”
ทนายความสาว วัย 27 ปี ที่มีอาการออทิสติก คงเป็นซีรีส์เรื่องแรก
ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนที่เริ่มดูเรื่อง Hometown Cha Cha Cha
แต่ก่อนอื่นต้องสารภาพว่า ผมตกหลุมรักการแสดงของ พัคอึนบิน
ตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง The King’s Affection : ราชันผู้งดงาม บน Netflix
ผมว่าพรสวรรค์อย่างหนึ่งของ พัคอึนบิน คือการตีความตัวละคร
และดึงเอาเสน่ห์ของคาแรคเตอร์นั้น ออกมาสู่สายตาผู้ชม
ในเรื่อง The King’s Affection อึนบิน รับบทเป็นองค์รัชทายาท
ที่ร่างกายเป็นผู้หญิง แต่ต้องซ่อนความจริงไว้ภายใต้ชื่อของฝาแฝดตัวเอง
แม้ว่าหัวใจที่แท้จริงจะตกหลุมรัก “จองจีอุน” ผู้เป็นอาจารย์ของตัวเอง
และเป็นคนเดียวกับเด็กผู้ชายที่เธอเคยรักตั้งแต่วัยเยาว์
การจะสื่อสารให้คนเชื่อว่าเธอเป็นได้ทั้งผู้ชายในยามที่เป็นกษัตริย์
และเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในยามที่อยู่ต่อหน้า จีอุน
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบท
และอารมณ์ของตัวละครเป็นอย่างมาก
ในซีรีส์เรื่องนี้ที่เธอต้องรับบทเป็น “อูยองอู” ก็เช่นกัน
อึนบิน ต้องแสดงคาแรคเตอร์ที่เปิดเผยความรู้สึกไม่ได้
เพราะคนที่มีอาการออทิสติก จะมีความบกพร่องเรื่องการเข้าสังคม
ไม่กล้าสบตาคน เวลาถูกคนแปลกหน้าแตะตัวก็จะเกร็ง จนทำตัวไม่ถูก
ติดอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป บ่อยครั้งที่พูดตรงเกินไป
และพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจจนดูน่ารำคาญ
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตัวละครแบบนี้ ไม่ใช่ตัวละครแรก
ที่ทำให้ผู้ชมที่ชื่นชอบซีรีส์เกาหลีรู้สึกตกหลุมรัก
เพราะเราเคยอยากมีพี่ชายที่ชื่อ “ซังแท”
จากซีรีส์เรื่อง it's okay to not be okay
และเราเคยเอ็นดูความไร้เดียงสาของ “กือรู”
จากมินิซีรีส์เรื่อง Move to Heaven
การมาถึงของตัวละครอย่าง “อูยองอู” สำหรับผม
จึงไม่ใช่ความแปลกใหม่ในการดูซีรีส์
แต่เป็นความรู้สึกของการได้ตกหลุมรัก
ตัวละครที่มีจิตใจแสนบริสุทธ์อีกครั้ง
ผมขอให้บทความนี้พาคุณไปสู่โลกของ “อูยองอู”
ไปสัมผัสกับความรักที่เธอมีต่อโลกใบนี้
และสำหรับใครยังไม่ได้ตัดสินใจดู
หรือดูแล้วอยากเติมเต็มอรรถรสในการชมมากขึ้น
ผมหวังว่าบทความนี้จะมีคุณค่าสำหรับคุณเช่นกัน
“ยองอูน่าจะเป็นออทิสติกครับ”
คำกล่าวของคุณหมอ ทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อหนักอึ้ง
เธอไม่ยอมคุยกับเขา ไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียว
ทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆตามทางกลับบ้านที่เคยเดิน
เสียงเจ้าของบ้านตะโกนด่า หาว่าเขามายุ่งกับเมียชาวบ้าน
ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้ทันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชายคนนั้นก็พุ่งตัวมาทำร้ายร่างกายเขาต่อหน้าลูก
“ข้อหาทำร้ายร่างกาย” คือคำพูดแรกของ ยองอู
ใช่แล้ว ลูกสาวผู้เงียบงันของเขาพูดได้เป็นครั้งแรก
มันคือข้อความในหนังสือกฎหมายอาญาเล่มหนา
ที่ผู้เป็นพ่อวางไว้ในชั้นหนังสือของบ้าน
นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็รู้ว่าลูกสาวคนเดียวของเขา
คือ “อัจฉริยะ” ที่ติดอยู่กับคำว่า “เด็กออทิสติก”
โลกของเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่น
17 พฤศจิกายน ปี 2000 คือ วันที่พ่อรู้ว่า
“ลูกสาวของเขาคือคนพิเศษ”
.
