ที่มา :
Popcornfor2
อาร์เอ็ม (
RM) ได้ร่วมพูดคุยกับ มาร์ค สปีกเลอร์ (
Marc Spiegler) นักข่าวและผู้อำนวยการของ
Art Basel นิทรรศการศิลปะนานาชาติ
เมื่อไม่นานมานี้ อาร์เอ็ม ได้เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญใน “
Intersections: The Art Basel Podcast” ของ มาร์ค สปีกเลอร์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้พูดคุยเรื่องที่มาของ BTS, ความนิยมถล่มทลาย, ความคิดในการสะสมงานศิลปะ และอีกมากมาย
ครั้งนี้ถือเป็นพอดแคสต์ภาษาอังกฤษครั้งแรกของ อาร์เอ็ม เขาเริ่มต้นด้วยการบอกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน “
ตอนนี้ผมอยู่ในโซลครับ เพราะว่าผมอาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้ และตอนนี้ที่นี่เป็นเวลา 1 ทุ่ม ผมอยู่ที่สตูดิโอของผมครับ”
อาร์เอ็มได้พูดถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรีของตัวเองว่า เขาได้รู้จักศิลปินอย่างเช่น
Eminem และ
Nas สมัยที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งทำให้เขาเปลี่ยนความฝันจากการอยากเป็นนักกวีมาเป็นแร็ปเปอร์ “
ผมอยากจะเข้าค่ายใต้ดินในเกาหลี ผมเลยส่งประวัติ - เพลงของผมไป และผมได้เข้าไป แต่ว่าการทดสอบสุดท้ายคือการที่ต้องแสดงจริงๆกับนักดนตรี และตอนนั้นผมอายุแค่ 16 ปี ผมเลยลืมเนื้อร้องบนเวที ผมกังวลมาก มันแย่มากเลยครับ” เรื่องนี้ทำให้เขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถแค่การทำงานเบื้องหลังเท่านั้น ไม่เหมาะจะขึ้นเวที
แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะน่าผิดหวัง แต่อาร์เอ็มเล่าว่าตอนนั้น
Sleepy แร็ปเปอร์ชาวเกาหลีได้เห็นเขาตอนลืมเนื้อเพลงพอดี เขาหัวเราะตอนที่อาร์เอ็มทำพลาด แต่ก็ติดต่อมาในนามของต้นสังกัด
HYBE และ
ซีอีโอบังชีฮยอก ที่ตอนนั้นกำลังมองหาเด็กหนุ่มสาวที่มีความสามารถ
อาร์เอ็มพูดต่อ “
ผมเป็นคนแรกที่ถูกวางตัวให้เป็น BTS จริงๆแล้วคุณบังชีฮยอก ซีอีโอของพวกเราเริ่มต้นวงกับผม”
“
สำหรับ BTS เราเริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกหัด และมีกว่า 30 คนที่ฝึกเพื่อจะได้เป็น BTS แต่หลายคนถูกคัดออก” จากเด็กฝึกหัดกว่า 30 คน ถูกคัดเลือกจนเหลือ 7 คนอย่างที่เรารู้จักพวกเขาในทุกวันนี้ BTS เดบิวต์อย่างเป็นทางการในปี 2013 แต่อาร์เอ็มบอกว่าจริงๆแล้วสมาชิกของวงอยู่ด้วยกันมา 12 ปีแล้ว
BTS ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาตั้งแต่เริ่มต้นเดบิวต์ในเกาหลีและในแถบเอเชีย แต่เพิ่งจะโด่งดังระดับโลกเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว อาร์เอ็มยกเครดิตทั้งหมดให้กับ
อาร์มี่ กลุ่มแฟนคลับของ BTS เขาบอกว่า “
พวกเขาไม่ได้มีแค่ความกระตือรือร้นหรือพลัง แต่พวกเขาลงมือทำบางอย่างด้วย พวกเขาส่งจดหมายไปหาดีเจชาวอเมริกันหลายคนเพื่อให้เปิดเพลงของพวกเราบนวิทยุ เพราะว่าการออกอากาศมีส่วนสำคัญสำหรับการขึ้นชาร์ต Billboard”
อาร์เอ็มบอกว่าการได้เป็นจุดศูนย์กลางของความนิยมเป็นความรู้สึกที่แปลก และเขาใช้งานศิลปะเพื่อช่วยให้ตัวเองสงบในช่วงเวลานั้นของ BTS อาร์เอ็มได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาเข้าถึงผลงานศิลปะว่า “
