เราไม่รู้ว่าอาการของเราในตอนนี้เป็นโรคอะไร เรียกซึมเศร้าได้หรือยัง? ช่วงมหาลัยที่มีปัญหากับคุณแม่หนักๆ+เรื่องเรียน และเครียดมาก เคยทำร้ายตัวเองซ้ำๆๆๆ (ไม่ได้อยากตายนะคะ แค่รู้สึกว่าเจ็บแล้วได้ร้องไห้ออกมา ความรู้สึกอึดอัดมันน้อยลง) จนต้องใส่เสื้อคลุมแขนยาวไปเรียน เพราะแขนเราจะมีรอยแผลสดยาวไปถึงข้อพับ ไม่หายสักทีเพราะทำซ้ำเกือบจะ 2-3 วันครั้ง พอมีงานทำมีรายได้ของตัวเองเคยไปพบแพทย์ เขาก็ไม่ได้บอกว่าเราเป็นอะไร ให้ยามากินบอกเป็นยาคลายเครียด กินคู่กัน 2 ตัว จะทำให้เราหลับลึกและได้พักผ่อนมากขึ้น ตอนนั้นที่ไปพบเราก็บอกไปว่านอนไม่หลับ เครียด ไม่ได้เล่าเรื่องราวชีวิต ไม่ได้บอกว่าเคยทำร้ายตัวเอง แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่มีเรื่องเครียดเยอะแยะมากมายขนาดนี้ คิดแค่ว่านอนไม่หลับอยากนอน ดังนั้นเราขอบอกอาการในตอนนี้คร่าวๆเป็นข้อ และแจงแบบละเอียดในสปอยเผื่อใครไม่อยากอ่านยาวๆนะคะ (ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ จะได้ไม่รู้สึกทางการเกินไป ^_^)
1. นอนหลับยากมากกกกกกก และนอนหลับไม่สนิท บางวันมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วสะดุ้งตื่น จากนั้นก็จะนอนหลับต่อไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ใช้เวลานอนกลิ้งบนเตียง 2-4 ชั่วโมงกว่าจะหลับ และหลับแค่วันละ 4-5 ชั่วโมง แบบไม่สนิท ตื่นมารู้สึกเพลีย เคยนอนไม่หลับมากสุด 3 วัน เคยไปพบจิตแพทย์และได้ยามาทาน จนอาการดีขึ้นและหยุดทานยา จนวันนึงคุณแม่มาหาที่ห้องโดยไม่บอกล่วงหน้า เรากำลังนอนอยู่ได้ยินเสียงเคาะประตูก็เดินไปเปิด ส่องดูแล้วเห็นว่าคนดูแลที่พัก พอเปิดประตูไปปรากฎว่าแม่ยืนอยู่ข้างหลังในมุมที่เรามองไม่เห็น เราช็อคมาก รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ร้องไม่ออกจุกหน้าอกไปหมด แต่แม่เค้าก็ยอมกลับไปเพราะเราไม่ยอมให้เข้าห้อง หลังจากวันนั้นรู้สึกว่าห้องของเราที่เรามองว่าเป็น comfort zone ที่เดียวของเราหายไปแล้ว และมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงเคาะประตูบ่อยๆทั้งที่ไม่มีคนเคาะประตู และสะดุ้งตื่นมาด้วยอาการจุกเหมือนจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ไม่สามารถนอนหลับต่อได้ และมีอาการร้องไห้ในบางวันค่ะ
2. น้ำหนักเพิ่ม 20+ เครียด อึดอัด กินไม่หยุดพอแน่นแล้วก็มานั่งเครียดอีกว่ากินทำไม ประจำเดือนมาไม่ปกติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปกติเป็นคนอ้วนมากอยู่แล้ว น้ำหนัก 102-105 และพยายามลดน้ำหนักจนน้ำหนักลดลงมากเหลือ 88 ด้วยวิธีคุมอาหาร ลดคาร์บและน้ำตาล ตอนนั้นรู้สึกดีมาก แต่หลังจากเหตุการณ์ที่แม่มาหาแบบไม่ทันตั้งตัวในข้อ 1 ทำให้เรารู้สึกกังวลและเครียดมาก แล้วก็กินไม่หยุด จนน้ำหนักขึ้นมาเป็น 115 ในเวลาแค่ 3เดือนกว่า พอน้ำหนักเพิ่มก็เครียดอีก รู้สึกอึดอัด พยายามจะลดน้ำหนักแต่ผลก็ไม่ได้เหมือนครั้งก่อน ทำให้เราเครียดมาก แล้วก็กินไม่หยุดแบบห้ามตัวเองไม่ได้ พอกินต่อไม่ไหวก็นั่งเสียใจโทษตัวเองว่าทำไมต้องกินเยอะแบบนี้ ทั้งที่กำลังจะลดน้ำหนัก เคยแม้กระทั่งนั่งกินไปร้องไห้ไป แล้วเราก็เครียดกิน เครียดกินวนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน ปกติประจำเดือนมา 2-3 เดือนครั้งอยู่แล้วเพราะน้ำหนักเยอะและเครียด เคยไปหาหมอ หมอ บอกว่าเพราะน้ำหนักเยอะและฮอร์โมนเพศชายเยอะต้องกินยาช่วย แต่เราไม่ได้กินยาต่อเนื่องเลยไม่ได้มาทุกเดือน พอน้ำหนักเพิ่มคราวนี้กลายเป็นว่าประจำเดือนหายไปเลย แล้วก็เป็นเหตุให้เครียดเรื่องนี้เพิ่มอีก