ชื่อของฉัน คือ “อูยองอู”
ไม่ว่าอ่านตามตรงหรือกลับด้านอ่านก็ยังเป็นอูยองอู
กนก บวบ นลิน ยาย วาดดาว “อูยองอู”
เธอชื่นชอบความเป็นระเบียบ
ชื่นชอบเรื่องราวของ “วาฬ”
ชื่นชอบ คิมบับ ของพ่อที่ทำให้
เธอบอกว่ามันไว้ใจได้
เพราะมองเห็นวัตถุดิบข้างใน
จึงไม่มีทางตกใจกับเนื้อสัมผัส
หรือรสชาติที่คาดไม่ถึง
เธอใส่หูฟังตัดเสียงรบกวนเป็นประจำ
เพราะเธอไม่ชอบเสียงดัง
และบ่อยครั้งที่จินตนาการของเธอ
มักจะมี “น้องวาฬ” แหวกว่ายอยู่ใกล้ๆ
วันแรกที่เธอไปทำงาน
อุปสรรคสำคัญที่ขวางอยู่ตรงหน้า
คือ "ประตูหมุน" ที่เธอผ่านไปไม่ได้
เธอจับจังหวะไม่ถูก หวดกลัวที่จะเดินเข้าไป
พอตัดสินใจจะเข้า ก็ไม่รู้จะออกจา่กตรงนั้น
เพื่อเข้าไปข้างในอาคารได้ยังไง
สุดท้ายเธอเลยถูกหมุนกลับมาที่เดิม
อูยองอู ทนายออทิสติกอัจฉริยะ
ที่ขึ้นชื่อว่าจำหนังสือได้ทุกเล่ม
กลับเดินผ่านแม้แต่ประตูหมุนไม่ได้
ใครบางคนเดินผ่านมาเห็น
เลยเอื้อมมือมาหยุดประตูหมุนเอาไว้
เพื่อให้เธอเข้าไปในอาคารได้
"จะไปไหนเหรอครับ?" เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"ไปออฟฟิศทนายจองมยองซอกค่ะ"
รอยยิ้ม และเสียงตกใจเล็กน้อยดังมาจากชายคนนั้น
"โอ๊ะ... ผมก็จะไปทางนั้นเหมือนกัน
เราเดินไปด้วยกันไหมครับ?"
เขาคือ จุนโฮ ทนายความหนุ่มหน้าตาดี
ที่ป็อปปูล่ามากที่สุดในสำนักงานกฎหมายแห่งนี้
Resume หน้าที่สองหายไป
เธอถามย้ำกับคนที่อยู่ตรงหน้าว่าได้อ่านหรือยัง
เขาไม่ทันได้เห็นหน้าที่สอง และจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าวันที่ทนายความคนใหม่จะเข้ามาในทีมคือวันนี้
ยองอู บอกเขาไปอย่างไม่ลังเลว่าเธอเป็น ออทิสติก
เขาคือ จองมยองซ็อก ทนายความอาวุโส
ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าของ อูยองอู
วินาทีนั้น เขาเดินไปหาหัวหน้าที่ห้องทำงาน
พร้อมกับตั้งคำถามว่า ผมจสอนคนแบบนี้ได้ยังไง
เพราะเขาไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่า ยองอู ที่เขาเห็นง
จะมีคุณสมบัติมากพอจะว่าความในศาลได้ยังไง
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ได้เห็นความทุ่มเท
ได้เห็นความรักในกฎหมายที่ ยองอู ทำให้
เขายิ่งรู้สึกว่า ทีมของเขาขาดคนๆนี้ไปไม่ได้
ในวันที่แม้แต่ลูกความก็ไม่เชื่อใจให้ยองอูทำงาน
เขาคือคนเดียวที่เดินไปหาหัวหน้าของตัวเอง
เพื่อยืนยันว่า ยองอู มีความสามารถพอจะว่าความได้
แม้แต่ในวันที่ ยองอู ยื่นจดหมายลาออก
เพราะรู้สึกว่าตัวเองช่วยเหลือจำเลยไม่ได้
เขาก็ไม่ยอมส่งเรื่องลาออกของ ยองอู ออกไป
เพราะเชื่อมั่นว่าสุดท้าย ความรักในกฎหมายของเธอ
จะทำให้เธอกลับมาเป็น "ทนายความ" อีกครั้ง
"คุณยองอู ไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกับผมเหรอครับ"
เขาเอ่ยถามคำถามนั้น หลังจากฟังเรื่องวาฬทุกวัน
ตามที่เคยตกลงว่าจะรับฟังเรื่องวาฬจากยองอู
"ไม่มีค่ะ" เสียงตอบดังมาจาก ยองอู แทบจะทันที
"งั้นเรามากำหนดเวลาคุยเรื่องวาฬไหมครับ?