น่าจะปี 2018 หรือซัก 4 ปีที่แล้ว เรามีเวลามากพอตอนที่ไปทัวร์อเมริกา หรือ ยุโรป” พอมีเวลามากเกินไป เขาไม่อยากจะใช้เวลาอยู่ในห้องที่โรงแรม เลยเริ่มออกไปเดินชมบรรยากาศเมือง
“
ที่แรกที่ผมไปคือ Chicago Art Institute ตอนปี 2018 ผมแค่เดินเข้าไป และได้เห็นงานศิลปะที่สุดยอดที่พวกเขามี” เขาบอกว่าได้เห็นงานของศิลปินระดับตำนานอย่าง Seurat, Monet และ Picasso เป็นครั้งแรก
อาร์เอ็มบอกว่าแม้ว่าศิลปินจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงตื่นเต้นที่ได้เห็นผลงานของพวกเขาและช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ผ่านผลงานศิลปะของศิลปินเหล่านั้น อาร์เอ็มบอกว่า “
ผมอิจฉาครับ [ผมคิดว่า] ‘อะไรคือศิลปะ?’ ‘ภาพวาดนี้คืออะไร?’ ‘นี่คือสีอะไร?’ ‘มันหมายความว่าอย่างไร?’ ครั้งแรกทำให้ผมอยากรู้อยากเห็นไปทั้งหมด และผมได้มีโอกาสอีกหลายครั้งที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภณฑ์ที่มีชื่อเสียง เพราะว่าผมมักจะไปปารีส, นิวยอร์ก และ LA”
หลังจากเพลงของ BTS ปรากฏใน
Billboard Music Awards ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ชื่อเสียงของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้นระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ อาร์เอ็มเล่าถึงตอนที่ได้ขึ้นแสดงบนเวทีระดับโลก และได้เจอไอดอลของตัวเอง มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ประสบการณ์นั้นทำให้เขาประทับใจและมีแรงบันดาลใจในการค้นหาศิลปะทั้งหมดในเกาหลี”
อาร์เอ็มยังได้พูดถึงความคิดของเขาต่อศิลปินที่แม้จะล่วงลับไปแล้วแต่ผลงานของเขากลับประสบความสำเร็จหลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตไปว่าเรื่องนี้ทำให้เขากล้าหาญและมองภาพเส้นทางอาชีพตัวเองไกลขึ้น “
ตอนนี้ผมอายุ 29 ถ้านับตามเกาหลีครับ พอเราอายุครบ 30 เราก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวอยู่ ผมยังเป็นคนหนุ่มอยู่เลย แต่ว่าโลกของบอยแบนด์ที่อายุ 30 จะไม่เหมือนเดิม มันเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่มันคือความจริงครับ”
อาร์เอ็มพูดต่อ “
ผมแค่อยากทำเพลงที่อยู่เหนือกาลเวลาเหมือนกับผลงานศิลปะที่ผมชื่นชมครับ”
เมื่อถามว่าซักวันหนึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะส่วนตัวของคิมนัมจุน [ชื่อจริงของ อาร์เอ็ม] เกิดขึ้นในเกาหลีหรือไม่ อาร์เอ็มหัวเราะและตอบว่า “แค่ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็ซับซ้อนแล้วใช่ไหมละครับ? พวกเขาต้องมีภัณฑารักษ์และจัดนิทรรศการ”
อาร์เอ็มพูดต่อ “
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้ แต่เอาจริงๆนะครับ ผมมีแผนจะทำพื้นที่เล็กๆให้กับคอลเลคชั่นส่วนตัวของผม ทำร้านคาเฟ่ในชั้นล่าง และชั้นที่ 2 และ 3 ก็เปิดเป็นแกลอรี่ คนสามารถเข้ามาชมคอลเลคชั่นของผมได้ตลอด”
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา BTS เพิ่งปล่อยอัลบั้มใหม่ “
Proof” และเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน วงได้ประกาศพักกิจกรรมและวางแผนจะโฟกัสผลงานเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคน
ฟังการพูดคุยระหว่าง อาร์เอ็ม และ มาร์ค สปีกเลอร์ ได้ใน “Intersections: The Art Basel Podcast” ตอนที่ออกอากาศเมื่อ 28 มิถุนายน
