คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์สำหรับคำแนะนำค่ะ คุยกับลูกล่าสุดวันนี้ บอกให้เอาของไปคืนฝ่ายหญิงแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่สบายใจอย่างแรง เขาก็เข้าใจและคืนไปแล้ว ค่ะ
อาจต้องมาคุยกับลูก ปรับเรื่องมุมมองความคิด และทัศนคติกันใหม่ค่ะ คือ ลูกชายเรามีเพื่อนไม่เยอะ เขามีเพื่อนน้อยมาก คบเพื่อนแค่ 2-3 คนเอง แล้วเพื่อนสนิท 2-3 คนที่ว่าคือ ฐานะทางบ้านรวยมาก พ่อแม่ให้เงินลูกใช้เดือนละ 6-7 หมื่น ซื้อรถยนต์ให้ขับคันละล้าน
ซึ่งดิฉันจะสอนลูกตลอดให้รู้จักฐานะตัวเอง ถึงมีเพื่อนรวยกว่า ก็อย่าไปเอาเปรียบเพื่อน นั่งรถเพื่อนก็ต้องแชร์ค่าน้ำมัน จ่ายค่าทางด่วน กินข้าวก็ต้องช่วยแชร์ ให้คบกันด้วยจิตใจและจริงใจกับเพื่อน ซึ่งช่องว่างระหว่างลูกคนรวยกับคนธรรมดาคือ จะกินยากในเรื่องอาหารการกิน บางครั้งลูกชายก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่เพื่อนจะบอกเสมอ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเลี้ยงเอง อยากเจอ อยากมีตติ้ง บางทีเพื่อนไปเที่ยวยุโรปกับพ่อแม่ ก็ซื้อของแพงๆมาฝาก ราคา หมื่นสองหมื่นก็มี จนดิฉันต้องโทรไปคุยกับพ่อแม่เพื่อนไม่ให้ลูกรับเพราะเกรงใจ แต่พ่อแม่เพื่อนก็จะบอก ไม่ต้องคิดมาก รับไปเถอะ เด็กๆเขาซื้อให้กัน
ส่วนนึงที่ไม่อยากให้ลูกรับของแพงๆจากเพื่อน ถึงแม้จะให้ด้วยความสเน่ห์หาหรือ มิตรภาพ อะไรก็ตาม กลัวว่า มันจะติดกลายเป็นนิสัยเคยตัว ไปในอนาคต
อยากให้เขาตระหนักว่า อยากได้อะไรก็ควรหาเองดีกว่า ไม่ควรไปรับของใครมาฟรีๆ จะยากดีมีจน พ่อแม่ก็ไม่เคยสอนให้ลูกไปรับของๆคนอื่นมาฟรีๆ ค่ะ
(อีกอย่าง ตอนสมัย ม. ปลาย ก็เคยมีปัญหากับเรื่องผญ ไม่ควรไปรับของเขามา เดี๋ยจะมีปัญหาในภายหลัง)
อาจต้องมาคุยกับลูก ปรับเรื่องมุมมองความคิด และทัศนคติกันใหม่ค่ะ คือ ลูกชายเรามีเพื่อนไม่เยอะ เขามีเพื่อนน้อยมาก คบเพื่อนแค่ 2-3 คนเอง แล้วเพื่อนสนิท 2-3 คนที่ว่าคือ ฐานะทางบ้านรวยมาก พ่อแม่ให้เงินลูกใช้เดือนละ 6-7 หมื่น ซื้อรถยนต์ให้ขับคันละล้าน
ซึ่งดิฉันจะสอนลูกตลอดให้รู้จักฐานะตัวเอง ถึงมีเพื่อนรวยกว่า ก็อย่าไปเอาเปรียบเพื่อน นั่งรถเพื่อนก็ต้องแชร์ค่าน้ำมัน จ่ายค่าทางด่วน กินข้าวก็ต้องช่วยแชร์ ให้คบกันด้วยจิตใจและจริงใจกับเพื่อน ซึ่งช่องว่างระหว่างลูกคนรวยกับคนธรรมดาคือ จะกินยากในเรื่องอาหารการกิน บางครั้งลูกชายก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่เพื่อนจะบอกเสมอ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเลี้ยงเอง อยากเจอ อยากมีตติ้ง บางทีเพื่อนไปเที่ยวยุโรปกับพ่อแม่ ก็ซื้อของแพงๆมาฝาก ราคา หมื่นสองหมื่นก็มี จนดิฉันต้องโทรไปคุยกับพ่อแม่เพื่อนไม่ให้ลูกรับเพราะเกรงใจ แต่พ่อแม่เพื่อนก็จะบอก ไม่ต้องคิดมาก รับไปเถอะ เด็กๆเขาซื้อให้กัน
