งงมากกับความคิดผู้ใหญ่ ตัวอย่างก็มีให้เห็น กับการห้ามชมลูก

เรื่องมีอยู่ว่า 
ผมมีลูก แต่เอาเข้าบ้านไม่ได้ ทุกวันนี้ต้องจ้างคนรู้จักที่สนิท เอาไปเลี้ยงที่บ้านเค้า
ส่วนผม ก็ต้องๆไปๆมาๆๆ เช่าคอนโดอยู่ด้วย
พ่อแม่ผม แม้แต่ทะเบี้ยนบ้านก็ไม่ให้ใช้ ต้องเอาไปฝากทะเบียนบ้านคนอื่น
แม่ผมไม่เอาหลานแน่ๆๆ
ส่วนพ่อ กว่าจะมาเยือมหลานได้ ปาไป 3 เดือน แถมที่มาเนี่ยคือ โดน คนที่รู้จัก ไซโค ว่าเมื่อจะมาดูหลาน ไม่อยากเห็นหน้าจริงๆๆใช่ไหม

แต่พอมาแล้ว คนรู้จักเค้าก็ชมผมให้ พ่อ พี่พ่อ น้องพ่อ ฟังว่าผมเ่ลี้ยงเก่ง
ผมก็บอกว่า เป้นความดีความชอบของน้องเค้ัา เลี้ยงง่าย ไม่งอแง ยกเว้นเรื่องกิน
แฉะ ง่วง อยากให้อุ้ม คือ อย่างมากก้ร้อง อ้อ แอ้ ไม่มีร้องงอแง

พี่น้องพ่อ บอกว่า ห้ามชมแบบนี้ ชมแบบนี้ โตมาจะเลี้ยงยาก

สิ่งที่จะบอกก็คือ ถ้าเทียบกับตัวผมแล้ว เกิดมาไม่เคยได้รับคำชม อะไรจาก พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เลย โดยเฉพาะแม่ จะบอกว่า ห้ามทุกคนชมเพราะจะทำให้ลูกเหลิง 
แต่เวลาทำผิดที แม่จะเอาประจานให้ญาติพี่อน้อง เพื่อน ฟัง แถมอาม่าเรียกทุกคนมารุมด่า ต่อว่าผม

คืองง ถ้าทำดีห้ามชม ดังนั้น ทำผิดก็ห้ามด่าด้วยสิ แต่นี่คืออะไร ทำดีห้ามชม ทำผิดต้องรุม ด่า ต่อว่า ตรรกะไหนเนี่ย
แม้แต่บางครั้งทำดีให้ตายยังไง ก็ยังโดนด่า โดนต่อว่า เช่น ป 1 เคยเขียนกลอนวันแม่ให้แม่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ โง่ เขียน ก็เขียนผิด คำว่า ครรภ์ เป็นขัน
จะเอาอะไรกับเด็ก ป1 ทำไมไม่มองด้านดีลูกบ้าง อุตสาห์เขียนให้แม่ด้วยความรัก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ คำด่า
แม้กระทั่ง การไปโรงเรียน และกลับมาจากโรงเรียน ตะโกนบอกแม่ว่า ผมไปละน่ะ ผมกลับมาล่ะนะ - คือไม่เคยมีใครสอนให้ทำแบบนี้มาก่อน แต่ผมเห็นญาติทำ ผมก็ทำบ้าง ในครอบครัวผมพี่น้อง 4 คน ผมเป็นคนทำคนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป แม่จะบอกว่าเค้าเป็นคนสอน และพี่ชายคนโตเป็นคนทำคนแรก แม้กระทั่งพี่ชาย ก็ไม่มียางเลย อวยตัวเองว่า ตัวเองทำก่อนเป้นคนแรก - ความดีของผม กลายเป็นของพี่คนโต สรุปว่า เค้าเป็นพี่คนโต ความดีทุกสิ่งทุกอย่างที่น้องเป็นคนเริ่ม กลายเป้นความดีของพี่ ด้วยคติที่ว่า เค้าเป็นคนโต ดังนั้นถ้าไม่ใช่ทำคนแรก แล้วน้องจะทำได้อย่าง เป็นสิทธิพิเศษของพี่คนโต

