ต้นเหตุแห่งทุกข์
เรื่องเกิดขึ้นจากที่ผมไปเปลี่ยนปีกนกที่อู่ประจำคลับแห่งหนึ่ง (รถผมเป็น Toyota Altis 2004) ตอนแรกอู่แนะนำเปลี่ยนแค่บูชปีกนก แต่พอถอดแล้วเห็นว่าหัวเยินหมดแล้วจึงแนะนำให้เปลี่ยนทั้งชิ้น มีตัวเลือกคือ
(1) ปีกนกแท้ตรงรุ่น ปี 2004 ราคารวมค่าแรงประมาณ
4 พันกว่า กับ
(2) ปีกนกแท้รุ่นปี 2008 (ไม่ตรงรุ่นผม) แต่สามารถใส่ด้วยกันได้ จะยาวกว่าเดิมประมาณ 2 มม. ทำให้ล้อถ่างออกอีกราว 2 มม. ราคาถูกกว่า แค่
2 พันปลาย
ด้วยความที่ราคาต่างกันตั้งราว 1500 และอู่ยืนยันว่าใส่ด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร ก็เลยเลือกปีกนกของปี 2008 มาใส่ครับ แว้บเดียว 10 นาที เปลี่ยนเรียบร้อย
หลังจากเปลี่ยนมาก็ไปตั้งศูนย์ที่ร้านยางไกล้บ้านครับ ปรากฎว่าตั้งแล้วขับตรงพวงมาลัยเอียงซ้าย ลองขับๆปรับๆอยู่ 3 รอบจนพวงมาลัยตรงก็โอเคแล้วก็แยกย้าย พอเอารถไปขับใช้งานรู้สึกแปลกๆครับ รถหน้าไว พวงมาลับเบา เวลาเลี้ยวออกจากซอยจะมีแรงดึงพวงมาลัยให้เลี้ยวสุด คือหากเราหักพวงมาลัย 1 รอบ มันจะมีแรงดึงต่อ ต่อให้เราไม่หมุนพวงมาลัยต่อมันก็เลี้ยวไปจนสุดเองโดยอัตโนมัติครับ แล้วก็ไม่หมุนกลับมาด้วยต้องดึงกลับมาเอง เป็นทั้งซ้ายและขวา นอกจากนี้เวลาขับผ่านหลุมที่ลงข้างเดียวมันจะมีแรงดึงๆให้เป๋นิดๆ และถ้ากำลังเข้าโค้งแล้วตกหลุมพวงมาลัยจะสะบัดหน่อยๆ เวลาขับเร็วจะรู้สึกหวิวๆหน้าไวๆ วอกแวกหน่อย ไม่กล้าขับเร็วแบบที่เคยเลยครับ เพราะเสียวขึ้นมาก นอกจากนี้เวลาขับเร็วแล้วเบรคปานกลาง (ไม่ได้กระทืบแรงสุด) จะมีเสียงเบรคดังจี๊ดดดดดดด ยาวววววว จนกว่าจะหยุดเบรคครับ แต่ถ้าขับความเร็วช้าหรือปานกลางไม่เป็น ต่อให้กระทืบเบรคก็ไม่เป็น
เลยกลับมาทบทวนว่าเป็นเพราะปีกนกที่ไม่ตรงรุ่นหรือเปล่า ไม่น่างกอยากประหยัดเลยเรา หรืออาจจะเพราะตั้งศูนย์ไม่ดี ลองตั้งศูนย์ใหม่อีกสักทีดีกว่า เลยอยากไปตั้งศูนย์ร้านที่มั่นใจว่าตั้งศูนย์จบแน่ๆ คือร้านช่างปูซอยมัยลาภครับ ซึ่งผมเคยใช้บริการร้านนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงหลังๆผมเปลี่ยนสปริงของสตรัทบ่อยๆ ขี้เกียจไปตั้งที่ร้านช่างปูทุกครั้ง เพราะไปครั้งนึงต้องไปรอตั้งแต่ก่อนร้านเปิดเพื่อเอาคิวแรก ไม่งั้นถ้าไปวันเสาร์ตอนร้านเปิดพอดี อาจจะได้รอ 2-3 ชม. แน่ ร้านนี้เป็นร้านที่พี่ท่านหนึ่งที่เคยทำงานเป็น QC ของบริษัทรถยนต์ 3 แห่งเป็นคนแนะนำ (เป็น QC แบบเทสขับรถนะครับ ไม่ใช่ QC ชิ้นส่วน)
อู่ช่างปู ซอยมัยลาภ