ส่วนนึงที่ไม่อยากให้ลูกรับของแพงๆจากเพื่อน ถึงแม้จะให้ด้วยความสเน่ห์หาหรือ มิตรภาพ อะไรก็ตาม กลัวว่า มันจะติดกลายเป็นนิสัยเคยตัว ไปในอนาคต
อยากให้เขาตระหนักว่า อยากได้อะไรก็ควรหาเองดีกว่า ไม่ควรไปรับของใครมาฟรีๆ จะยากดีมีจน พ่อแม่ก็ไม่เคยสอนให้ลูกไปรับของๆคนอื่นมาฟรีๆ ค่ะ
(อีกอย่าง ตอนสมัย ม. ปลาย ก็เคยมีปัญหากับเรื่องผญ ไม่ควรไปรับของเขามา เดี๋ยจะมีปัญหาในภายหลัง)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
เอาเรื่องแม่กับพ่อมานินทาดีกว่า เคยพูดหลายครั้งแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อ
-แม่เป็นลูกสาวคนเดียว ที่บ้านรวยมาก เพราะมีธุรกิจหลายอย่าง ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจอกับพ่อ ในวันเปิดหอพัก พ่อเห็นแม่แล้วชอบ และรัก เลยมาติดต่อ แม่ก็ชอบพ่อ แต่พ่อจนมาก มีมอเตอร์ไซด์เก่าๆ รุ่นพี่ที่เรียนจบแล้ว ขายต่อให้ราคาถูกๆ เหมือนยกให้เปล่า แม่มีรถ BMW ป้ายแดง ที่บ้านซื้อให้ กันผู้ชายมาติดพัน แต่แม่เอารถ BMW ไปซ่อนไม่ให้พ่อรู้ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์พ่อ ตลอด กินอาหารที่ร้านอาหารข้างทาง ตลาดโต้รุ่ง
-แม่บอกว่า พ่อไม่เคยให้แม่ออกเงินค่าอาหารเลย เวลากินอาหารที่ฝายหิน หรือกินอาหารในหอพัก หรือที่ตลาดอนุสาร ตลาดช้างเผือก หรือดูหนังด้วยกัน ที่บ้านแม่ อยากจะให้แม่เลิกกับพ่อ เพราะฐานะพ่อยากจนมาก แต่แม่ตกลงกับทางบ้านว่า ถ้าเมื่อไหร่ พ่อรู้ว่า แม่รวยมาก และพยายามให้แม่เป็นฝ่ายจ่ายเงิน แม่จะเลิกตามที่ทางบ้านขอร้อง แต่จนถึงวันแต่งงาน เวลากินอาหารด้วยกัน พ่อจ่ายตลอด เพียงแต่ราคาอาหารไม่ได้แพง ไม่ได้หรูหราอะไร พ่อบอกว่า เป็นนักศึกษาไม่มีเงิน มีแต่ความรัก แต่มีเงินเท่าไหร่ ก็ให้แม่หมด
-ถามแม่ว่าทำไมเลือกพ่อ แม่บอกว่า พ่อไม่เคยเบียดเบียนเรื่องเงินแม่เลย บางครั้งหายหน้าไปนาน พอถามดูก็คือไม่มีเงิน มีเงินค่อยมาหา พ่อพูดกับแม่ตรงๆ แม่บอกว่า คนเราโง่มาก ถ้าเลือกผู้ชายเพราะเรื่องเงิน ทั้งที่ตัวเองมีเงินมากอยู่แล้ว แต่จะโง่มาก ถ้าให้ผู้ชายเลือกเพราะเรามีเงิน ไม่ได้รักเราอย่างแท้จริง แต่แม่บอกว่า รักพ่อตอนที่พ่อบอกว่า "แก่ไปพร้อมๆกับผม รับรองไม่มีระทม"