เรามาคุยเรื่องวาฬกันเฉพาะตอนเที่ยง"
12.00 น. ที่โรงอาหารชั้นใต้ดินของบริษัท
ยองอู ที่ด้านหน้ามีกล่องคิมบับ
กำลังพูดแต่เรื่องของวาฬให้ จุนโฮ ฟัง
มันอาจเป็นมื้อเที่ยงที่ จุนโฮ
ไม่ได้รู้จัก ยองอู มากขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอเอาแต่พูดเรื่องของวาฬ
แต่มันกลับเป็นมื้อที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เพราะเขาสัญญากับเธอว่านี่คือเวลานั้น
เวลาที่จะคุยเรื่อง "วาฬ" กันแค่สองคน
ตลอดการเดินเรื่องทั้ง 4 ตอน ของซีรีส์เรื่องนี้
มีประเด็นที่ถูกแทรกมาไว้ในแต่ละคดี
คดีภรรยาที่ทุบตีสามีด้วยเตารีด
แฝงไว้ด้วยแง่คิดของความรัก
ที่แม้จะไม่ถูกกันไปบ้าง
แต่ก็พร้อมจะดูแลไปชั่วชีวิต
คดีชุดแต่งงานที่หลุดลงมา
สะท้อนถึงการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
ที่จิตใจไม่ผู้ติดอยู่กับความต้องการของพ่อแม่
.
คดีสามพี่น้องแบ่งมรดก สะท้อนถึงความโลภ
และความมืดบอดในจิตใจของมนุษย์
เมื่อมีเรื่องของเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่คดีที่แตะกับชีวิตของ อูยองอู มากที่สุด
คงหนีไม่พ้นคดีทำร้ายร่างกายพี่ชายตัวเอง
ที่จำเลยในคดีนี้ เป็นออทิสติก เหมือนกันกับเธอ
"คนที่ไม่ควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่"
นั่นคือคำนิยามที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบปี
คนที่เป็นออทิสติกต้องแบกรับความเจ็บปวด
ที่ถูกคนอื่นมองว่าติ๊งต๊อง ไร้ค่า อายุสมองไม่พัฒนา
ไม่สมควรเติบโตขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตบนโลกใบนี้
ความพิการแต่ละอย่างมีอุปสรรค
และนี่คือน้ำหนักของความพิการ
ที่คนเป็นออทิสติกบนโลกต้องแบกรับ
ท่าทักทายแบบ Hip Hop
ความป่วน ความแสบ และความน่ารัก
เกิดขึ้นทุกครั้งที่เพื่อนรักสองคนเจอกัน
"ดงกือรามี" และ "อูยองอู"
ทั้งสองคนมาจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน
พ่อพาเธอย้ายมาจากเมืองหลวง
ด้วยความหวังที่ว่า โรงเรียนในชนบท
จะไม่มีการแกล้งกันแบบที่ ยองอู เคยเจอ
แต่ดูเหมือนพ่อของเธอจะคิดผิด
เธอถูกเรียกว่า "ยับต๊อง" ประจำโรงเรียน
และเกมที่ฮิตที่สุดที่โรงเรียน ก็คือ "อุ๊ย ขอโทษที"
ทุกคนดูสนุกกับการได้แกล้งเธอ
แต่มีแค่คนเดียว ที่ไม่สนุกด้วย
และออกหน้าปกป้องเธอตลอดมา
คนๆนั้น คือ "ดงกือรามี" คนไม่มีเพื่อน
ผู้หญิงตัวแสบที่ถูกเรียกว่า "ยัยประสาท"
กลายเป็นคนเดียวในโรงเรียน
ที่ ยองอู อยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัย
.
