เมื่อปี 2015 ผมได้เดินทางไป ฝรั่งเศส อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ แล้วมีความประทับใจในบ้านเมืองของยุโรป ภาพของหอไอเฟล พระราชวังแวร์ซาส์ เมืองโบราณเบิร์น โคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่ หอเอนปิซ่า เซียน่าเมืองต้องมนต์ขลัง ฟลอเรนซ์เมืองที่อยากจะหยุดวิญญาณไว้ เวนิสไข่มุกแห่งยุโรป และยังตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติและภูมิประเทศอันสวยงาม ทะเลสาบอินเตอร์ลาเก้น มิวเร่นหมู่บ้านบนเขาสูง ทั้งหมดนี้เป็นภาพความทรงจำอันสุดแสนประทับใจ จึงทำให้ถึงเวลาผ่านมานานแล้ว ก็ยังอยากจะบันทึกเป็นความทรงจำไว้
ในตอนนั้นก่อนเดินทาง ก็วางแผนกันว่าอยากจะไปประเทศไหน เนื่องจากเป็นการเดินทางไปยุโรปครั้งแรก ก็เลือกประเทศที่อยากไปมากที่สุด และอยากไปหลายประเทศ หลายดินแดน เพื่อจะได้สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง ศึกษาประวัติศาสตร์พบว่าในสมัยโบราณนั้นยุโรปรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นอาณาจักรโรมันโบราณ แล้วเป็นอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ต่อมาเกิดแยกกันด้วยเหตุผลทางการเมืองส่วนหนึ่ง แยกกันด้วยความแตกต่างกันด้านภาษาวัฒนธรรมประเพณีเชื้อชาติส่วนหนึ่ง จนมารวมกันเป็นสหภาพยุโรป (EU) ในปัจจุบัน ประเทศในยุโรปเหล่านี้ยังมีความเชื่อมโยงกันในสายแห่งวัฒนธรรม ยิ่งเราท่องเที่ยวไปก็ยิ่งพบทั้งความเหมือนและความแตกต่าง
ผมลองเลือกประเทศ เมือง ดินแดนที่อยากไป ด้วยเหตุผลข้อจำกัดทางด้านเวลาที่ต้องไม่เกิน 12-14 วัน เริ่มจากลิสต์รายการเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากที่เด่น ๆ ศึกษาหาข้อมูลแต่ละที่ ดูรูปภาพ จนค่อย ๆ ตัดเมืองที่อยากไปน้อยที่สุดออกไปทีละเมือง บางเมืองต้องจำใจตัดออกด้วยความเสียดายอย่างมาก ๆ ในที่สุดก็ได้รายการเมืองที่จะไปดังนี้
1. ปารีส นครโรแมนติค แห่งยุโรป ศูนย์รวมศิลปะ วัฒนธรรม ความงาม แฟชั่น เมืองเอกของโลก ที่ฝรั่งเศส ผมพัก 3 คืน
เที่ยวสถานที่ดังต่อไปนี้ Nostre- Dame, Ile St. Loius, สะพาน Pont d’ Arcole, Lourve, Arc de Triomphe, Avenue des Champs Elysees, la Tour Eiffel, Basilique du Sacre Coeur, Monmartre ปิดท้ายด้วย พระราชวังแวร์ซายส์
2. Bern เข้าสู่สวิสเซอร์แลนด์ ประเทศในฝันของใครหลาย ๆ คน เริ่มที่เบิร์น เมืองที่สวยงามมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป กรุงเบิร์น (Bern) เป็นเมืองหลวง และตั้งอยู่ใจกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความโดดเด่นอย่างน่าประทับใจของเมืองเก่าสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นตัวอย่างผังเมืองของสมัยกลางที่ดีมากที่สุดในทวีปยุโรป จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกโดยยูเนสโกตั้งแต่ปี 1983
3. Interlaken เมืองในฝันของใครหลายๆ คน เมืองสวยที่รายล้อมด้วยทะเลสาบถึง 2 แห่ง อีกทั้งยังเป็นทางขึ้น ยอดเขายุงเฟรา จุดที่สูงที่สุดในยุโรป แถมยังเป็น มรดกโลกแห่งแรกของเทือกเขาแอลป์ด้วย