-เงินเดือนพ่อ เงินประจำตำแหน่งพ่อ ยกให้แม่หมด เข้าบัญชีเงินเดือนพ่อ แต่แม่เบิกถอนได้ พ่อขอแค่มีเงินติดตัวเก็บไว้ในบ้านหนึ่งล้านบาท และบัตรเครดิตเท่านั้นเอง พ่อบอกว่า เป็นผู้ชาย ต้องดูแลครอบครัว เป็นสามีต้องให้เงินภรรยา อย่าเอาเปรียบผู้หญิงที่อยู่กับคุณ ถ้าภรรยาหาได้ ก็ให้เขาเก็บเอาไว้ของเขา พ่อไม่เคยเอาเงินแม่เลย ตั้งแต่ทำงานจนเกษียณ แต่จริงๆ แม่ก็ช่วยพ่อทางอ้อม ทำให้พ่อได้เป็นผู้อำนวยการในจังหวัดต่างๆ จนมาถึงจังหวัดในพระนคร แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องเงิน เพราะพ่อไม่ยอมรับ แต่ถ้าพ่อยอมรับ คงจะไม่ได้แต่งงานกับแม่แน่นอน เพราะเป็นข้อตกลงทางบ้านของแม่ เมื่อไหร่ พ่อแสดงว่า อยากจะได้สมบัติแม่ แม่ต้องเลิกกับพ่อตามตกลงกับทางบ้าน แต่ข้อตกลงนี้ พ่อไม่เคยรู้เลย
-แม่เป็นลูกสาวคนเดียว ที่บ้านรวยมาก เพราะมีธุรกิจหลายอย่าง ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจอกับพ่อ ในวันเปิดหอพัก พ่อเห็นแม่แล้วชอบ และรัก เลยมาติดต่อ แม่ก็ชอบพ่อ แต่พ่อจนมาก มีมอเตอร์ไซด์เก่าๆ รุ่นพี่ที่เรียนจบแล้ว ขายต่อให้ราคาถูกๆ เหมือนยกให้เปล่า แม่มีรถ BMW ป้ายแดง ที่บ้านซื้อให้ กันผู้ชายมาติดพัน แต่แม่เอารถ BMW ไปซ่อนไม่ให้พ่อรู้ นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์พ่อ ตลอด กินอาหารที่ร้านอาหารข้างทาง ตลาดโต้รุ่ง
-แม่บอกว่า พ่อไม่เคยให้แม่ออกเงินค่าอาหารเลย เวลากินอาหารที่ฝายหิน หรือกินอาหารในหอพัก หรือที่ตลาดอนุสาร ตลาดช้างเผือก หรือดูหนังด้วยกัน ที่บ้านแม่ อยากจะให้แม่เลิกกับพ่อ เพราะฐานะพ่อยากจนมาก แต่แม่ตกลงกับทางบ้านว่า ถ้าเมื่อไหร่ พ่อรู้ว่า แม่รวยมาก และพยายามให้แม่เป็นฝ่ายจ่ายเงิน แม่จะเลิกตามที่ทางบ้านขอร้อง แต่จนถึงวันแต่งงาน เวลากินอาหารด้วยกัน พ่อจ่ายตลอด เพียงแต่ราคาอาหารไม่ได้แพง ไม่ได้หรูหราอะไร พ่อบอกว่า เป็นนักศึกษาไม่มีเงิน มีแต่ความรัก แต่มีเงินเท่าไหร่ ก็ให้แม่หมด
-ถามแม่ว่าทำไมเลือกพ่อ แม่บอกว่า พ่อไม่เคยเบียดเบียนเรื่องเงินแม่เลย บางครั้งหายหน้าไปนาน พอถามดูก็คือไม่มีเงิน มีเงินค่อยมาหา พ่อพูดกับแม่ตรงๆ แม่บอกว่า คนเราโง่มาก ถ้าเลือกผู้ชายเพราะเรื่องเงิน ทั้งที่ตัวเองมีเงินมากอยู่แล้ว แต่จะโง่มาก ถ้าให้ผู้ชายเลือกเพราะเรามีเงิน ไม่ได้รักเราอย่างแท้จริง แต่แม่บอกว่า รักพ่อตอนที่พ่อบอกว่า "แก่ไปพร้อมๆกับผม รับรองไม่มีระทม"
