How to แต่งห้องให้เย็น แบบประหยัดค่าไฟ
แว่ว ๆ มาว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จากเดิมที่ค่าไฟราคา 4 บาท/หน่วย จะปรับขึ้นอีกประมาณ 40 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟขึ้นเป็น 4.40 บาท/หน่วย เพื่อรับมือกับค่าไฟที่กำลังจะแพงขึ้น มารับมือด้วยการแต่งห้องให้ประหยัดไฟกันเถอะ!
มาแต่งห้องให้เย็นพร้อมประหยัดไฟกันเถอะ
1. ปลูกต้นไม้ในห้องนอน
การปลูกต้นไม้ในห้อง โดยเฉพาะการวางต้นไม้ไว้บริเวณริมหน้าต่าง จะช่วยบังแสงอาทิตย์ที่เข้ามายังห้องนอนได้ดี ทำให้อุณหภูมิไม่ร้อนจัด และยังมอบอากาศสดชื่นให้ห้องของคุณอีกด้วย
2. ไม่ปูพรมในห้องนอน
พรมเป็นไอเทมเก็บความร้อนชั้นดี จะสังเกตได้ว่าห้องที่ปูพรมจะมีอุณหภูมิสูงกว่าห้องที่โดนแดดส่องแต่ไม่ได้ปูพรมเสียอีก แนะนำให้เก็บพรมเอาไว้แต่งห้องช่วงหน้าหนาว หรือใช้เป็นผ้าผืนบาง ๆ ปูตกแต่งห้องจะดีกว่า
3. เลือกใช้ของตกแต่งสีอ่อน
เรื่องนี้จะช่วยทั้งในแง่ของการกักเก็บความร้อน และเรื่องของความสบายตา เพราะสีอ่อนเป็นสีที่ช่วยสะท้อนความร้อนออกไป ตรงกันข้ามกับสีเข้มที่กักเก็บความร้อน ก็เหมือนกับการที่เราเลือกสีเสื้อผ้า เวลาที่ใส่เสื้อดำมักจะรู้สึกร้อนกว่าปกตินั่นเอง
4. ไม่เปิดไฟตกแต่งห้อง
แม้ว่าการเปิดไฟตกแต่งห้องจะให้ความสวยงาม แต่ไฟประดับเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กินไฟมาก ความร้อนจากดวงไฟยังทำให้ห้องร้อนเพิ่มอีกด้วย แนะนำว่าในช่วงที่ค่าไฟแพงแบบนี้ อย่าเพิ่งเปิดไฟตกแต่งห้องจะดีกว่า
5. แต่งห้องด้วยแอร์ประหยัดไฟ
อ่านไม่ผิดหรอก เพราะเดี๋ยวนี้แอร์เขาพัฒนาให้ตัวเครื่องมีสีสันสดใส ทำให้การซื้อแอร์ในตอนนี้เป็นมากกว่าการซื้อแอร์เพื่อความเย็น แต่จะมีในแง่ของการแต่งห้องพ่วงเข้ามาด้วย สามารถเลือกสีและลายได้ตามใจ และที่สำคัญให้เลือกแอร์ที่ประหยัดไฟ เบอร์ 5 ที่ประหยัดสูงสุด 3 ดาวกันไปเลย เรียกว่าได้ทั้งสวย ทั้งประหยัดไฟ จนลืมแอร์แบบเดิม ๆ ไปได้เลย
เคล็ด (ไม่) ลับที่อยากบอกต่อ
ถ้าได้ลองทำตามวิธีที่เราได้แนะนำไปแล้ว จะช่วยให้ห้องของคุณเย็นขึ้น พร้อมประหยัดไฟอีกด้วย เหมาะกับช่วงที่ค่าไฟขึ้นไม่หยุด ใครที่ได้ลองทำตามแล้วอย่าลืมคอมเมนต์มาบอกกันด้วยน้าาา
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า~♥
How to แต่งห้องให้เย็น แบบประหยัดค่าไฟ
แว่ว ๆ มาว่าสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จากเดิมที่ค่าไฟราคา 4 บาท/หน่วย จะปรับขึ้นอีกประมาณ 40 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟขึ้นเป็น 4.40 บาท/หน่วย เพื่อรับมือกับค่าไฟที่กำลังจะแพงขึ้น มารับมือด้วยการแต่งห้องให้ประหยัดไฟกันเถอะ!
