เมื่อเราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เราเชื่อว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา เราจะใช้ธรรมะจัดการได้อย่างไร

เป็นคนสนใจเรื่องธรรมะค่ะ และปัจจุบันก็พยายามตามดูจิต และปฏิบัติตามแนวทางสติปัฎฐาน 4 ทำได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะแต่ก็ถือว่าได้ในระดับที่มากกว่าเมื่อก่อนเยอะ ใจเย็นขึ้น ตามทันความคิดลบและความคิดที่ไม่ดีของเราและของคนอื่นมากขึ้น และก็เห็นกิเลสของเราและของคนอื่นมากขึ้น  แต่มีหลายครั้งที่บางทีมีเรื่องมากระทบ สติเราก็ไม่ไวพอที่จะตามรู้ทันกิเลส มารู้ตัวอีกทีก็มีอารมณ์ที่ไม่ดีนั้นไปแล้ว และบางครั้งก็มีความโกธรที่แม้เราจะรู้ก็ไม่อาจจะระงับได้ มีแสดงออกความโกธรด้วยคำพูดไปบ้างเล็กน้อยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนช่วงหลายปีก่อนปฏิบัติธรรม  เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว ก็รู้สึกละลายใจเหมือนกันค่ะ เราปฏิบัติธรรมแต่ก็ยังระงับไม่ได้ โดยเฉพาะกับปัญหาที่มีกับพี่สาวของเราเองที่เราเชื่อว่าคงเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อน อันนี้เราก็พยายามแผ่เมตตา ให้ความกรุณา ทั้งด้วยกำลังทรัพย์ อาหารหรือความช่วยเหลือ หรือแม้แต่แบ่งบุญกุศลค่ะแต่ก็รู้สึกเหมือนกิเลสตัวนี้มันมีรากหยั่งลึกมาก และมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นประจำในครอบครัว เมื่อปัญหาเกิดขึ้นเรายังมีโกธร ขุ่นเคืองใจ ไม่ชอบใจในการกระทำของเค้า ตอนนี้เราใช้วิธีหลีกเลี่ยง ไม่อยู่ในบริเวณเดียวกัน หลบหลีก แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นเราก็ยังคิดและมีกิเลสติดในใจ  เราพยายามจะวางเฉย แต่เหตุการณ์บางอย่างก็มากระตุ้นจนได้เราก็เผลอ มีอารมณ์โกธรในบางครั้ง 

ใครมีวิธีรับมือกับความโกธร กับคนที่เค้าทำไม่ดีกับเรา เราจะใช้ธรรมะจัดการอย่างไร ช่วยแนะนำหรือแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องทะเลาะกันในครอบครัว
(เจ้ากรรมนายเวร ที่มาในรูปแบบญาติ สันนิษฐานได้ว่า เป็นกรรมที่แต่เดิม เราทำไว้ต่อเนื่องยาวนานตลอดชีวิต)

1. ช่วงที่ยังต้านไม่ไหว ให้หลีกเลี่ยงให้มากที่สุด  ใช้หลัก ยอมแพ้เขาได้ทุกเรื่อง เพียงเพื่อชนะกิเลสในใจตน

2. เราไม่ได้เจริญสติ “เพื่อจะไม่โกรธ” นะคะ
เราเจริญสติ เพื่อจะได้ “รู้เท่าทัน” ยามที่ความโกรธผุดขึ้นมา …
เท่าทันว่า มันเกิดขึ้นได้เอง “เมื่อมีเหตุ” และ มันดับลงได้เอง “เมื่อหมดเหตุ”

และเมื่อเราเท่าทันแบบนี้ ตัวโทสะ จะไม่มีกำลังตั้งอยู่ในจิตเรานานค่ะ  พอรู้สึกตัวปุ๊ป ความโกรธจะหายไปต่อหน้าต่อตา
(รวดเร็วแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ กำลังทางจิต ที่เราฝึกรู้ฝึกดูต่อเนื่อง ระหว่างวันด้วยค่ะ)

3. อย่าไปสงสัย ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ / ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้
ความคิดทำนองนี้ ยิ่งคิด ยิ่งจมค่ะ  

พฤติกรรม ที่เจ้ากรรมนายเวร ทำกับเราน่ะ มันเอาเหตุผลธรรมดาของชาวโลกมาปรับไม่ได้เลยค่ะ
เราดีแทบตาย เขาก็จะแปลเจตนาเราผิดเพี้ยนไปได้เสมอเลย

4. หากจิตใจมีโทสะคุกรุ่น ก็ให้มีแค่ที่ใจค่ะ ตั้งใจไว้ล่วงหน้า ให้แน่วแน่ ว่า จะไม่พูดหรือ ทำอะไรกับเขาในเวลาโกรธ
ตรงนี้ ต้องใช้ขันติธรรมช่วย

5. หมั่นแผ่เมตตาให้เขา  ยามที่จิตใจเราปกติดี แม้ดูเหมือนจะยาก แต่ได้ผลดีมาก  ให้มองเขาเป็นเพียงเพื่อนทุกข์คนหนึ่งค่ะ
เขามีทุกข์ประจำขันธ์ไม่ต่างจากเรา ไม่ต่างจากใครๆ สุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องถูกบีบคั้น ด้วยความแก่ ความเจ็บป่วย และความตาย เท่าเรา
พิจารณาเนืองๆ จนจิตยอมรับความจริงตรงนี้  จนเป็นอารมณ์ชินที่จะเมตตา มากกว่าถือสา

หากเป็นไปได้ หาโอกาสทำบุญด้วยกันบ่อยๆ
หลังทำบุญด้วยกันแล้ว หมั่นเปล่งวาจาอโหสิกรรมต่อกัน (จะช่วยให้กรรมดำจางคลายลงเร็วกว่าเดิมค่ะ)

ขอให้ชนะ เจ้ากรรมนายเวรได้ด้วย กรรมดีปัจจุบันนะคะ

เทียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่