-เงินเดือนพ่อ เงินประจำตำแหน่งพ่อ ยกให้แม่หมด เข้าบัญชีเงินเดือนพ่อ แต่แม่เบิกถอนได้ พ่อขอแค่มีเงินติดตัวเก็บไว้ในบ้านหนึ่งล้านบาท และบัตรเครดิตเท่านั้นเอง พ่อบอกว่า เป็นผู้ชาย ต้องดูแลครอบครัว เป็นสามีต้องให้เงินภรรยา อย่าเอาเปรียบผู้หญิงที่อยู่กับคุณ ถ้าภรรยาหาได้ ก็ให้เขาเก็บเอาไว้ของเขา พ่อไม่เคยเอาเงินแม่เลย ตั้งแต่ทำงานจนเกษียณ แต่จริงๆ แม่ก็ช่วยพ่อทางอ้อม ทำให้พ่อได้เป็นผู้อำนวยการในจังหวัดต่างๆ จนมาถึงจังหวัดในพระนคร แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องเงิน เพราะพ่อไม่ยอมรับ แต่ถ้าพ่อยอมรับ คงจะไม่ได้แต่งงานกับแม่แน่นอน เพราะเป็นข้อตกลงทางบ้านของแม่ เมื่อไหร่ พ่อแสดงว่า อยากจะได้สมบัติแม่ แม่ต้องเลิกกับพ่อตามตกลงกับทางบ้าน แต่ข้อตกลงนี้ พ่อไม่เคยรู้เลย
ความคิดเห็นที่ 6
น้องผู้หญิงคิดว่า ผู้ชายเป็นแฟน คอยสนับสนุนช่วยเหลือตลอด พอชายไม่มีปฏิเสธ ก็กลายว่าเป็นแฟนกันจริงๆ ไปใหนมาใหนด้วยกันตลอด ทำเหมือนสามีภรรยา
อีกหน่อยมาบอกว่า ไม่ได้ชอบในถานะแฟน เพราะมีคนชอบอยู่แล้วนี้ หมาเลยน๊ะ ผู้ชาย เพราะการกระทำมันชัดเจน
เรียนมหาลัยแล้วควรแยกแยะออกว่า การกระทำของผู้หญิงเค้าทำไปเพื่ออะไร อย่ามาอ้างว่า ผู้หญิงเข้าใจผิดเอง
ถ้าคิดว่าเค้าเป็นแค่เพื่อนก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับคำว่าเพื่อน ไม่รับไม่เอาอะไร บอกว่าทำแบบนี้มันไม่ดี เราเป็นเพื่อนกัน และเราก็ไม่ได้ชอบเธอแบบแฟน เราชอบเธอแบบเพื่อน
เดี๋ยวมันจะมองหน้ากันไม่ติด เพื่อนๆ ในกลุ่มก็จะมองว่า หลอกผู้หญิงกิน
สมัยก่อนผมเรียน ม.ปลาย ก็มีผู้หญิงซื้อของให้แบบนี้แหละ แต่ผมบอกว่า ผมไม่รับ ขอบคุณ เพราะเราเข้าใจว่า เค้าให้เพราะต้องการอะไร
เพราะถ้าเราชอบใครเราก็จะมักซื้อของให้เค้าเหมือนกัน ถ้าเค้ารับก็แสดงว่า ยอมรับการเป็นแฟน
อีกหน่อยมาบอกว่า ไม่ได้ชอบในถานะแฟน เพราะมีคนชอบอยู่แล้วนี้ หมาเลยน๊ะ ผู้ชาย เพราะการกระทำมันชัดเจน
เรียนมหาลัยแล้วควรแยกแยะออกว่า การกระทำของผู้หญิงเค้าทำไปเพื่ออะไร อย่ามาอ้างว่า ผู้หญิงเข้าใจผิดเอง
ถ้าคิดว่าเค้าเป็นแค่เพื่อนก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับคำว่าเพื่อน ไม่รับไม่เอาอะไร บอกว่าทำแบบนี้มันไม่ดี เราเป็นเพื่อนกัน และเราก็ไม่ได้ชอบเธอแบบแฟน เราชอบเธอแบบเพื่อน