4. Luzern เมืองโรแมนติคแห่งภูเขาและสายน้ำ เมืองที่ใครไปสวิสฯ ก็ต้องไปเยือน
5. Venezia เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ มนต์เสน่ห์ อิตาลี จุดหมายปลางทางสุดโรแมนติค แห่งแคว้นเวเนโต ประเทศ อิตาลี หนึ่งในเมืองมรดกโลก
6. Firenze เมืองสวยที่ชอบที่สุดในทริป ได้อารมณ์โรแมนติคมากที่สุด ความสวยงาม ความเป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศศิลปะไปทั่วทุกมุม เป็นเมืองที่อยากจะฝังหัวใจไว้จริง ๆ ผมอยูที่เมืองนี้ถึง 4 วัน 3 คืน เที่ยวกันชุ่มปอดไปเลย
7. Piza เมืองแห่งหอเอนเมืองปิซา อดีตเมืองท่าค้าขายที่รุ่งเรืองของอิตาลี
8. Siena ซีเอนาเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมในยุคกลาง ใจกลางเมืองเก่าของซีเอนาถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
9. Roma เมืองหลวงของอิตาลี ที่สุดแห่งความประทับใจ ที่สุดแห่งความอลังการแห่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ เดินในโรมเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโรมันโบราณ เพราะเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเข้มขลังของอารยธรรมโรมัน
จนออกมาได้เป็นแผนการเดินทาง
ตารางเวลาเดินทางและค่าใช้จ่ายด้วยรถไฟ เป็นดังนี้ครับ
ผ่านอะไรมาบ้าง
- 11 เมือง ปารีส แวร์ซายส์ เบิร์น อินเตอร์ลาเก้น เบี้ยนซ์ ลูเซิร์น เวนิส ฟลอเรนซ์ เซียน่า ปิซ่า โรม
- มหาวิหารและโบสถ์ตามเมืองต่าง ๆ
- พระราชวังและปราสาทโบราณ
ผ่านเมือง มหาวิหาร ปราสาท พระราชวัง ภูเขาหิมะ หมู่บ้านบนภูเขาสูง 1,000 กว่ากิโลเมตร 3 ประเทศ จากยุโรปตะวันตกสู่ยุโรปกลาง นั่งรถไฟเลียบเทือกเขาเขาแอลป์ เลียบแม่น้ำ ผ่านอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ปีนป้อมปราการอัศวิน ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สู่ดินแดนที่สวยงามเหมือนความฝัน ได้สัมผัสลม เปียกสายฝน ล่องแม่น้ำ เขวี้ยงตัวในกองหิมะ ล่องลอยไปตามฝัน เป็นส่วนหนึ่งของวันเวลา เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำอันงดงาม
Backpack ดีอย่างไร
นักเดินทางแบบเดินย่ำต๊อกไปเรื่อย ๆ นี่ดีหลายอย่าง อยากแวะไหนก็แวะ นั่งพักได้นาน ๆ ทอดน่องไปตามใจชอบ มองเห็นผู้คน เห็นวิถีแห่งถิ่น เมื่ออยู่ในเมืองจังหวะชีวิตก็เคลื่อนไปพร้อมเมือง อยู่บนภูเขาก็ปีนไปกับภูเขา อยู่กับแม่น้ำก็ไหลเอื่อย ๆ เหมือนกับตัวเองเป็นสายน้ำ เป็นลมที่พัดแทรกไปตามซอกเขา เป็นใบไม้ที่ร่วงหล่นตามฤดูกาล เป็นหยาดของน้ำค้างที่ซัดเกาะไปตามซอกหิน เป็นวันเวลา เป็นโมงยาม เป็นยามนิทรา เป็นยามตื่นจากฝัน