3. กลัวและอึดอัดกับการพบเจอและพูดคุยกับคนในครอบครัว ญาติๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดนกดดันทุกเรื่องมาตั้งแต่แต่เด็ก โดนเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ตลอด โดนบังคับให้อยู่ในกฎ โดนลวนลามจากญาติแท้ๆ (ซึ่งตอนนั้นเด็กและไม่รู้ว่านั่นคือการลวมลาม) ฝั่งพ่อและฝั่งแม่ไม่ลงรอยกัน แล้วทั้ง 2 ฝั่งก็ชอบมาพูดเรื่องของอีกฝั่งในทางที่ไม่ดีให้เราฟัง พอช่วงมหาลัยเราออกจากตรงนั้นมาอยู่คนเดียวได้ ทำให้เรารู้สึกโล่งและเป็นอิสระมากขึ้น หลังจากนั้นก็รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องกลับไปนั่งฟังผู้ใหญ่ 2 ฝั่งพูดเรื่องไม่ดีของอีกฝั่งให้ฟังเหมือนเดิม พอเรียนจบเราแทบจะไม่ติดต่อใครเลย บางคนอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าเราทำไม่ถูกต้อง แต่จะบอกว่าตอนนั้นเรารู้สึกเครียดน้อยลงมากจริงๆ และทุกครั้งที่เราเห็นคนในครอบครัวหรือญาติโทรมา ทักเฟส/ไลน์มา ถึงแม้จะไม่ได้ตอบรับ แต่ทุกครั้งจะมีอาการเหงื่อออกและรู้สึกทั้งกลัวทั้งกังวล จนบางครั้งนั่งร้องไห้คนเดียวในห้องและนึกถึงแต่ความรู้สึกเก่าๆตอนเด็ก
4. อารมณ์แปรปรวน ออกไปเที่ยวสนุกกับเพื่อน พอกลับห้องมาร้องไห้แบบไม่มีเหตุผล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นคนที่ดูภายนอกสนุกสนาน คุยเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ชอบเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนๆ ตอนสนุกก็สนุกสุดเหวี่ยง แต่พอก้าวเข้าห้องปิดประตูปุ๊บร้องไห้ อารมณ์ดิ่งแบบไม่มีเหตุผล บางทีกลับถึงห้องตี 2 นั่งร้องไห้ต่อจนถึงเช้าแล้วทำงานต่อเลยไม่ได้นอน บางทีก็หงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย เช่น แค่ปากกาหล่นพื้นก็หงุดหงิดจนร้องไห้ว่าทำไมปากกาต้องหล่นด้วย เราวางไว้ดีแล้วทำไมต้องหล่นลงไป แล้วก็ร้องไห้แบบเป็นเรื่องราว เอาเรื่องอื่นๆเรื่องเก่าที่ไม่ดีมาผสมกับอารมณ์ในตอนนั้นแล้วร้องไห้ยาวๆจนเหนื่อยแล้วหยุดร้องไปเอง จากนั้นก็เปิดการ์ตูนดูหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
5. อยากหายไปจากโลก แต่ไม่อยากตายเพราะมีความคิดว่าถ้าตาย คนในครอบครัว ญาติพี่น้องต้องรับรู้แล้วมาหา มาจัดการเรื่องศพเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีความคิดแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงนอนไม่ค่อยหลับมาสักพัก เป็นช่วงเรียนจบแล้วและว่างงาน เราอยากหายไปเลยเหมือนไม่เคยมีเราอยู่บนโลกนี้มาก่อน แต่ก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เคยเสิชหาข้อมูลสถานที่ต่างๆที่คิดว่าถ้าเราหายไปในนั้นและจะไม่มีวันที่จะมีใครมาพบเราได้ เช่น ป่าลึก ภูเขาใหญ่ หรืออะไรก็ได้ที่ปกติไม่มีคนอาศัยอยู่หรือเข้าไป เราอยากจะไปตรงนั้นแล้วตายอยู่ในนั้นคนเดียว ไม่ต้องมีใครมารับรู้ไม่ต้องมีใครมาตามหาหรือทำศพทำพิธีอะไร เคยเสิชหาประเทศที่สามารถทำการุณยฆาตได้แบบถูกต้อง แต่เท่าที่อ่านเราไม่เข้าเกณฑ์ที่จะทำได้ รู้สึกผิดหวังมาก แต่ก็ยังพยายามหาอะไรแบบนี้บ่อยๆ บางทีเปิดคอมมาก็เสิชหาไปแบบไม่รู้ตัว เหมือนไม่มีสติ ห้ามความคิดที่อยากหายไปจากโลกนี้ไม่ได้