มาแต่งห้องให้เย็นพร้อมประหยัดไฟกันเถอะ
1. ปลูกต้นไม้ในห้องนอน
การปลูกต้นไม้ในห้อง โดยเฉพาะการวางต้นไม้ไว้บริเวณริมหน้าต่าง จะช่วยบังแสงอาทิตย์ที่เข้ามายังห้องนอนได้ดี ทำให้อุณหภูมิไม่ร้อนจัด และยังมอบอากาศสดชื่นให้ห้องของคุณอีกด้วย
2. ไม่ปูพรมในห้องนอน
พรมเป็นไอเทมเก็บความร้อนชั้นดี จะสังเกตได้ว่าห้องที่ปูพรมจะมีอุณหภูมิสูงกว่าห้องที่โดนแดดส่องแต่ไม่ได้ปูพรมเสียอีก แนะนำให้เก็บพรมเอาไว้แต่งห้องช่วงหน้าหนาว หรือใช้เป็นผ้าผืนบาง ๆ ปูตกแต่งห้องจะดีกว่า
3. เลือกใช้ของตกแต่งสีอ่อน
เรื่องนี้จะช่วยทั้งในแง่ของการกักเก็บความร้อน และเรื่องของความสบายตา เพราะสีอ่อนเป็นสีที่ช่วยสะท้อนความร้อนออกไป ตรงกันข้ามกับสีเข้มที่กักเก็บความร้อน ก็เหมือนกับการที่เราเลือกสีเสื้อผ้า เวลาที่ใส่เสื้อดำมักจะรู้สึกร้อนกว่าปกตินั่นเอง
4. ไม่เปิดไฟตกแต่งห้อง
แม้ว่าการเปิดไฟตกแต่งห้องจะให้ความสวยงาม แต่ไฟประดับเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กินไฟมาก ความร้อนจากดวงไฟยังทำให้ห้องร้อนเพิ่มอีกด้วย แนะนำว่าในช่วงที่ค่าไฟแพงแบบนี้ อย่าเพิ่งเปิดไฟตกแต่งห้องจะดีกว่า
5. แต่งห้องด้วยแอร์ประหยัดไฟ
อ่านไม่ผิดหรอก เพราะเดี๋ยวนี้แอร์เขาพัฒนาให้ตัวเครื่องมีสีสันสดใส ทำให้การซื้อแอร์ในตอนนี้เป็นมากกว่าการซื้อแอร์เพื่อความเย็น แต่จะมีในแง่ของการแต่งห้องพ่วงเข้ามาด้วย สามารถเลือกสีและลายได้ตามใจ และที่สำคัญให้เลือกแอร์ที่ประหยัดไฟ เบอร์ 5 ที่ประหยัดสูงสุด 3 ดาวกันไปเลย เรียกว่าได้ทั้งสวย ทั้งประหยัดไฟ จนลืมแอร์แบบเดิม ๆ ไปได้เลย
เคล็ด (ไม่) ลับที่อยากบอกต่อ
ถ้าได้ลองทำตามวิธีที่เราได้แนะนำไปแล้ว จะช่วยให้ห้องของคุณเย็นขึ้น พร้อมประหยัดไฟอีกด้วย เหมาะกับช่วงที่ค่าไฟขึ้นไม่หยุด ใครที่ได้ลองทำตามแล้วอย่าลืมคอมเมนต์มาบอกกันด้วยน้าาา
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า~♥