ร้านจะอยู่ในซอยซอยมัยลาภ หรือ รามอินทรา 14 ร้านอยู่ช่วงกลางๆซอย ติดๆกับปั๊ม ปตท เลยครับ ซอยนี้สามารถทะลุไปฝั่งเกษตร-นวมินทร์ได้ด้วยครับ หลังจากที่ผมมาถึงคิวแรกตั้งแต่ก่อนร้านเปิดเกือบครึ่ง ชม. ก็มีคิวที่ 2 ตามมาก่อนร้านเปิดนิดหน่อย และหลังร้านเปิดก็มีคิวที่ 3 มาทันที โอ้โห ลูกค้าเยอะจริงๆครับ เท่าที่เคยใช้บริการร้านนี้ มีลูกค้าที่เป็นรถญี่ปุ่นกับรถยุโรปมาเยอะพอๆกันเลยครับ รถเก่า รถใหม่ รถป้ายแดงมีหมด อย่างวันนี้ก็เจอทั้งเบนซ์ และพอร์ช คาเยน ที่น่าขโมยเบรคกลับบ้านมากๆ
วัดค่าเดิมก่อนตั้งศูนย์
ตัดกลับมาที่รถผมครับ พอยกรถขึ้น เอาเครื่องมือมาติดที่ล้อเพื่ออ่านค่า ค่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็คือ.. Camber -1 กว่า ทั้งซ้ายขวา และ Toe +1 กว่า ทั้งซ้ายขวา (ค่าแนะนำว่าควรตั้งเท่าไร ดูตรงตัวเลขเล็กๆด้านล่างของแต่ละช่องประกอบครับ)
ความหมายของค่า Toe Caster และ Camber
ref:
https://www.wapcar.my/news/wheel-alignment--what-is-camber-caster-and-toe-2645
ตามมาตรฐานมักจะตั้ง Camber ให้เป็นลบนิดๆทั้ง 2 ข้าง เพื่อประโยชน์ในการหักเลี้ยวครับ บางคนชอบแบบเท่ากัน แต่บางคนมองว่าถนนเมืองไทยจะเอียงซ้ายนิดๆเลยต้องตั้งชดเชยให้รถขับแล้วออกขวานิดๆ อาจจะตั้งมุม Camber ให้ไม่เท่ากันเพื่อเวลาขับบนถนนแล้วรถจะไปตรงทางไม่ต้องใช้แรงช่วยประคองเยอะ ส่วนค่า Toe ตามมาตรฐานจะตั้งให้เป็น 0 หรือไกล้เคียง 0 มากๆ หากตั้งให้เป็น out รถจะเข้าโค้งได้ดีขึ้นแต่จะขับแย่ลงในทางตรง หากตั้งแบบ in จะขับทางตรงได้ดีขึ้น แต่จะเลี้ยวยากขึ้น และจะกินน้ำมันมากขึ้น ส่วน Caster ผมไม่รู้ ผมก็จำมาแบบงูๆปลาๆเท่านี้ครับ 55+
จากการอ่านค่าบนหน้าจอสำหรับรถผม มุม Camber เป็นลบจะทำให้ล้อเอียงหุบเข้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นลบก็ถูกแล้ว เพียงแต่ลบเยอะไปหน่อยครับ ส่วนค่า Toe จริงๆแล้วควรตั้งให้ค่าไกล้เคียง 0 มากที่สุด แต่ค่าเดิมเป็นบวก ซึ่งทำให้ล้อทั้ง 2 ข้างหันวิถีออกไปนอกรถซึ่งปกติควรหันตรงครับ (อันนี้เป็นค่ามาตรฐานสำหรับรถบ้านปกตินะครับ ให้การขับขี่ที่ดี สมดุลย์ และไม่กินยาง ถ้าเป็นรถแข่งหรือตั้งศูนย์เพื่อจุดประสงค์เฉพาะทางก็อาจจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมครับ)
ค่าใหม่หลังผ่านการตั้งศูนย์
หลังจากช่างก๊อกแก๊กๆ ปั้งๆๆ แก๊กๆ อยู่ประมาณ 2-3 นาที ก็ได้ค่าใหม่ขึ้นมาทางหน้าจอ ดังนี้ครับ..