ในทางตรงกันข้าม ความไม่ดีของพี่กลายมาเป็นความไม่ดีของน้องคนเล็กอย่างผม เช่น แม่สอนว่า จะไปไหน ต้องปิดทีวีด้วย ถึงเราจะไม่ใช่คนเปิด แต่ถ้าเห็นก็ต้องช่วยปิดด้วย พอผมทำตามผมไมไ่ด้เปิดทีวี แต่พี่เป็นคนเปิดทีวิทิ้งไว้ไม่อยู่หน้าจอ ผมก็ไปปิด แต่พวกพี่ไปฟ้องแม่ว่า ผมไปปิดทีวี พี่ ผมก็โดนแม่ว่า แล้วพอมาครั้งหลัง ผมไม่ได้เปิดทีวีน่ะ แต่เห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วทีวี ก็เปิดอยู่ ผมก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น คราวนี้ผมก็โดนว่าทำไมไม่ช่วยปิด แล้วก็อีกนั้นแหละ พอผมเปิดทีวิทิ้งไว้ พวกพี่มาเห็นไม่ช่วยปิด แม่ก็ว่าผมอีกเป้นคนเปิด ก็ต้องเป็นคนปิด สรุปจะเอายังไง จะต้องคนเปิดเป็นคนปิด หรือจะต้องช่วยกันปิด โดนทั้งขึ้นทั่งร่อง - ก็สรุปได้ว่า ถ้าเป็นผม คือผิดทุกอย่าง แม้ว่าผมจะทำตามคำสอนอะไรก็ตาม ต้องหาเหตุผลที่ผมเป็นคนผิดอยู่ดี

ถามว่าผมรักใตรในบ้านไหม คำตอบคือไม่ รักพ่อ รักแม่ รักพี่ รักญาติ ไม่อยู่ในหัวเลย และไม่มีความรู้สึกแบบนั้นด้วย แม้กับตัวเองก็ยังไม่รัก และไม่มีความภูมิใจอะไรในตัวเองเลย ทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เหลวเปลวตลอด ถ้าให้บอกตรงๆๆ ผมก็เป้นคนเยาะแหยะ จะว่าไม่เอาไหนก็ได้ ถ้าไม่มีกงสิ บอกตรงๆ ไม่มีปัญญาหาเงินเองได้เลย

ตอนนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว ถึงตัวผมจะไม่มีความภูมิในตัวเอง ทำอะไรก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เยาะแหยะ
แต่อย่างน้อยก็รู้ว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ ถ้าไม่ชมลูกตัวเอง แล้วใครจะมาชม ถึงคนอื่นมาชม ยังไงก็ไม่เท่ากับพ่อแม่ชมลูกหรอก
การสร้างความภูมิใจในตัวเองให้ลูก สร้างความมั่นคงในจิตใจให้ลูกเป็นหน้าที่พ่อแม่
ถ้าพ่อแม่ไม่รู้จักภูมิใจในตัวลูก แล้วลุกจะภูมิใจในตัวพ่อแม่ไหม

อยากจะรู้จริงๆๆ ยังมีพ่อแม่คนไหน ที่ยังเลี้ยงลูกแบบ ห้ามชมลูก กลัวลูกเหลิง แม้แต่ห้ามคนชมลูกด้วย
แถม เวลาลูกทำผิด ต้องประจานลูก
ห้ามลูกทำอะไรด้วยตัวเอง เอะอะ ต้องรายงาน ต้องขออนุญาติ พ่อแม่ ซะทุกเรื่องไม่หัดให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง และดีแต่บังคับลูกให้ทำ ให้เป็น ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ถึงจะมาลงถามในนี้ ก็คงไม่ใครมาตอบหรอกว่า ตัวเองยังเลี้ยงลูกแบบนี้อยู่ จริงไหม
แต่ก็ลองถามดูเพื่อยังคนเลี้ยงลูกแบบนี้ อยากรุ้วิธิคิดว่าทำไมเลี้ยงลูกแบบนี้ มีข้อดียังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่