6. ทุกครั้งที่อยู่ในสถานที่สุ่มเสี่ยง จะมีความคิดเรื่องฆ่าตัวตายเข้ามาในหัว แต่ไม่ทำเพราะเหตุผลข้อ 5 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่น
- นั่งเรือโดยสารที่แม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะมองลงไปที่น้ำแล้วคิดว่าถ้ากระโดดลงไปจะเป็นยังไง ทรมานมั้ย จะตายเลยมั้ย แต่ถ้าตายศพลอยขึ้นมา ครอบครัวต้องรู้ ญาติต้องรู้ ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากเจอพวกเขา ไม่อยากให้พวกเขามาเดือดร้อนทำศพเรา
- ยืนรอบีทีเอส จะชอบเดินไปเกาะรั้วชานชาลาในจุดที่คนน้อยๆ(ไม่ใช่ที่กั้นระหว่างชานชาลากับรถไฟนะคะ) แล้วมองลงไปข้างล่าง มองรถแล่นผ่านไปผ่านมา แล้วคิดดว่าถ้าปีนแล้วกระโดดลงไปจะตายทันทีเลยมั้ย หรือจะพิการ ถ้าพิการไม่เอาดีกว่า อยากตายไปเลย เคยก้าวขาขึ้นไปยืนแล้วโน้มตัวลงไปมองข้างล่าง ในหัวตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากลองมองไกลๆ แต่รถไฟฟ้ามาพอดีบวกกับได้ยินเสียง รปภ เป่านกหวีดเลยได้สติแล้วรีบวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าไป ซึ่งช่วงนี้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบ่อยมาก แล้วเหมือนพอขึ้นไปบนชานชาลาปุ๊บขาเราจะเดินไปหามุมอับ เพื่อเกาะรั้วมองรถข้างล่างตลอด ถ้ามีเพื่อนไปด้วยเพื่อนก็จะถามว่าไปไหน เราก็จะไม่ไปแล้วเดินเกาะแขนเพื่อนแทน แต่ถ้าเดินทางคนเดียวต้องเดินไปเกาะรั้วแล้วมองลงไปข้างล่างตลอด
จากอาการข้างบน ซึ่งส่งผลกับการใช้ชีวิตและการทำงานมาก และมีอาการในข้อ 6 บ่อยมากขึ้น จนบางทีคิดว่าวันนึงอาจจะทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ จึงอยากไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เรามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งในครั้งแรกที่ไปพบ เราทำงานมีรายได้เพียงพอที่จะใช้ชีวิตแบบไม่เดือดร้อน มีเงินเก็บทุกเดือน แต่วันนึงเราโดนบริษัทบอกยกเลิกสัญญาแบบกระทันหัน ทำให้ตกงานอยู่เป็นปี ต้องเอาเงินเก็บมาใช้จนหมด ตอนนี้ทำงานที่ใหม่ ไม่ได้เป็นพนักงานประจำรายได้น้อยกว่าเดิมประมาณครึ่งนึง ทำให้ต้องใช้เงินแบบคิดแล้วคิดอีก ทุกวันนี้เดือนชนเดือน หมุนจนไม่รู้จะหมุนยังไง เลยมีปัญหาเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง (ซึ่งอาการทั้งหมดเริ่มกลับมาและเป็นหนักขึ้นในช่วงที่โดนเลิกจ้าง ตกงาน และแม่ก็มาในช่วงนั้นอีก ซึ่งก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราเครียดมากขึ้น) ครั้งก่อนไปพบแพทย์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 900-1600 บาท/ครั้ง แล้วแต่จำนวนยาที่หมอสั่งจ่าย รพ. นี้สะดวกเพราะใกล้ที่พัก ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที แต่ตอนนี้เราคิดว่าไม่ไหวกับราคานี้ เพราะต้องพบแพทย์แบบต่อเนื่อง จึงอยากได้คำแนะนำว่าควรไปที่ไหนดีที่ราคาไม่แพง โซนใกล้เคียง เมืองเอก 200ปี ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตค่ะ