ก็คือยังปรับ Camber ให้ติดลบอยู่ แต่ติดลบน้อยลง และปรับ Toe ให้ค่าเข้าไกล้ 0 ครับ ซึ่งจริงๆถ้าใครที่ซีเรียสมากๆจะบอกช่างขยับอีกนิดจนซ้ายขวาเป็น 0 เป๊ะๆ และผลรวมตรงกลางเป็น 0 และให้ปรับ Camber ให้ลบเท่ากัน เช่น -1.00 กับ -1.00 ช่างก็น่าจะจัดให้ได้นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นเลยโอเคเท่านี้ก็เพียงพอ
สรุปผลการขับขี่หลังตั้งศูนย์
หลังตั้งศูนย์และขับล้อหมุนไปเพียง 2-3 รอบก็รู้สึกแล้วว่าพวงมาลัยหนักขึ้นมากครับ อาจจะเพราะขับแบบพวงมาลัยเบาและว่อกแว่กจนชิน หักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากปั้มมันก็ไม่ดึงให้เลี้ยวสุดแล้ว แต่พยายามคืนพวงมาลัยมาให้ตั้งตรงกลาง ขับทางตรงวิ่งตรงทางดีครับ ผ่านทางขรุขระ เหยียบหลุมทั้งทางตรงและทางโค้งพวงมาลัยไม่สะบัดเหมือนก่อนแล้ว ลองขึ้นทางด่วนและขับเร็วไปถึงจุดก่อนหน้าที่เสียว และเร็วกว่าความเร็วจุดนั้นไปอีก ก็พบว่าอาการหวิว อาการพวงมาลัยเบา อาการหน้าว่อกแว่ก หายไปจนหมดสิ้นแล้วครับ ทำให้มีความมั่นใจในการควบคุมบังคับรถได้มากขึ้น รวมถึงอาการเบรคแรงปานกลางที่ดังจี๊ดก็หายไปด้วย จึงขอสรุปว่า ปัญหาไม่น่าเกี่ยวกับปีกนกไม่ตรงรุ่นแล้วหละ และการตั้งศูนย์ที่นี่ครั้งนี้ถือว่าจบครับ แฮปปี้มาก
ส่วนเรื่องราคาในรอบนี้ไม่เท่ากับรอบก่อนแล้วครับ ครั้งก่อนๆจำได้ว่าเคย 400 ครั้งนี้ขึ้นราคาเป็น 500 แล้ว อาจจะเหมาะกับท่านที่อยากจบโดยไม่ซีเรื่องราคามากนักนะครับ แต่ถ้าใครยังหาร้านตั้งศูนย์เก่งๆในราคา 300 ไกล้บ้านได้ ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตมากๆครับ เพราะเท่าที่ผมเจอร้านตั้งศูนย์เก่งๆ ที่รถยุโรปเข้าเยอะๆ ผมก็ยังไม่เคยเจอราคา 300 เลยครับ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวกระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจไม่มากก็รน้อยนะครับ หากมีสิ่งใดผิดพลาด มีคำผิดหรือใช้คำไม่เหมาะสม ผมต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] รีวิวสามัญชน: ตั้งศูนย์มาตรฐานที่ ช่างปู ปั๊ม PT ซอยมัยลาภ (รามอินทรา 14)
เรื่องเกิดขึ้นจากที่ผมไปเปลี่ยนปีกนกที่อู่ประจำคลับแห่งหนึ่ง (รถผมเป็น Toyota Altis 2004) ตอนแรกอู่แนะนำเปลี่ยนแค่บูชปีกนก แต่พอถอดแล้วเห็นว่าหัวเยินหมดแล้วจึงแนะนำให้เปลี่ยนทั้งชิ้น มีตัวเลือกคือ