เดี๋ยวมันจะมองหน้ากันไม่ติด เพื่อนๆ ในกลุ่มก็จะมองว่า หลอกผู้หญิงกิน
สมัยก่อนผมเรียน ม.ปลาย ก็มีผู้หญิงซื้อของให้แบบนี้แหละ แต่ผมบอกว่า ผมไม่รับ ขอบคุณ เพราะเราเข้าใจว่า เค้าให้เพราะต้องการอะไร
เพราะถ้าเราชอบใครเราก็จะมักซื้อของให้เค้าเหมือนกัน ถ้าเค้ารับก็แสดงว่า ยอมรับการเป็นแฟน
ความคิดเห็นที่ 5
เด็กวัยนี้อยู่ในช่วงวัยการเติบโตค่ะ เขาจะต้องเรียนรู้อีกเยอะ เจออะไรอีกเยอะในวันข้างหน้า หน้าที่ของพ่อแม่คือสอนสิ่งที่ดีให้กับลูก ถือว่าสอนได้ดีและทำถูกแล้วค่ะ
ส่วนลูกจะเชื่อฟังหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา ลูกบางทีเราเลี้ยงได้แต่ตัว นะ แต่ฟังดูลูกของคุณยังมีจิตสำนึกที่ดีอยู่ ยังมาเล่าให้แม่ฟัง ยังมีการได้พูดคุย มีเหตุผลในการโต้แย้ง ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปหลอกผู้หญิงขนาดนั้นแต่ผู้หญิงน่าจะชอบมาก เลยมีความสุขที่ได้ซื้อของให้
ลองตั้งคำถามกับลูกว่า
ถ้ารับของราคาแพงแล้ว ลูกรับแล้วรู้สึกสบายใจหรือป่าว? รู้สึกอึดอัดไหม ? หรือรู้สึกดีไหม? ถ้าคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจก็บอกลูกไปตรงๆ อย่างน้อยเขาจะได้ตระหนักคิดว่า ถ้ารับของราคาแพงจากผญ แม่จะทุกข์ใจ ไม่สบายใจ
และสอนลูกไปว่า หากรับของเขาแล้ว ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย ผญสายเปย์เขาก็ต้องคาดหวังสิ่งที่ดีจากผู้ชาย แล้วถ้าวันหนึ่งลูกชายตอบสนองความต้องการเขาไม่ได้ แล้วจะเกิดปัญหาในภายหลังหรือเปล่า อันนี้ลูกต้องรับมือในสิ่งที่เจอนะ
พยายามฝึกคำถามให้ลูกได้คิดไตร่ตรอง มากกว่าการสั่งห้าม ว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้ เด็กในวัยนี้บางทีก็ไม่ใช่จะเชื่อผู้ใหญ่นะคะ บางทีเขาก็คิดว่าความคิดเขาถูก บางคนยังมองว่า พ่อแม่หัวโบราณด้วย
การมีลูกชาย สิ่งที่เน้นย้ำที่สุดคือ การเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติผู้หญิง ส่วนเรื่องให้สิ่งของ ของถูก ของแพง อันนี้เป็นเรื่องของทั้งสองคน หากลูกเราไม่ได้ไปขอหรือไปหลอกลวงใช้กลยุทธ์ให้ผู้หญิงซื้อให้ ก็น่าจะไม่ต้องกังวลมาก หากพวกเขาพึงพอใจที่จะให้กันด้วยความสเน่หาก็ให้เขารับผิดชอบกันเอง ทั้งคู่เข้าเรียนมหาลัยแล้ว ก็น่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว
