บทความโดย  Tatler 

แพลตฟอร์มดิจิตอลและนิตยสารแบรนด์สื่อระดับหรูที่เฉลิมฉลองสิ่งที่ดีที่สุดของเอเชีย

อุตสาหกรรม K-pop มักจะไม่ได้ไปพร้อมกับวงการบันเทิงอิสระของเกาหลี แต่บางครั้งก็มาบรรจบกัน ในความเป็นจริง ค่ายเพลงใหญ่หลายแห่งได้ค้นพบลูกศิษย์จำนวนมากในแวดวงอันเดอร์กราวด์ท้องถิ่น เช่น TOP วง BigBang, Zico, Suga วง BTS และ IM วง Monsta X 

หนึ่งในชื่อเสียงที่โด่งดังท่ามกลางพวกเขา  คือ  RM แห่ง BTS  และดูเหมือนว่าความรักที่เขามีต่อวงการอินดี้จะคงอยู่ตลอดอาชีพดนตรีที่นิยมของเขา 

ไม่เพียงเท่านั้น RM ยังสนับสนุนวงการศิลปะและพลังสร้างสรรค์ของเกาหลีใต้อย่างเหนียวแน่น  และแสดงความสนใจอย่างยิ่งในการร่วมงานกับนักดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของเขา เราขอนำช่วงเวลาสำคัญบางช่วงจากการเดินทางของลีดเดอร์ของวง BTS มาให้คุณได้ชม

หลายคนคงทราบดีว่า  Kim Namjoon สมาชิกวง BTS  หรือที่รู้จักกันในชื่อ RM   เริ่มต้นอาชีพแร็ปเปอร์ในวงการเพลงใต้ดิน ก่อนจะมาเป็น RM เขาเคยมีชื่อหลายชื่อ เช่น  Largo,  The Nexist   และ  Stealo แต่ชื่อที่ดังที่สุดคือ Runch Randa

ในตอนแรกของซีรีส์ของ BTS  The MapleStory Originals | MapleStory X BTS (2020)    บน YouTube  RM ได้แบ่งปันว่าเขาได้สร้างตัวตนใต้ดินของตัวเองขึ้นในปี 2007 ซึ่งเป็นเวลา 5 ปีก่อนที่ BTS จะเปิดตัว

ภายใต้ตัวตนนี้ เขาได้ร่วมงานกับแร็ปเปอร์ใต้ดินคนอื่น ๆ รวมถึง Sleepy จากดูโอเกาหลีวง Untouchable  ซึ่งเชื่อมโยงเขากับโปรดิวเซอร์และผู้วางแผนหลักของ BigHit Entertainment อย่าง Bang Si-Hyuk

ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับ BTS และถัดจากนั้น RM ได้สนับสนุนงานด้านทัศนศิลป์จากเกาหลีใต้บนโซเชียลมีเดีย เขามักจะแชร์ภาพของตัวเองขณะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ ซึ่งมักจะทำให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายังศึกษาผลงานของศิลปินอย่างสม่ำเสมอ โดยซื้องานศิลปะเป็นประจำและบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์ 

สตูดิโอของเขาที่ปรากฏในการถ่ายทอดสดส่วนใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยผลงานศิลปะของ Suh Seung-Won, Kim Chong Hak, Yun Hyong-keun และศิลปินคนอื่น ๆ

ในบทสัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์ในปี 2022 RM กล่าวถึงการหลงใหลในงานศิลปะเกี่ยวกับ "ความเป็นนิรันดร์ และนั่นเกิดจากออร่าที่รวดเร็วและวุ่นวายของอุตสาหกรรมเคป๊อป"

ปี 2022 ถือเป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพการงานของ RM ในเดือนมิถุนายนของปีนั้น BTS ได้ประกาศพักงานจนถึงปี 2025 ซึ่งทำให้แฟน ๆ จำนวนมากต้องประหลาดใจ แม้ว่าสมาชิกจะเข้ารับราชการทหารตามบังคับ แต่หัวหน้าวงก็ยังกล่าวว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสมาชิกแต่ละคนที่จะได้สำรวจโปรเจ็กต์เดี่ยว 