(1) ปีกนกแท้ตรงรุ่น ปี 2004 ราคารวมค่าแรงประมาณ 4 พันกว่า กับ
(2) ปีกนกแท้รุ่นปี 2008 (ไม่ตรงรุ่นผม) แต่สามารถใส่ด้วยกันได้ จะยาวกว่าเดิมประมาณ 2 มม. ทำให้ล้อถ่างออกอีกราว 2 มม. ราคาถูกกว่า แค่ 2 พันปลาย
ด้วยความที่ราคาต่างกันตั้งราว 1500 และอู่ยืนยันว่าใส่ด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร ก็เลยเลือกปีกนกของปี 2008 มาใส่ครับ แว้บเดียว 10 นาที เปลี่ยนเรียบร้อย
หลังจากเปลี่ยนมาก็ไปตั้งศูนย์ที่ร้านยางไกล้บ้านครับ ปรากฎว่าตั้งแล้วขับตรงพวงมาลัยเอียงซ้าย ลองขับๆปรับๆอยู่ 3 รอบจนพวงมาลัยตรงก็โอเคแล้วก็แยกย้าย พอเอารถไปขับใช้งานรู้สึกแปลกๆครับ รถหน้าไว พวงมาลับเบา เวลาเลี้ยวออกจากซอยจะมีแรงดึงพวงมาลัยให้เลี้ยวสุด คือหากเราหักพวงมาลัย 1 รอบ มันจะมีแรงดึงต่อ ต่อให้เราไม่หมุนพวงมาลัยต่อมันก็เลี้ยวไปจนสุดเองโดยอัตโนมัติครับ แล้วก็ไม่หมุนกลับมาด้วยต้องดึงกลับมาเอง เป็นทั้งซ้ายและขวา นอกจากนี้เวลาขับผ่านหลุมที่ลงข้างเดียวมันจะมีแรงดึงๆให้เป๋นิดๆ และถ้ากำลังเข้าโค้งแล้วตกหลุมพวงมาลัยจะสะบัดหน่อยๆ เวลาขับเร็วจะรู้สึกหวิวๆหน้าไวๆ วอกแวกหน่อย ไม่กล้าขับเร็วแบบที่เคยเลยครับ เพราะเสียวขึ้นมาก นอกจากนี้เวลาขับเร็วแล้วเบรคปานกลาง (ไม่ได้กระทืบแรงสุด) จะมีเสียงเบรคดังจี๊ดดดดดดด ยาวววววว จนกว่าจะหยุดเบรคครับ แต่ถ้าขับความเร็วช้าหรือปานกลางไม่เป็น ต่อให้กระทืบเบรคก็ไม่เป็น
เลยกลับมาทบทวนว่าเป็นเพราะปีกนกที่ไม่ตรงรุ่นหรือเปล่า ไม่น่างกอยากประหยัดเลยเรา หรืออาจจะเพราะตั้งศูนย์ไม่ดี ลองตั้งศูนย์ใหม่อีกสักทีดีกว่า เลยอยากไปตั้งศูนย์ร้านที่มั่นใจว่าตั้งศูนย์จบแน่ๆ คือร้านช่างปูซอยมัยลาภครับ ซึ่งผมเคยใช้บริการร้านนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงหลังๆผมเปลี่ยนสปริงของสตรัทบ่อยๆ ขี้เกียจไปตั้งที่ร้านช่างปูทุกครั้ง เพราะไปครั้งนึงต้องไปรอตั้งแต่ก่อนร้านเปิดเพื่อเอาคิวแรก ไม่งั้นถ้าไปวันเสาร์ตอนร้านเปิดพอดี อาจจะได้รอ 2-3 ชม. แน่ ร้านนี้เป็นร้านที่พี่ท่านหนึ่งที่เคยทำงานเป็น QC ของบริษัทรถยนต์ 3 แห่งเป็นคนแนะนำ (เป็น QC แบบเทสขับรถนะครับ ไม่ใช่ QC ชิ้นส่วน)
อู่ช่างปู ซอยมัยลาภ
