"บุษบา"

กระทู้คำถาม
"บุษบา" 
(กลบท มธุรสวาที)

#  รักร้อนรุ่ม  สุมรติ*  ดวงยิหวา*
งดงามเปรียบ ปานฟ้า  กระยาหงัน*
นวลละออง  ผ่องพักตร์  ประจักษ์พลัน
ดั่งบุหลัน*  ร่วงฟ้า  ไร้ราคี

#  สองเนตรดำ  ล้ำลึก  มฤคมาศ*
งามวงวาด  แววขนง  ช่างทรงศรี
อรชร  อรอินทร์  ดั่งกินรี
เกินวจี  จักอ้าง  ทุกอย่างไป

#  ยะยั่วยิ้ม  พิมพ์ตา  ผวาตื่น
ต้องสะอื้น  ออดอ้อน  สะท้อนไห้
เร่าร้อนรุก  จุกอก  เพ้อพกไกล
ช่างสาใจ  จรกา  ตั้งท่ารอ

#  เรียวริมปาก  ฝากถ้อย  เรียงร้อยเอ่ย
จะเฉลย   รักจริง   ยากยิ่งหนอ
ผมเคลียบ่า  ตางาม  เมื่อยามคลอ
ฤๅหยุดพ้อ  เพ้อได้  ไฉนเรา

#  แก้มเอมอิ่ม  ยิ้มพลาง  เกยคางชิด
งามตาพิศ  เผลอผละ  ใจกระเส่า
อิเหนาคง  หลงรูป  หมายจูบเงา
ภาพงามเท่า  เทียมนุช  แม่บุษบา

#  เขี้ยวเรียวใส  ไรเรียว  ดังเขึ้ยวเพชร
งามก่องเก็จ  แก้วมณี  อันมีค่า
แค่ชื่นชม  สมใจ  เพียงนัยน์ตา
มิควรค่า  เคียงเจ้า  พี่เข้าใจ 

"ครูเปี๊ยก"
5  กรกฎาคม  2565

คำศัพท์ 
รติ  = ความรัก ความชอบใจ
ดวงยิหวา = ดวงใจ
กระยาหงัน = เมืองสวรรค์
บุหลัน = ดวงจันทร์
มฤคมาศ = สัตว์กีบสี่เท้าจำพวก กวาง,เนื้อทราย กวีถือว่ามีดวงตางดงาม
กลบทมธุรสวาที ปรากฏอยู่ในการประพันธ์ลำดับที่ ๓ ของตำราศิริวิบุลกิตติ์
      พิจารณาโดยรวมเห็นว่า ที่เพิ่มจากกลอนทั่วไป คือ
     - ๑.) ในทุกวรรคของกลอน ให้มีสัมผัสสระแทรกระหว่าง คำท้ายของช่วงกลาง กับ คำที่สองของช่วงหลัง (xxx...xA…xAx) เป็นหลัก
     - ๒.) ในวรรคสดับ และวรรครอง (วรรค ๑ และ ๓) นิยมเพิ่มสัมผัสสระชิดอีก ๑ คู่ คือระหว่าง คำท้ายของช่วงแรก กับ คำแรกของช่วงกลาง (xxA...Ax…xxx)
         ** กลบทมธุรสวาทีนี้ มีปรากฏที่มาเฉพาะใน "กลบทศิริวิบูลกิตติ์" ไม่มีปรากฏใน "จารึกวัดพระเชตุพนฯ" (ข้อมูลจากบ้านกลอนน้อย)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่