*** อาจจะพิมพ์ยาวมากไปนืดนึง แต่พยายามพิมพ์ให้เข้าใจที่สุดแล้ว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
*** ตอนนี้กำลังหารายได้เสริม มีประสบการณ์คีย์ข้อมูล งานพิมพ์เอกสารต่างๆ แบบ WFH แนะนำได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
อยากพบจิตแพทย์ แนะนำหน่อยค่ะ
1. นอนหลับยากมากกกกกกก และนอนหลับไม่สนิท บางวันมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วสะดุ้งตื่น จากนั้นก็จะนอนหลับต่อไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. น้ำหนักเพิ่ม 20+ เครียด อึดอัด กินไม่หยุดพอแน่นแล้วก็มานั่งเครียดอีกว่ากินทำไม ประจำเดือนมาไม่ปกติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. กลัวและอึดอัดกับการพบเจอและพูดคุยกับคนในครอบครัว ญาติๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. อารมณ์แปรปรวน ออกไปเที่ยวสนุกกับเพื่อน พอกลับห้องมาร้องไห้แบบไม่มีเหตุผล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. อยากหายไปจากโลก แต่ไม่อยากตายเพราะมีความคิดว่าถ้าตาย คนในครอบครัว ญาติพี่น้องต้องรับรู้แล้วมาหา มาจัดการเรื่องศพเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. ทุกครั้งที่อยู่ในสถานที่สุ่มเสี่ยง จะมีความคิดเรื่องฆ่าตัวตายเข้ามาในหัว แต่ไม่ทำเพราะเหตุผลข้อ 5 ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากอาการข้างบน ซึ่งส่งผลกับการใช้ชีวิตและการทำงานมาก และมีอาการในข้อ 6 บ่อยมากขึ้น จนบางทีคิดว่าวันนึงอาจจะทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ จึงอยากไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เรามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งในครั้งแรกที่ไปพบ เราทำงานมีรายได้เพียงพอที่จะใช้ชีวิตแบบไม่เดือดร้อน มีเงินเก็บทุกเดือน แต่วันนึงเราโดนบริษัทบอกยกเลิกสัญญาแบบกระทันหัน ทำให้ตกงานอยู่เป็นปี ต้องเอาเงินเก็บมาใช้จนหมด ตอนนี้ทำงานที่ใหม่ ไม่ได้เป็นพนักงานประจำรายได้น้อยกว่าเดิมประมาณครึ่งนึง ทำให้ต้องใช้เงินแบบคิดแล้วคิดอีก ทุกวันนี้เดือนชนเดือน หมุนจนไม่รู้จะหมุนยังไง เลยมีปัญหาเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง (ซึ่งอาการทั้งหมดเริ่มกลับมาและเป็นหนักขึ้นในช่วงที่โดนเลิกจ้าง ตกงาน และแม่ก็มาในช่วงนั้นอีก ซึ่งก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราเครียดมากขึ้น) ครั้งก่อนไปพบแพทย์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 900-1600 บาท/ครั้ง แล้วแต่จำนวนยาที่หมอสั่งจ่าย รพ. นี้สะดวกเพราะใกล้ที่พัก ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที แต่ตอนนี้เราคิดว่าไม่ไหวกับราคานี้ เพราะต้องพบแพทย์แบบต่อเนื่อง จึงอยากได้คำแนะนำว่าควรไปที่ไหนดีที่ราคาไม่แพง โซนใกล้เคียง เมืองเอก 200ปี ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตค่ะ
*** อาจจะพิมพ์ยาวมากไปนืดนึง แต่พยายามพิมพ์ให้เข้าใจที่สุดแล้ว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
*** ตอนนี้กำลังหารายได้เสริม มีประสบการณ์คีย์ข้อมูล งานพิมพ์เอกสารต่างๆ แบบ WFH แนะนำได้นะคะ ขอบคุณมากค่ะ