ส่วนลูกจะเชื่อฟังหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา ลูกบางทีเราเลี้ยงได้แต่ตัว นะ แต่ฟังดูลูกของคุณยังมีจิตสำนึกที่ดีอยู่ ยังมาเล่าให้แม่ฟัง ยังมีการได้พูดคุย มีเหตุผลในการโต้แย้ง ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปหลอกผู้หญิงขนาดนั้นแต่ผู้หญิงน่าจะชอบมาก เลยมีความสุขที่ได้ซื้อของให้
ลองตั้งคำถามกับลูกว่า
ถ้ารับของราคาแพงแล้ว ลูกรับแล้วรู้สึกสบายใจหรือป่าว? รู้สึกอึดอัดไหม ? หรือรู้สึกดีไหม? ถ้าคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจก็บอกลูกไปตรงๆ อย่างน้อยเขาจะได้ตระหนักคิดว่า ถ้ารับของราคาแพงจากผญ แม่จะทุกข์ใจ ไม่สบายใจ
และสอนลูกไปว่า หากรับของเขาแล้ว ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย ผญสายเปย์เขาก็ต้องคาดหวังสิ่งที่ดีจากผู้ชาย แล้วถ้าวันหนึ่งลูกชายตอบสนองความต้องการเขาไม่ได้ แล้วจะเกิดปัญหาในภายหลังหรือเปล่า อันนี้ลูกต้องรับมือในสิ่งที่เจอนะ
พยายามฝึกคำถามให้ลูกได้คิดไตร่ตรอง มากกว่าการสั่งห้าม ว่าอย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้ เด็กในวัยนี้บางทีก็ไม่ใช่จะเชื่อผู้ใหญ่นะคะ บางทีเขาก็คิดว่าความคิดเขาถูก บางคนยังมองว่า พ่อแม่หัวโบราณด้วย
การมีลูกชาย สิ่งที่เน้นย้ำที่สุดคือ การเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติผู้หญิง ส่วนเรื่องให้สิ่งของ ของถูก ของแพง อันนี้เป็นเรื่องของทั้งสองคน หากลูกเราไม่ได้ไปขอหรือไปหลอกลวงใช้กลยุทธ์ให้ผู้หญิงซื้อให้ ก็น่าจะไม่ต้องกังวลมาก หากพวกเขาพึงพอใจที่จะให้กันด้วยความสเน่หาก็ให้เขารับผิดชอบกันเอง ทั้งคู่เข้าเรียนมหาลัยแล้ว ก็น่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว
แสดงความคิดเห็น
ควรสอนลูกชายอย่างไรดีว่าไม่ควรรับสิ่งของราคาแพงจากผู้หญิง
คือดิฉันมีลูกชายอยู่ในวัยเรียนมหาวิทยาลัย แล้วลูกชายก็ไปสนิทกับเพื่อนผู้หญิงคณะเดียวกัน อายุเท่ากัน คือ ผู้หญิง นิสัยดี เรียนเก่ง ทัศนคติดี ลูกชายคิดว่า ถ้าคบเพื่อนที่เก่งๆ ตัวเองจะได้ผลประโยชน์ในด้านการเรียนไปด้วย และอาจจะช่วยส่งเสริมกันในจุดนี้ได้ ก็เลยมาคบเป็นเพื่อนกัน ก็เลยสนิทกัน ผู้ชายคิดแบบเพื่อน
แต่ฝ่ายหญิงดูเหมือนจะชอบลูกชาย แบบเป็นแฟน ฝ่ายหญิงเป็นลูกคุณหนูพ่อแม่มีฐานะดี และมักจะชอบ ออกเงินจ่ายค่าอาหารให้ และก็ชอบเข้าร้านอาหารแพงๆ และผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจ่าย
ซึ่งลูกมาเล่าให้ฟัง ดิฉันรู้สึกไม่สบายใจ และสอนลูกตลอดว่าอย่าไปเอาเปรียบเพื่อนนะ เขาเลี้ยงเรา เราต้องเลี้ยงตอบ หาร 2 ก็ยังดี อย่าให้ผู้หญิงจ่ายทั้งหมด