RM BTS ได้ร่วมพูดคุยกับ Marc Spiegler เกี่ยวกับเรื่องศิลปะ, ดนตรี, ชีวิตและอีกมากมาย
อาร์เอ็ม (RM) ได้ร่วมพูดคุยกับ มาร์ค สปีกเลอร์ (Marc Spiegler) นักข่าวและผู้อำนวยการของ Art Basel นิทรรศการศิลปะนานาชาติ
เมื่อไม่นานมานี้ อาร์เอ็ม ได้เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญใน “Intersections: The Art Basel Podcast” ของ มาร์ค สปีกเลอร์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้พูดคุยเรื่องที่มาของ BTS, ความนิยมถล่มทลาย, ความคิดในการสะสมงานศิลปะ และอีกมากมาย
ครั้งนี้ถือเป็นพอดแคสต์ภาษาอังกฤษครั้งแรกของ อาร์เอ็ม เขาเริ่มต้นด้วยการบอกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน “ตอนนี้ผมอยู่ในโซลครับ เพราะว่าผมอาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้ และตอนนี้ที่นี่เป็นเวลา 1 ทุ่ม ผมอยู่ที่สตูดิโอของผมครับ”
อาร์เอ็มได้พูดถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรีของตัวเองว่า เขาได้รู้จักศิลปินอย่างเช่น Eminem และ Nas สมัยที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งทำให้เขาเปลี่ยนความฝันจากการอยากเป็นนักกวีมาเป็นแร็ปเปอร์ “ผมอยากจะเข้าค่ายใต้ดินในเกาหลี ผมเลยส่งประวัติ - เพลงของผมไป และผมได้เข้าไป แต่ว่าการทดสอบสุดท้ายคือการที่ต้องแสดงจริงๆกับนักดนตรี และตอนนั้นผมอายุแค่ 16 ปี ผมเลยลืมเนื้อร้องบนเวที ผมกังวลมาก มันแย่มากเลยครับ” เรื่องนี้ทำให้เขาคิดว่าตัวเองมีความสามารถแค่การทำงานเบื้องหลังเท่านั้น ไม่เหมาะจะขึ้นเวที
แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะน่าผิดหวัง แต่อาร์เอ็มเล่าว่าตอนนั้น Sleepy แร็ปเปอร์ชาวเกาหลีได้เห็นเขาตอนลืมเนื้อเพลงพอดี เขาหัวเราะตอนที่อาร์เอ็มทำพลาด แต่ก็ติดต่อมาในนามของต้นสังกัด HYBE และ ซีอีโอบังชีฮยอก ที่ตอนนั้นกำลังมองหาเด็กหนุ่มสาวที่มีความสามารถ
อาร์เอ็มพูดต่อ “ผมเป็นคนแรกที่ถูกวางตัวให้เป็น BTS จริงๆแล้วคุณบังชีฮยอก ซีอีโอของพวกเราเริ่มต้นวงกับผม”
“สำหรับ BTS เราเริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกหัด และมีกว่า 30 คนที่ฝึกเพื่อจะได้เป็น BTS แต่หลายคนถูกคัดออก” จากเด็กฝึกหัดกว่า 30 คน ถูกคัดเลือกจนเหลือ 7 คนอย่างที่เรารู้จักพวกเขาในทุกวันนี้ BTS เดบิวต์อย่างเป็นทางการในปี 2013 แต่อาร์เอ็มบอกว่าจริงๆแล้วสมาชิกของวงอยู่ด้วยกันมา 12 ปีแล้ว
BTS ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาตั้งแต่เริ่มต้นเดบิวต์ในเกาหลีและในแถบเอเชีย แต่เพิ่งจะโด่งดังระดับโลกเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว อาร์เอ็มยกเครดิตทั้งหมดให้กับ อาร์มี่ กลุ่มแฟนคลับของ BTS เขาบอกว่า “พวกเขาไม่ได้มีแค่ความกระตือรือร้นหรือพลัง แต่พวกเขาลงมือทำบางอย่างด้วย พวกเขาส่งจดหมายไปหาดีเจชาวอเมริกันหลายคนเพื่อให้เปิดเพลงของพวกเราบนวิทยุ เพราะว่าการออกอากาศมีส่วนสำคัญสำหรับการขึ้นชาร์ต Billboard”
อาร์เอ็มบอกว่าการได้เป็นจุดศูนย์กลางของความนิยมเป็นความรู้สึกที่แปลก และเขาใช้งานศิลปะเพื่อช่วยให้ตัวเองสงบในช่วงเวลานั้นของ BTS อาร์เอ็มได้พูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาเข้าถึงผลงานศิลปะว่า “น่าจะปี 2018 หรือซัก 4 ปีที่แล้ว เรามีเวลามากพอตอนที่ไปทัวร์อเมริกา หรือ ยุโรป” พอมีเวลามากเกินไป เขาไม่อยากจะใช้เวลาอยู่ในห้องที่โรงแรม เลยเริ่มออกไปเดินชมบรรยากาศเมือง