การ backpack ไปเอง และไปกันแค่สองคน ทำให้มีเวลาทำอะไรมากมาย ได้เดินไปในทุกซอกทุกมุมที่ใจอยากไป ได้ยินเสียงระฆังดัง ได้เข้าไปฟังพระสวดและคนอธิษฐานในโบสถ์โบราณ เฝ้าดูผู้คนเดินไปมาเหมือนปลาที่ว่ายอย่างอิสระเสรีในน้ำ เห็นยิปซีเร่ร่อนขอทาน เห็นตำรวจตรวจตราตามสถานีรถไฟ คนไร้บ้านนอนข้างตึกและใช้กล่องแทนผ้าห่ม ผู้คนนั่งจิบไวน์กลางแสงแดด พระอาทิตย์ตกช้าเวลาสามทุ่ม นั่งรถไฟและกระเช้าขึ้นไปดูหมู่บ้านที่สร้างบนภูเขาสูง ตามทางมีหิมะขาวโพลน เทือกเขาหิมะงดงามเหมือนภาพวาด ล่องเรือไปสู่ทะเลสาบที่ขนาบไปกับหุบเขา สวยงามราวเทพนิยาย มีเวลาหยุดคิด วาดภาพจากที่ตาเห็น นั่งดูบ้านเรือนชนบทของยุโรปผ่านหน้าต่างรถไฟ เห็นฝูงปศุสัตว์เล็มหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง เห็นดอกไม้บนเชิงเขาที่เพิ่งเริ่มบาน เห็นศิลปินข้างถนนวาดภาพป้อมปราสาทในเชิงเขา ผู้คนชาวอิตาลีกางร่มเมื่อฝนตกในยามเช้า อากาศยิ่งหนาวเหน็บ นาฬิกายักษ์ในเบิร์นตีบอกเวลาในยามเย็น เด็กวัยรุ่นมารวมตัวกันนับพันคนที่จตุรัส วงออเครสต้าระดับโลกมาแสดงที่หน้ามหาวิหารในฟลอเร้นซ์ รถไฟท้องถิ่นแล่นจอดตามสถานีต่าง ๆ ผู้คนเดินทางขึ้นลงรถไฟรวดเร็ว บ้านเรือนในเมืองโบราณงดงามเข้มขลัง เมื่อเดินผ่านเหมือนมีวิญญาณของคนโบราณสถิตย์อยู่ที่นั่น กระท่อมที่ปลูกอยู่ตามที่ราบระหว่างหุบเขาดูอบอุ่นจนอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแบบนั้นตลอดไป ได้พักในโฮสเทลที่อยู่ข้างทะเลสาบ ยามกลางคืนทะเลสาบราบเรียบดุจผิวกระจก พอถึงยามเช้าเมืองกลับสงบและอ่อนโยน
การเดินทางคราวนี้ทำให้เข้าใจว่า ทำไมศิลปิน กวี นักเขียนส่วนมากถึงชอบการเดินทาง ถ้าอยากจะสร้างผลงานที่งดงามคุณต้องเดินทาง ศิลปินไม่สามารถสร้างงานจากความว่างเปล่าได้ คุณต้องเดินทางไปเห็นสิ่งต่าง ๆ ไปพบเจอด้านที่คุณไม่เคยเห็นในโลก และถึงแม้คุณไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศิลปิน คุณก็ควรที่จะเดินทาง เพราะชีวิตสั้นนัก แต่โลกนี้กว้างใหญ่และสวยงาม
[CR] ฝันจะไปยุโรป ก็ได้ไป : ฝรั่งเศส-สวิสเซอร์แลนด์-อิตาลี : Episode 1 ปารีส นครโรแมนติค
ในตอนนั้นก่อนเดินทาง ก็วางแผนกันว่าอยากจะไปประเทศไหน เนื่องจากเป็นการเดินทางไปยุโรปครั้งแรก ก็เลือกประเทศที่อยากไปมากที่สุด และอยากไปหลายประเทศ หลายดินแดน เพื่อจะได้สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง ศึกษาประวัติศาสตร์พบว่าในสมัยโบราณนั้นยุโรปรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นอาณาจักรโรมันโบราณ แล้วเป็นอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ต่อมาเกิดแยกกันด้วยเหตุผลทางการเมืองส่วนหนึ่ง แยกกันด้วยความแตกต่างกันด้านภาษาวัฒนธรรมประเพณีเชื้อชาติส่วนหนึ่ง จนมารวมกันเป็นสหภาพยุโรป (EU) ในปัจจุบัน ประเทศในยุโรปเหล่านี้ยังมีความเชื่อมโยงกันในสายแห่งวัฒนธรรม ยิ่งเราท่องเที่ยวไปก็ยิ่งพบทั้งความเหมือนและความแตกต่าง
ผมลองเลือกประเทศ เมือง ดินแดนที่อยากไป ด้วยเหตุผลข้อจำกัดทางด้านเวลาที่ต้องไม่เกิน 12-14 วัน เริ่มจากลิสต์รายการเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมากที่เด่น ๆ ศึกษาหาข้อมูลแต่ละที่ ดูรูปภาพ จนค่อย ๆ ตัดเมืองที่อยากไปน้อยที่สุดออกไปทีละเมือง บางเมืองต้องจำใจตัดออกด้วยความเสียดายอย่างมาก ๆ ในที่สุดก็ได้รายการเมืองที่จะไปดังนี้