ร้านจะอยู่ในซอยซอยมัยลาภ หรือ รามอินทรา 14 ร้านอยู่ช่วงกลางๆซอย ติดๆกับปั๊ม ปตท เลยครับ ซอยนี้สามารถทะลุไปฝั่งเกษตร-นวมินทร์ได้ด้วยครับ หลังจากที่ผมมาถึงคิวแรกตั้งแต่ก่อนร้านเปิดเกือบครึ่ง ชม. ก็มีคิวที่ 2 ตามมาก่อนร้านเปิดนิดหน่อย และหลังร้านเปิดก็มีคิวที่ 3 มาทันที โอ้โห ลูกค้าเยอะจริงๆครับ เท่าที่เคยใช้บริการร้านนี้ มีลูกค้าที่เป็นรถญี่ปุ่นกับรถยุโรปมาเยอะพอๆกันเลยครับ รถเก่า รถใหม่ รถป้ายแดงมีหมด อย่างวันนี้ก็เจอทั้งเบนซ์ และพอร์ช คาเยน ที่น่าขโมยเบรคกลับบ้านมากๆ
วัดค่าเดิมก่อนตั้งศูนย์
ตัดกลับมาที่รถผมครับ พอยกรถขึ้น เอาเครื่องมือมาติดที่ล้อเพื่ออ่านค่า ค่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็คือ.. Camber -1 กว่า ทั้งซ้ายขวา และ Toe +1 กว่า ทั้งซ้ายขวา (ค่าแนะนำว่าควรตั้งเท่าไร ดูตรงตัวเลขเล็กๆด้านล่างของแต่ละช่องประกอบครับ)
ความหมายของค่า Toe Caster และ Camber
ref: https://www.wapcar.my/news/wheel-alignment--what-is-camber-caster-and-toe-2645
ตามมาตรฐานมักจะตั้ง Camber ให้เป็นลบนิดๆทั้ง 2 ข้าง เพื่อประโยชน์ในการหักเลี้ยวครับ บางคนชอบแบบเท่ากัน แต่บางคนมองว่าถนนเมืองไทยจะเอียงซ้ายนิดๆเลยต้องตั้งชดเชยให้รถขับแล้วออกขวานิดๆ อาจจะตั้งมุม Camber ให้ไม่เท่ากันเพื่อเวลาขับบนถนนแล้วรถจะไปตรงทางไม่ต้องใช้แรงช่วยประคองเยอะ ส่วนค่า Toe ตามมาตรฐานจะตั้งให้เป็น 0 หรือไกล้เคียง 0 มากๆ หากตั้งให้เป็น out รถจะเข้าโค้งได้ดีขึ้นแต่จะขับแย่ลงในทางตรง หากตั้งแบบ in จะขับทางตรงได้ดีขึ้น แต่จะเลี้ยวยากขึ้น และจะกินน้ำมันมากขึ้น ส่วน Caster ผมไม่รู้ ผมก็จำมาแบบงูๆปลาๆเท่านี้ครับ 55+
จากการอ่านค่าบนหน้าจอสำหรับรถผม มุม Camber เป็นลบจะทำให้ล้อเอียงหุบเข้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นลบก็ถูกแล้ว เพียงแต่ลบเยอะไปหน่อยครับ ส่วนค่า Toe จริงๆแล้วควรตั้งให้ค่าไกล้เคียง 0 มากที่สุด แต่ค่าเดิมเป็นบวก ซึ่งทำให้ล้อทั้ง 2 ข้างหันวิถีออกไปนอกรถซึ่งปกติควรหันตรงครับ (อันนี้เป็นค่ามาตรฐานสำหรับรถบ้านปกตินะครับ ให้การขับขี่ที่ดี สมดุลย์ และไม่กินยาง ถ้าเป็นรถแข่งหรือตั้งศูนย์เพื่อจุดประสงค์เฉพาะทางก็อาจจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมครับ)
ค่าใหม่หลังผ่านการตั้งศูนย์
หลังจากช่างก๊อกแก๊กๆ ปั้งๆๆ แก๊กๆ อยู่ประมาณ 2-3 นาที ก็ได้ค่าใหม่ขึ้นมาทางหน้าจอ ดังนี้ครับ..