วันหนึ่งตอนที่กำลังเดินมาโรงเรียน
รามี เห็น ยัยต๊อง เดินตามเธอมาต้อยๆ
เลยหันไปตะโกนถามว่าเดินตามเธอมาทำไม
ตอนนั้นเอง ที่ยองอู กล้าที่จะตัดสินใจ
ว่าจะขอเป็นเพื่อนกับ รามี ตลอดไป
รามี หัวเราะกับคำตอบนั้น แล้วถามกลับไปว่า
แล้วฉันได้อะไรจากการอยู่กับเธอ?
คำตอบง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ออกมาจากปากของ "อูยองอู
"ฉันจะเป็นเพื่อนเธอเอง เธอไม่มีเพื่อนนี่นา"
ในตอนนั้น รามี ไม่ได้ตอบรับ
ว่าจะเป็นเพื่อนกับ ยองอู ไหม
เธอแค่หัวเราะ พูดกับตัวเอง แล้วเดินต่อไป
ในวินาทีที่ ยองอู ไม่รู้ว่าคำขอของเธอ
ได้รับคำตอบกลับมาหรือไม่
รามี ก็หันกลับมาเร่งเธอให้เดินต่อด้วยคำว่า
"มัวทำอะไรอยู่ ไหนว่าสายแล้วไง"
และนี่คือจุดเริ่มต้นมิตรภาพระหว่าง ยองอู กับ รามี
"เราไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันไหมครับ?"
คำเชิญชวนจาก จุนโฮ พุ่งตรงมาที่ ยองอู
ระหว่างที่เขาขับรถกลับจากต่างจังหวัดกับเธอ
หลังจากที่เขารู้ว่าเธอยื่นจดหมายลาออก
มีหนึ่งเรื่องที่ติดค้างในใจของเขามาตลอด
นั่นคือเขาไม่รู้เลยว่าทำไมเธอถึงลาออก
มันเกี่ยวข้องกับวันที่เขาเดินไปกับเธอ
แล้วเจอรุ่นน้องถามว่าเขาทำงานอาสาสมัครอยู่เหรอ
เขาเลยเลือกจังหวะที่อยู่กันแค่สองคน
ถามคำถามที่ว่านี้กับ ยองอู
และคำตอบที่เขาได้รับกลับมา ก็คือ
"ขนาดตอนที่ฉันทำงานเป็นทนายความอูยองอู
ฉันยังรู้สึกว่าในสายตาคนอื่น
ฉันก็ยังเป็นอูยองอู ที่เป็นออทิสติกอยู่ดี
อูยองอูที่เป็นออทิสติกคือหมาหัวเน่าค่ะ
อยู่ข้างเดียวกับฉันก็มีแต่จะแพ้
ฉันไม่เข้าไปยุ่งจะดีกว่าค่ะ"
วินาทีนั้นหัวใจของ จุนโฮ รู้ทันทีว่าต้องพูดอะไร
และมันคือคำพูดที่เปลี่ยนแววตาของ ยองอู
จากหม่นเศร้าให้กลับมามีความหวังได้ทันที
เขาพูดว่า
"ผมอยากอยู่ข้างเดียวกับคุณทนายนะครับ
ผมอยากได้ทนายแบบคุณ
มาอยู่ข้างผมนะครับ"
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
แต่หัวใจของ ยองอู กลับลอยตัวไปมา
เหมือน "วาฬ" ที่แหวกว่ายอยู่ในจินตนาการของเธอ