1. ปารีส นครโรแมนติค แห่งยุโรป ศูนย์รวมศิลปะ วัฒนธรรม ความงาม แฟชั่น เมืองเอกของโลก ที่ฝรั่งเศส ผมพัก 3 คืน
เที่ยวสถานที่ดังต่อไปนี้ Nostre- Dame, Ile St. Loius, สะพาน Pont d’ Arcole, Lourve, Arc de Triomphe, Avenue des Champs Elysees, la Tour Eiffel, Basilique du Sacre Coeur, Monmartre ปิดท้ายด้วย พระราชวังแวร์ซายส์
2. Bern เข้าสู่สวิสเซอร์แลนด์ ประเทศในฝันของใครหลาย ๆ คน เริ่มที่เบิร์น เมืองที่สวยงามมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรป กรุงเบิร์น (Bern) เป็นเมืองหลวง และตั้งอยู่ใจกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความโดดเด่นอย่างน่าประทับใจของเมืองเก่าสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นตัวอย่างผังเมืองของสมัยกลางที่ดีมากที่สุดในทวีปยุโรป จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกโดยยูเนสโกตั้งแต่ปี 1983
3. Interlaken เมืองในฝันของใครหลายๆ คน เมืองสวยที่รายล้อมด้วยทะเลสาบถึง 2 แห่ง อีกทั้งยังเป็นทางขึ้น ยอดเขายุงเฟรา จุดที่สูงที่สุดในยุโรป แถมยังเป็น มรดกโลกแห่งแรกของเทือกเขาแอลป์ด้วย
4. Luzern เมืองโรแมนติคแห่งภูเขาและสายน้ำ เมืองที่ใครไปสวิสฯ ก็ต้องไปเยือน
5. Venezia เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ มนต์เสน่ห์ อิตาลี จุดหมายปลางทางสุดโรแมนติค แห่งแคว้นเวเนโต ประเทศ อิตาลี หนึ่งในเมืองมรดกโลก
6. Firenze เมืองสวยที่ชอบที่สุดในทริป ได้อารมณ์โรแมนติคมากที่สุด ความสวยงาม ความเป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศศิลปะไปทั่วทุกมุม เป็นเมืองที่อยากจะฝังหัวใจไว้จริง ๆ ผมอยูที่เมืองนี้ถึง 4 วัน 3 คืน เที่ยวกันชุ่มปอดไปเลย
7. Piza เมืองแห่งหอเอนเมืองปิซา อดีตเมืองท่าค้าขายที่รุ่งเรืองของอิตาลี
8. Siena ซีเอนาเป็นเมืองคู่แข่งของฟลอเรนซ์ที่มีชื่อเสียงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมในยุคกลาง ใจกลางเมืองเก่าของซีเอนาถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก
9. Roma เมืองหลวงของอิตาลี ที่สุดแห่งความประทับใจ ที่สุดแห่งความอลังการแห่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ เดินในโรมเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโรมันโบราณ เพราะเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเข้มขลังของอารยธรรมโรมัน
จนออกมาได้เป็นแผนการเดินทาง
ตารางเวลาเดินทางและค่าใช้จ่ายด้วยรถไฟ เป็นดังนี้ครับ
ผ่านอะไรมาบ้าง
- 11 เมือง ปารีส แวร์ซายส์ เบิร์น อินเตอร์ลาเก้น เบี้ยนซ์ ลูเซิร์น เวนิส ฟลอเรนซ์ เซียน่า ปิซ่า โรม
- มหาวิหารและโบสถ์ตามเมืองต่าง ๆ
- พระราชวังและปราสาทโบราณ