ก็คือยังปรับ Camber ให้ติดลบอยู่ แต่ติดลบน้อยลง และปรับ Toe ให้ค่าเข้าไกล้ 0 ครับ ซึ่งจริงๆถ้าใครที่ซีเรียสมากๆจะบอกช่างขยับอีกนิดจนซ้ายขวาเป็น 0 เป๊ะๆ และผลรวมตรงกลางเป็น 0 และให้ปรับ Camber ให้ลบเท่ากัน เช่น -1.00 กับ -1.00 ช่างก็น่าจะจัดให้ได้นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นเลยโอเคเท่านี้ก็เพียงพอ
สรุปผลการขับขี่หลังตั้งศูนย์
หลังตั้งศูนย์และขับล้อหมุนไปเพียง 2-3 รอบก็รู้สึกแล้วว่าพวงมาลัยหนักขึ้นมากครับ อาจจะเพราะขับแบบพวงมาลัยเบาและว่อกแว่กจนชิน หักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากปั้มมันก็ไม่ดึงให้เลี้ยวสุดแล้ว แต่พยายามคืนพวงมาลัยมาให้ตั้งตรงกลาง ขับทางตรงวิ่งตรงทางดีครับ ผ่านทางขรุขระ เหยียบหลุมทั้งทางตรงและทางโค้งพวงมาลัยไม่สะบัดเหมือนก่อนแล้ว ลองขึ้นทางด่วนและขับเร็วไปถึงจุดก่อนหน้าที่เสียว และเร็วกว่าความเร็วจุดนั้นไปอีก ก็พบว่าอาการหวิว อาการพวงมาลัยเบา อาการหน้าว่อกแว่ก หายไปจนหมดสิ้นแล้วครับ ทำให้มีความมั่นใจในการควบคุมบังคับรถได้มากขึ้น รวมถึงอาการเบรคแรงปานกลางที่ดังจี๊ดก็หายไปด้วย จึงขอสรุปว่า ปัญหาไม่น่าเกี่ยวกับปีกนกไม่ตรงรุ่นแล้วหละ และการตั้งศูนย์ที่นี่ครั้งนี้ถือว่าจบครับ แฮปปี้มาก
ส่วนเรื่องราคาในรอบนี้ไม่เท่ากับรอบก่อนแล้วครับ ครั้งก่อนๆจำได้ว่าเคย 400 ครั้งนี้ขึ้นราคาเป็น 500 แล้ว อาจจะเหมาะกับท่านที่อยากจบโดยไม่ซีเรื่องราคามากนักนะครับ แต่ถ้าใครยังหาร้านตั้งศูนย์เก่งๆในราคา 300 ไกล้บ้านได้ ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตมากๆครับ เพราะเท่าที่ผมเจอร้านตั้งศูนย์เก่งๆ ที่รถยุโรปเข้าเยอะๆ ผมก็ยังไม่เคยเจอราคา 300 เลยครับ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวกระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจไม่มากก็รน้อยนะครับ หากมีสิ่งใดผิดพลาด มีคำผิดหรือใช้คำไม่เหมาะสม ผมต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้