ไม่ถึงสี่เดือนต่อมา RM ได้ออกผลงานร่วมกับกลุ่มศิลปินฮิปฮอปอิสระ Balming Tiger จากเกาหลีใต้ ในชื่อเพลง Sexy Nukim โดยเขาได้นำเสนอศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงซึ่งเขาได้สำรวจแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟร่วมกับพวกเขา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสไตล์ของนักดนตรีผู้นี้อย่างชัดเจน 

ในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน เขาได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองชื่อ Indigo ซึ่งมีการร่วมงานกับศิลปินระดับโลกที่มีชื่อเสียง เช่น Erykah Badu และ Anderson .Paak รวมไปถึงศิลปินอัลเทอร์เนทีฟจากเกาหลีใต้ เช่น Paul Blanco, Colde, Youjeen และ Parkjiyoon 

RM ไม่ได้ลังเลใจเกี่ยวกับความปรารถนาของเขาที่จะสำรวจเส้นทางศิลปะที่แตกต่างกัน แต่ผลงานอัลบั้มล่าสุดของเขา  Right Place, Wrong Person (2024) ตอกย้ำการเดินทางของการค้นพบตัวเองของเขาอีกครั้ง และความมุ่งมั่นของเขาที่จะสำรวจวงการอัลเทเนอร์ทีฟ 

อัลบั้มนี้ได้รับการประกาศพร้อมกับการเปิดตัวเพลง  Come Back To Me  ซึ่งมีมิวสิควิดีโอกำกับโดย Lee Sung Jin ผู้สร้างซีรีส์ทาง Netflix ที่ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก เรื่อง  Beef (2023) เพลงนี้โปรดิวซ์โดย Oh Hyuk แห่งวงอินดี้จากเกาหลีใต้ Hyukoh และมีผู้ร่วมงานอย่าง JNKYRD และ San Yawn แห่งวง Balming Tiger และ Kuo แห่งวงอินดี้จากไต้หวัน  Sunset Rollercoaster ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนเช่นเดียวกับความสนใจของ RM ในการสำรวจรูปแบบและแนวเพลงใหม่ ๆ 

Right Place, Wrong Person   ไม่ได้ยึดติดกับแนวทางดั้งเดิมของ K-pop ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลงที่อัลบั้มนี้สำรวจ (รวมถึงแจ๊สและร็อก) ไปจนถึงวิธีการโปรโมตอัลบั้มนี้ โดยร่วมมือกับช่างภาพชื่อดังอย่าง Wingshya จากฮ่องกง Rosie Marks จากสหราชอาณาจักร และ Takahiro Mizushima จากญี่ปุ่น จากนั้น RM ก็สร้างความประหลาดใจอีกครั้งด้วยการประกาศ  เมื่อไม่กี่วันก่อนว่ากระบวนการสร้างสรรค์อัลบั้มนี้จะถูกเปิดเผยในสารคดี

สารคดีเดี่ยวเรื่องต่อไปของ RM ชื่อว่า  RM: Right People, Wrong Place  ซึ่งอิงจากอัลบั้มที่กล่าวถึงข้างต้น จะมีรอบปฐมทัศน์ในส่วน “open cinema” ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ครั้งที่ 29 ในเดือนตุลาคม

ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Lee Seokju ซึ่งกล่าวในแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า  ภาพยนตร์จะพาผู้ชม "ไปทั่วกรุงโซล โตเกียว และลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองที่ RM ได้ถ่ายทอดแก่นแท้ของภาพในอัลบั้ม รวมถึงภาพคอนเซ็ปต์และมิวสิควิดีโอ เพื่อให้ผู้ชมได้มองลึกลงไปในวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของเขา" และจะใช้  "ฉากหลังที่หลากหลายและการร่วมมือทางศิลปะที่หลากหลาย [เพื่อ] นำเสนอภาพสะท้อนที่กระตุ้นความคิดถึงและการเติบโตของเขา"