ผ่านเมือง มหาวิหาร ปราสาท พระราชวัง ภูเขาหิมะ หมู่บ้านบนภูเขาสูง 1,000 กว่ากิโลเมตร 3 ประเทศ จากยุโรปตะวันตกสู่ยุโรปกลาง นั่งรถไฟเลียบเทือกเขาเขาแอลป์ เลียบแม่น้ำ ผ่านอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ปีนป้อมปราการอัศวิน ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สู่ดินแดนที่สวยงามเหมือนความฝัน ได้สัมผัสลม เปียกสายฝน ล่องแม่น้ำ เขวี้ยงตัวในกองหิมะ ล่องลอยไปตามฝัน เป็นส่วนหนึ่งของวันเวลา เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำอันงดงาม
Backpack ดีอย่างไร
นักเดินทางแบบเดินย่ำต๊อกไปเรื่อย ๆ นี่ดีหลายอย่าง อยากแวะไหนก็แวะ นั่งพักได้นาน ๆ ทอดน่องไปตามใจชอบ มองเห็นผู้คน เห็นวิถีแห่งถิ่น เมื่ออยู่ในเมืองจังหวะชีวิตก็เคลื่อนไปพร้อมเมือง อยู่บนภูเขาก็ปีนไปกับภูเขา อยู่กับแม่น้ำก็ไหลเอื่อย ๆ เหมือนกับตัวเองเป็นสายน้ำ เป็นลมที่พัดแทรกไปตามซอกเขา เป็นใบไม้ที่ร่วงหล่นตามฤดูกาล เป็นหยาดของน้ำค้างที่ซัดเกาะไปตามซอกหิน เป็นวันเวลา เป็นโมงยาม เป็นยามนิทรา เป็นยามตื่นจากฝัน
การ backpack ไปเอง และไปกันแค่สองคน ทำให้มีเวลาทำอะไรมากมาย ได้เดินไปในทุกซอกทุกมุมที่ใจอยากไป ได้ยินเสียงระฆังดัง ได้เข้าไปฟังพระสวดและคนอธิษฐานในโบสถ์โบราณ เฝ้าดูผู้คนเดินไปมาเหมือนปลาที่ว่ายอย่างอิสระเสรีในน้ำ เห็นยิปซีเร่ร่อนขอทาน เห็นตำรวจตรวจตราตามสถานีรถไฟ คนไร้บ้านนอนข้างตึกและใช้กล่องแทนผ้าห่ม ผู้คนนั่งจิบไวน์กลางแสงแดด พระอาทิตย์ตกช้าเวลาสามทุ่ม นั่งรถไฟและกระเช้าขึ้นไปดูหมู่บ้านที่สร้างบนภูเขาสูง ตามทางมีหิมะขาวโพลน เทือกเขาหิมะงดงามเหมือนภาพวาด ล่องเรือไปสู่ทะเลสาบที่ขนาบไปกับหุบเขา สวยงามราวเทพนิยาย มีเวลาหยุดคิด วาดภาพจากที่ตาเห็น นั่งดูบ้านเรือนชนบทของยุโรปผ่านหน้าต่างรถไฟ เห็นฝูงปศุสัตว์เล็มหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง เห็นดอกไม้บนเชิงเขาที่เพิ่งเริ่มบาน เห็นศิลปินข้างถนนวาดภาพป้อมปราสาทในเชิงเขา ผู้คนชาวอิตาลีกางร่มเมื่อฝนตกในยามเช้า อากาศยิ่งหนาวเหน็บ นาฬิกายักษ์ในเบิร์นตีบอกเวลาในยามเย็น เด็กวัยรุ่นมารวมตัวกันนับพันคนที่จตุรัส วงออเครสต้าระดับโลกมาแสดงที่หน้ามหาวิหารในฟลอเร้นซ์ รถไฟท้องถิ่นแล่นจอดตามสถานีต่าง ๆ ผู้คนเดินทางขึ้นลงรถไฟรวดเร็ว บ้านเรือนในเมืองโบราณงดงามเข้มขลัง เมื่อเดินผ่านเหมือนมีวิญญาณของคนโบราณสถิตย์อยู่ที่นั่น กระท่อมที่ปลูกอยู่ตามที่ราบระหว่างหุบเขาดูอบอุ่นจนอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านแบบนั้นตลอดไป ได้พักในโฮสเทลที่อยู่ข้างทะเลสาบ ยามกลางคืนทะเลสาบราบเรียบดุจผิวกระจก พอถึงยามเช้าเมืองกลับสงบและอ่อนโยน
การเดินทางคราวนี้ทำให้เข้าใจว่า ทำไมศิลปิน กวี นักเขียนส่วนมากถึงชอบการเดินทาง ถ้าอยากจะสร้างผลงานที่งดงามคุณต้องเดินทาง ศิลปินไม่สามารถสร้างงานจากความว่างเปล่าได้ คุณต้องเดินทางไปเห็นสิ่งต่าง ๆ ไปพบเจอด้านที่คุณไม่เคยเห็นในโลก และถึงแม้คุณไม่ได้ต้องการที่จะเป็นศิลปิน คุณก็ควรที่จะเดินทาง เพราะชีวิตสั้นนัก แต่โลกนี้กว้างใหญ่และสวยงาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้