-ลูกชายบอกว่า ถ้ากินข้าวร้านตามสั่ง 35-50 หรือข้าวในเซเว่น อันนี้ลูกขายก็จ่ายอยู่ แต่ถ้าเป็นร้านอาหารแพงๆ มื้อละ 1,000-2,000 ช่วยจ่ายไม่ไหวหรอก เพราะยังเป็นนักศึกษายังขอเงินพ่อแม่อยู่
ลูกชายของดิฉันก็แต่งตัวธรรมดา ตามประสาเด็กหนุ่ม เสื้อผ้าก็ตามตลาดนัดทั่วไป คือตัวละ 200-300 บาท ซื้อในเนต จะแพงหน่อยก็รองเท้าผ้าใบของแบรนด์เนมที่แม่ซื้อให้ เพราะเกี่ยวกับสุขภาพ
แล้วผู้หญิง ก็มักจะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้ ซึ่งลูกชายก็รับบ้าง ไม่รับบ้าง เกรงใจบ้าง แต่ผู้หญิงก็อยากให้ พยายามซื้อให้ประจำ
ซึ่งดิฉันจะสอนลูกตลอดว่า
-อย่าไปอยากได้ของๆคนอื่น
-ถ้าเขาให้อะไรก็ต้องรู้จักปฏิเสธ อย่ารับฝ่ายเดียว
-ห้ามยืมเงินหรือสิ่งของใคร ถ้ายืมก็ต้องรีบคืน
-ต้องมีสติ อย่าไปทำอะไรที่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน
นี่คือสิ่งที่ย้ำเตือนลูกตลอด
และเมื่อ 3 วันก่อน มือถือลูกชายพัง (ใช้แอนดรอยส์เครื่องละ 7,000-8,000 บาท) โทรมาบอกแม่ว่าให้แม่ซื้อมือถือให้ใหม่ ดิฉันเลยบอกว่า รอสิ้นเดือนนะ เดี๋ยวรูดบัตรเครดิตผ่อน 0% ให้ ลูกชายก็บอกโอเค
แล้วเมื่อวานลูกชายโทรมาบอกว่า สาวเพื่อนสนิทซื้อมือถือ ไอโฟนให้แล้ว แม่ไม่ต้องซื้อให้แล้ว (แล้วไอโฟนรุ่นใหม่ ราคาครึ่งแสน)
ดิฉันฟังแล้วรู้สึกช็อกมาก ทำไมลูกชายถึงไปรับของราคาแพงจากผู้หญิงขนาดนั่น ดิฉันบอกลูกว่า ให้คืนเขาไปอย่าไปรับ เพราะราคาสูง
เราเป็นผู้ชายไปรับของราคาแพงขนาดนั้น มันดูไม่ดี ถ้าพ่อแม่เขารู้เขาจะว่าเราได้ พยายามอธิบายให้ลูกฟังหลายๆอย่าง ว่าทำไมไม่ควรรับ
แต่ลูกชายก็เหมือนไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงรับไม่ได้ ในเมื่อคนให้เขาตั้งใจให้ และเขาก็ไม่ได้ขอหรือไปหลอกเขา ซึ่งลูกชายก็ปฎิเสธไปแล้ว ผญบอกถ้าไม่รับเขาเสียใจและเสียความรู้สึก
แล้วลูกชายมาย้อนถามแม่ว่า
(มันผิดด้วยเหรอที่จะรับของจากเพื่อนสนิทที่เขาตั้งใจให้ เขาไม่ได้มองว่ามันแพงเพราะเขาก็มีฐานะ ถ้าผมทำงานมีเงินเดือนสูงๆ อยากซื้อของสักชิ้นให้เพื่อนสนิทหรือสาวที่ชอบ จะถูกจะแพง มันก็คือความพึงพอใจระหว่างผู้ให้กับผู้รับ มันเป็นเรื่องผิดแปลกตรงไหน)
ดิฉันฟังแล้ว เครียดมาก จนนอนไม่หลับ ทำไมลูกชายถึงไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่สอนแม่สื่อ
ถามคุณพ่อแม่หน่อยค่ะ ดิฉันสอนลูกผิดไปตรงไหนหรือเปล่า และควรสอนเขาในทิศทางไหนดี