“ที่แรกที่ผมไปคือ Chicago Art Institute ตอนปี 2018 ผมแค่เดินเข้าไป และได้เห็นงานศิลปะที่สุดยอดที่พวกเขามี” เขาบอกว่าได้เห็นงานของศิลปินระดับตำนานอย่าง Seurat, Monet และ Picasso เป็นครั้งแรก
อาร์เอ็มบอกว่าแม้ว่าศิลปินจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังคงตื่นเต้นที่ได้เห็นผลงานของพวกเขาและช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ผ่านผลงานศิลปะของศิลปินเหล่านั้น อาร์เอ็มบอกว่า “ผมอิจฉาครับ [ผมคิดว่า] ‘อะไรคือศิลปะ?’ ‘ภาพวาดนี้คืออะไร?’ ‘นี่คือสีอะไร?’ ‘มันหมายความว่าอย่างไร?’ ครั้งแรกทำให้ผมอยากรู้อยากเห็นไปทั้งหมด และผมได้มีโอกาสอีกหลายครั้งที่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภณฑ์ที่มีชื่อเสียง เพราะว่าผมมักจะไปปารีส, นิวยอร์ก และ LA”
หลังจากเพลงของ BTS ปรากฏใน Billboard Music Awards ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ชื่อเสียงของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้นระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ อาร์เอ็มเล่าถึงตอนที่ได้ขึ้นแสดงบนเวทีระดับโลก และได้เจอไอดอลของตัวเอง มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ประสบการณ์นั้นทำให้เขาประทับใจและมีแรงบันดาลใจในการค้นหาศิลปะทั้งหมดในเกาหลี”
อาร์เอ็มยังได้พูดถึงความคิดของเขาต่อศิลปินที่แม้จะล่วงลับไปแล้วแต่ผลงานของเขากลับประสบความสำเร็จหลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตไปว่าเรื่องนี้ทำให้เขากล้าหาญและมองภาพเส้นทางอาชีพตัวเองไกลขึ้น “ตอนนี้ผมอายุ 29 ถ้านับตามเกาหลีครับ พอเราอายุครบ 30 เราก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวอยู่ ผมยังเป็นคนหนุ่มอยู่เลย แต่ว่าโลกของบอยแบนด์ที่อายุ 30 จะไม่เหมือนเดิม มันเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่มันคือความจริงครับ”
อาร์เอ็มพูดต่อ “ผมแค่อยากทำเพลงที่อยู่เหนือกาลเวลาเหมือนกับผลงานศิลปะที่ผมชื่นชมครับ”
เมื่อถามว่าซักวันหนึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะส่วนตัวของคิมนัมจุน [ชื่อจริงของ อาร์เอ็ม] เกิดขึ้นในเกาหลีหรือไม่ อาร์เอ็มหัวเราะและตอบว่า “แค่ตัวพิพิธภัณฑ์เองก็ซับซ้อนแล้วใช่ไหมละครับ? พวกเขาต้องมีภัณฑารักษ์และจัดนิทรรศการ”
อาร์เอ็มพูดต่อ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้ แต่เอาจริงๆนะครับ ผมมีแผนจะทำพื้นที่เล็กๆให้กับคอลเลคชั่นส่วนตัวของผม ทำร้านคาเฟ่ในชั้นล่าง และชั้นที่ 2 และ 3 ก็เปิดเป็นแกลอรี่ คนสามารถเข้ามาชมคอลเลคชั่นของผมได้ตลอด”
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา BTS เพิ่งปล่อยอัลบั้มใหม่ “Proof” และเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน วงได้ประกาศพักกิจกรรมและวางแผนจะโฟกัสผลงานเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคน
ฟังการพูดคุยระหว่าง อาร์เอ็ม และ มาร์ค สปีกเลอร์ ได้ใน “Intersections: The Art Basel Podcast” ตอนที่ออกอากาศเมื่อ 28 มิถุนายน